svasdssvasds
เนชั่นทีวี

การเมือง

เปิดใจ "ภราดร ปริศนานันทกุล" เบื้องหลัง สมรภูมิซักฟอกสยบ"กี้กี้"

26 มีนาคม 2568
เกาะติดข่าวสาร >> NationTV
logoline

เปิดใจ "สส.ลูกแบด" ภราดร ปริศนานันทกุล ดาวเด่นสภา ท่ามกลาง"สมรภูมิซักฟอกเดือดW งัดมาตรการสยบ "กีกี้" ยึดรธน.-ข้อบังคับการประชุม - เฉลยสาเหตุตาแข็งตลอดเวลา

26 มีนาคม 2568  "นายภราดร ปริศนานันทกุล" หรือ "สส.ลูกแบด" สส.อ่างทอง พรรคภูมิใจไทย ในฐานะรองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 2 เปิดใจกับ "ผู้สื่อข่าวเนชั่นทีวี" ภายหลังเสร็จสิ้นภารกิจ การทำหน้าที่ควบคุมการประชุมสภาผู้แทนราษฎรในการอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรี ตลอด 2 วัน 2 คืน ระหว่าง 24-25 มีนาคมที่ผ่านมาว่า ถือเป็นการอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งแรก หลังมีการเลือกตั้งปี 2566 จึงทำให้สังคมจับจ้อง ซึ่งฝ่ายค้านก็มีการโหมโรงข้อมูล และได้ทำหน้าที่อย่างเต็มที่ตลอด 2 วัน แม้ก่อนหน้านั้น จะมีปัญหาในญัตติ และวันเวลาในการอภิปราย แต่เมื่อตกลงกันได้ ก็เดินตามกติกา และต่างฝ่ายได้ทำหน้าที่อย่างเต็มที่ 

นายภราดร ปริศนานันทกุล หรือ สส.ลูกแบด สส.อ่างทอง พรรคภูมิใจไทย นายภราดร ปริศนานันทกุล หรือ สส.ลูกแบด สส.อ่างทอง พรรคภูมิใจไทย

ส่วนบทบาทการทำหน้าที่ "รองประธานสภาผู้แทนราษฎรที่ 2" ได้รับความสนใจจากสังคม และได้รับการชื่นชมจากประชาชนเป็นพิเศษในการทำหน้าที่ครั้งนี้นั้น "สส.ลูกแบด" บอกว่า จริง ๆ ประธานการประชุมทุกคนทำหน้าที่เต็มที่ และสมควรได้รับคำชื่นชมจากสังคม รวมถึงบทบาทการทำหน้าที่หลักใหญ่ จะต้องยึดข้อบังคับการประชุม และรัฐธรรมนูญ

"ในการอภิปรายไม่ไว้วางใจ มักจะมีผู้เห็นด้วย และไม่เห็นด้วยกับการวินิจฉัยของประธาน ฝ่ายที่เสียเปรียบจะไม่เห็นด้วย เมื่อผู้ที่ทำหน้าที่ยึดรัฐธรรมนูญ และยึดข้อบังคับจะทำให้การประชุมเดินหน้าต่อได้ แต่หากยึดความถูกใจจะทำให้การประชุมเดินหน้าต่อไปไม่ได้ จึงต้องยึดความถูกต้อง"

เล่าเบื้องหลัง "ยืน" สยบวุ่นวาย

เหตุความวุ่นวายในการอภิปรายฯเมื่อวันที่ 24 มีนาคม 2568 ที่ผ่านมานั้น เหตุใดจึงตัดสินใจลุกขึ้นยืน แทนการใช้ค้อนเคาะ หรือมาตรการอื่น ๆ  "สส.ลูกแบด"อธิบายว่า เหตุการณ์วันนั้น เริ่มจากประท้วงของ "นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร" สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ด้วยคำว่า "กี้กี้" ซึ่งตนก็ไม่รู้ความหมาย จนต้องให้ทีมงานไปหาคำตอบ พบว่า เป็นสมุนของปีศาจที่ไปต่อสู้กับมดแดงหรือพวกเรนเจอร์ จึงเข้าใจ แต่เมื่อ "นายภูมิธรรม เวชยชัย" รองนายกรัฐมนตรีฯ ลุกขึ้นชี้แจง จึงได้พูดถึงคำนี้อีก ทำให้ฝ่ายค้านประท้วงว่า "นายภูมิธรรม"เข้าใจความหมาย "กี้กี้" ของ"นายวิโรจน์"ผิด

