กระทรวงพาณิชย์ของสหรัฐฯ ประกาศเมื่อวันอังคาร (25 มีนาคม) เพิ่มชื่อบริษัทจีนหลายสิบแห่งในบัญชีรายชื่อควบคุมการส่งออกของรัฐบาลสหรัฐฯ ซึ่งในจำนวนนี้ รวมถึงบริษัทย่อย 6 แห่ง ของ Inspur Group ผู้ให้บริการ Cloud Computing และ Big Data ของจีน
บริษัท 6 แห่ง ในเครือของอินสเปอร์ กรุ๊ป เป็นส่วนหนึ่งของบริษัทและสถาบันเกือบ 80 แห่ง ทั่วโลกที่ถูกขึ้นบัญชีดำ และ 50 แห่ง อยู่ในจีน ส่วนที่เหลืออยู่ในไต้หวัน, อิหร่าน, ปากีสถาน, แอฟริกาใต้ และสหรัฐอาหรับเอมิเรสต์
จุดประสงค์ของการขึ้นบัญชีดำ คือ จำกัดความสามารถของจีนในการพัฒนาศักยภาพการประมวลผล, เทคโนโลยีควอนตัม และปัญญาประดิษฐ์ หรือ เอไอ และขัดขวางการพัฒนาอาวุธเร็วเหนือเสียงของจีน และบริษัทสหรัฐฯ จะไม่สามารถขายสินค้าให้กับบริษัทในรายชื่อเหล่านี้ โดยไม่มีการยื่นขอและได้รับอนุญาตจากรัฐบาลก่อน
โฮเวิร์ด ลุตนิก รัฐมนตรีพาณิชย์ของสหรัฐ เปิดเผยว่า สหรัฐฯ จะไม่ยอมให้ศัตรูใช้เทคโนโลยีของสหรัฐฯ เพื่อส่งเสริมกองทัพของตัวเอง และคุกคามชีวิตชาวอเมริกัน
แต่โฆษกกระทรวงต่างประเทศของจีน แถลงในวันพุธ (26 มีนาคม) ว่า จีนคัดค้านอย่างหนักแน่นและประณามอย่างรุนแรงต่อการตัดสินใจของสหรัฐฯ ที่เป็นการละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศ, กระทบต่อสิทธิของธุรกิจ และทำให้เสถียรภาพและความมั่นคงของอุตสาหกรรมและซัพพลายเชนของโลกหยุดชะงัก
โฆษกฯ ประกาศด้วยว่า จีนจะดำเนินมาตรการที่จำเป็นเพื่อปกป้องสิทธิและผลประโยชน์ที่ถูกต้องตามกฎหมายของผู้ประกอบการจีน พร้อมกับเรียกร้องให้สหรัฐฯ หยุดใช้ข้ออ้างเรื่องความมั่นคง และใช้ประเด็นทางเศรษฐกิจ, การค้า วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเป็นอาวุธในการต่อสู้ รวมทั้งยุติการคว่ำบาตรเพื่อกดดันธุรกิจของจีนอย่างไร้เหตุผล