 

"ทั้ง 2 ฝ่าย ไม่มีใครผิดเพราะช่องว่างระหว่างวัย และเข้าใจไม่ตรงกัน เมื่อเป็นคนละภาษา จึงสั่งให้ยุติ และไม่อยากเปิดประเด็นใหม่ว่า นิยาม "กี้กี้" ของแต่ละฝ่ายต่างกัน ซึ่งแม้ผมจะทราบว่า แต่ละฝ่ายมีความหมายที่พบของตัวเอง เพราะจะยิ่งขยายความประเด็นไม่เป็นสาระ จะยิ่งทำให้สภาเสียเวลา และเวลาการอภิปรายมีจำกัดมาก

ประเด็นดังกล่าวเป็นเพียงกระพี้ ไม่ใช่แก่น ถือว่าเสียเวลา จึงให้ทุกคนหยุด แต่ทั้ง 2 ฝ่ายก็มีความเห็นไม่ตรงกัน ยังประท้วงกันต่อ แม้จะสั่งให้นั่งลงแล้ว ยังเกิดความวุ่นวาย บรรยากาศไปต่อไม่ได้  ปิดไมค์แล้ว ยังตะโกนกัน จึงนึกถึงข้อบังคับการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ข้อที่ 77  ถ้าประธาน ให้สัญญาณด้วยการเคาะค้อน หรือ ยืนขึ้น ให้ผู้ที่กำลังพูด ต้องหยุดพูด และนั่งลงทันที" 

นายภราดร ปริศนานันทกุล หรือ สส.ลูกแบด สส.อ่างทอง พรรคภูมิใจไทย นายภราดร ปริศนานันทกุล หรือ สส.ลูกแบด สส.อ่างทอง พรรคภูมิใจไทย

ถามว่า ถ้าหากมองข้ามช็อต ลุกขึ้นยืนแล้วเหตุการณ์ไม่สงบ จะทำอย่างไรต่อไป  "สส.ลูกแบด" เชื่อว่า สส.มีวุฒิภาวะ พูดคุยกันด้วยเหตุด้วยผล ใช้ข้อบังคับและรัฐธรรมนูญเป็นเกณฑ์สามารถพูดคุยกันได้ และถ้าประธานการประชุมทำหน้าที่ด้วยความเป็นกลางทุกฝ่ายก็จะยอมรับ

เตรียมตัวอย่างดี รู้ว่าต้องเผชิญสถานการณ์เดือด

"สส.ลูกแบด" ยังเปิดเผยด้วยว่า การรับหน้าที่รองประธานสภาผู้แทนราษฎรครั้งแรก และต้องมารับศึกหนักกับการอภิปรายไม่ไว้วางใจนั้น ต้องอ่านข้อบังคับการประชุมสภาฯ ที่จำเป็นต่อการควบคุมการประชุม และย้อนไปดูการควบคุมการอภิปรายไม่ไว้วางใจในอดีตของประธานสภาผู้แทนราษฎรยุคต่าง ๆ ว่า ผู้ประท้วงมักประท้วงในลักษณะใดบ้าง และดูแนวทางการวินิจฉัยของประธานในอดีต เพราะการอภิปรายไม่ไว้วางใจในครั้งนี้ ผิดแผกไปจากรัฐบาลอื่น ที่จะมีการอภิปรายทุกปี แต่ครั้งนี้เป็นครั้งแรกในรอบ 2 ปี เหมือนน้ำเดือด ไม่มีการระบาย จึงมีความเข้มข้น 

ส่วนมีการแบ่งเวรการควบคุมการประชุมระหว่างประธาน และรองประธานสภาผู้แทนราษฎร ในการควบคุมการอภิปรายไม่ไว้วางใจ มีการพักระหว่างการทำหน้าที่อย่างไรนั้น "สส.ลูกแบด" บอกว่า จะพยายามไม่ให้เกิน 2 ชั่วโมง เพราะการอภิปรายไม่ไว้วางใจถือเป็นการทำหน้าที่ที่หนัก เนื่องจากประธานควบคุมการประชุมจะต้องฟังผู้อภิปรายทุกคำพูด จึงจัดเวลา 2 ชั่วโมง หรือ 2 ชั่วโมงครึ่ง และผลัดเวรกัน

ส่วนต้องเตรียมเครื่องนอนทั้งชุดนอน หมอนหรือมุ้งมาประกอบการทำหน้าที่ด้วยหรือไม่นั้น  "สส.ลูกแบด" บอกว่า ตนเองก็เตรียมมาในคืนแรก ทั้งหมอน และผ้าห่ม เพราะเข้าใจว่า จะต้องเลิกการประชุมตี 5 ครึ่ง และเริ่มเวรใหม่ 10 โมง หากต้องเดินทางกลับบ้านจะไม่ได้พักผ่อน จึงได้เตรียมเครื่องนอนมา แต่โชคดีว่า ในคืนดังกล่าวเลิกเพียงตี 2 จึงได้กลับไปพักผ่อน

ภาพความสัมพันธ์ สส.รุ่นใหม่ กับ สส.รุ่นเก๋า 

มองความสัมพันธ์ สส.รุ่นใหม่ กับ สส.รุ่นเก๋า เป็นอย่างไร "สส.ลูกแบด" มองว่า สส.รุ่นใหม่ มีเสน่ห์ในการทำหน้าที่ มีเครื่องมือ ค้นหาข้อมูลมากขึ้น เพราะในอดีตที่ตนมาเป็น สส.สมัยแรก การเตรียมข้อมูลการอภิปรายนั้น หาได้ยากมาก จะต้องขอความช่วยเหลือจากสำนักวิชาการ สภาผู้แทนราษฎร แต่ปัจจุบันมีเทคโนโลยีในการค้นหามากขึ้น ข้อมูลจึงมาความเข้มข้นมากกว่าสมัยก่อน เพราะในอดีตความเข้มข้นของเนื้อหาจะอยู่ที่ประมาณ 70 - 80% ส่วนที่เหลือจะเป็นช่วงลีลาการอภิปราย ซึ่งจะเห็นได้ว่า ความดุเด็ดเผ็ดมันในการอภิปรายแตกต่างกัน ปัจจุบันเนื้อหาจะแน่น จึงไม่มีเวลาไปแสดงลีลาอะไรมากนัก

นายภราดร ปริศนานันทกุล หรือ สส.ลูกแบด สส.อ่างทอง พรรคภูมิใจไทย ลงพื้นที่พบประชาชน นายภราดร ปริศนานันทกุล หรือ สส.ลูกแบด สส.อ่างทอง พรรคภูมิใจไทย ลงพื้นที่พบประชาชน

ความหวังอยากเห็นสภาฯเป็นอย่างไร  รองประธานสภาคนที่สอง บอกว่า มีพัฒนาการที่ดีขึ้นเรื่อย ๆ เช่น การประชุมในห้องประชุม สามารถพูดคุยเจรจาได้มีประสิทธิภาพ เมื่อเปรียบเทียบกับสมัยก่อน ๆ มีพัฒนาการ ซึ่งตนเป็นวิป จะเห็นการเปลี่ยนแปลง อย่างสมัยนี้ประสานกันได้มากขึ้น เมื่อเทคโนโลยีเติบโตมากขึ้นประสิทธิภาพในการทำงานก็มีมากขึ้นเช่นเดียวกัน

นักการเมืองในดวงใจ

"นายภราดร"  เปิดเผยไอดอลทางการเมือง ประธาน หรือรองประธานสภา นอกเหนือจาก "นายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล" อดีต สส.อ่างทอง และอดีตรองประธานสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งเป็น"บิดา"ของตนเองว่า  มีตัวอย่างอดีตประธานสภาผู้แทนราษฎรหลายคน ทั้งนายชวน หลีกภัย นายชัย ชิดชอบ นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ นายแพทย์บุญเอื้อ ประเสริฐสุวรรณ หรือนายมารุต บุญนาค ซึ่งแต่ละคนมีบุคลิกที่แตกต่างกัน แต่ทุกคนยึดมั่นข้อบังคับการประชุม และรัฐธรรมนูญเป็นหลัก

เผยตัวตนคนชื่อ "ภราดร ปริศนานันทกุล" 

ส่วนบุคลิกส่วนตัวจริง ๆ เป็นอย่างไรนั้น เพราะหากพิจารณาจากการทำหน้าที่ในการควบคุมการประชุม ดูมีลักษณะเคร่งขรึมสส.ลูกแบด บอกว่า แล้วแต่หน้าที่ที่ต้องปฏิบัติ แต่ด้วยความตึงเครียดในการประชุม และสถานการณ์ เวลาที่บีบจำกัด ถ้าหย่อนเกินไปจะไม่สามารถทำให้ญัตติที่มีความแหลมคมเข้มข้นเดินหน้าต่อไปได้ จึงต้องบังคับใช้ข้อบังคับการประชุมและรัฐธรรมนูญที่เข้มข้นเหมือนกัน ดังนั้น ตนจึงจริงจังกับหน้าที่ ส่วนไลฟ์สไตล์ส่วนตัว เชื่อว่า ประชาชนทราบดี ไม่ได้เคร่งขรึมเหมือนตอนอยู่บนบัลลังก์การทำหน้าที่

นายภราดร ปริศนานันทกุล หรือ สส.ลูกแบด สส.อ่างทอง พรรคภูมิใจไทย ลงพื้นที่พบประชาชน นายภราดร ปริศนานันทกุล หรือ สส.ลูกแบด สส.อ่างทอง พรรคภูมิใจไทย ลงพื้นที่พบประชาชน

"สส.ลูกแบด" ยังขอบคุณประชาชน ที่ติดตามการอภิปรายไม่ไว้วางใจตลอด 2 วันที่ผ่านมาในการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ซึ่งมีความสำคัญสำหรับฝ่ายนิติบัญญัติในการตรวจสอบการทำหน้าที่ของรัฐบาล ประชาชนให้ความสนใจติดตาม ถือเป็นการเติบโตในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ซึ่งตนเองอยากเห็นการมีส่วนร่วมของประชาชน และเป็นเจ้าของประชาธิปไตย เมื่อประชาชนมีความรู้สึกเป็นเจ้าของอำนาจประชาธิปไตย อำนาจอื่นที่จะเข้ามายึดครองประชาธิปไตยจะเกิดได้ยากขึ้น

"ผมขอขอบคุณประชาชน ที่ติดตามการทำหน้าที่ของ สส.ทั้งฝ่ายค้าน และฝ่ายรัฐบาล ต้องขออภัยหากบางช่วงในการประชุมทำให้ประชาชนต้องรู้สึกผิดหวัง หรือหงุดหงิดในการทำหน้าที่ การประท้วง ขัดจังหวะการรับฟัง แต่ทั้งหมดเป็นไปตามข้อบังคับการประชุมที่ให้สิทธิ สส.ประท้วง ทำให้ประชาชนหงุดหงิดบ้าง จึงต้องขออภัยประชาชนด้วย" 

เปิดใจ \"ภราดร  ปริศนานันทกุล\" เบื้องหลัง สมรภูมิซักฟอกสยบ\"กี้กี้\"

ส่วนมีประชาชนสังเกตทำไมสีหน้าสีตาของรองประธานสภาฯดูแข็งๆ นั้น "สส.ลูกแบด" ยอมรับว่า "ไปฉีดโบท็อกซ์ ซึ่งลงมากี่ยูนั้น ผมจำไม่ได้ " ท่านรองประธานสภาฯ กล่าวทิ้งท้ายพร้อมเสียงหัวเราะ 

 

 

logoline