หากเป็นฟุตบอลโลกครั้งก่อน ๆ ด้วยผลงานแบบนี้แฟนบอลคงเป็นกังวลว่า "บราซิล" อาจไม่ผ่านรอบคัดเลือก
แต่ครั้งนี้ไม่ใช่แบบนั้น
ด้วยการแข่งขันที่ขยายจำนวนทีมและมีโควตาอัตโนมัติสำหรับ 6 ทีมจากอเมริกาใต้ บราซิลมีคะแนนนำเวเนซุเอลาหกแต้ม ซึ่งทีมดังกล่าวเพิ่งชนะเกมแรกในรอบ 10 นัดที่ผ่านมา
เหลือการแข่งขันอีกสี่นัด และเป็นไปไม่ได้ที่บราซิลจะไม่ผ่านเข้ารอบ แต่นั่นไม่ใช่ประเด็นสำคัญ
สำหรับบราซิล รอบคัดเลือกฟุตบอลโลกมีจุดประสงค์เดียว นั่นคือ การใช้เป็นเวทีสร้างทีมที่มีศักยภาพคว้าแชมป์ และ ณ เวลานี้ เหลือเวลาเพียงปีกว่า ๆ ก่อนถึงปี 2026 แต่ทีมชาติบราซิลดูห่างไกลจากเป้าหมายนั้นมาก
หลายคนอาจลืมไปว่าบราซิลในฟุตบอลโลกครั้งล่าสุดทำผลงานได้ดี พวกเขาตกรอบก่อนรองชนะเลิศจากการแพ้จุดโทษให้โครเอเชีย ซึ่งตลอดเกมนั้น โครเอเชียมีโอกาสยิงเข้ากรอบเพียงครั้งเดียว (แถมยังเป็นจังหวะบอลแฉลบเปลี่ยนทางอีกด้วย)
ทีมชาติบราซิลชุดกาตาร์ 2022 เป็นทีมที่แข็งแกร่ง ผู้รักษาประตู อลีสซง เบ็คเกอร์ แทบไม่ต้องออกแรงเซฟในหลาย ๆ นัด และทีมยังมีช่วงเวลาการเล่นที่น่าตื่นตาตื่นใจ พวกเขามีดีพอที่จะคว้าแชมป์โลกได้ด้วยซ้ำ
แต่ทำไมผลงานจากวันนั้นถึงวันนี้ถึงตกต่ำลงอย่างรวดเร็วขนาดนี้? ทีมที่เต็มไปด้วยนักเตะระดับท็อปกลับกลายเป็นทีมที่เล่นได้น่าผิดหวังได้อย่างไร?
โดริวัล จูเนียร์ กุนซือทีมชาติบราซิล
เกมที่พ่ายอาร์เจนตินา 1-4 เมื่อวันอังคารเป็นเหมือนจุดต่ำสุดของทีม พวกเขาดูเหมือนไม่มีแดนกลาง ไม่สามารถเล่นเกมรุกหรือป้องกันได้อย่างเป็นระบบ
ปัญหานี้ไม่ได้เกิดขึ้นเพียงเกมเดียว แต่เห็นได้ในหลาย ๆ นัดที่ผ่านมา ทีมดูไร้ทิศทาง ไม่มีรูปแบบการเดินเกมที่ชัดเจน และมักถูกคู่แข่งครองบอลเหนือกว่าในแดนกลาง
ความสามารถเฉพาะตัวของนักเตะช่วยปกปิดปัญหาเหล่านี้ไว้ได้บ้าง เช่น เกมที่ชนะแบบหวุดหวิดเหนือโคลอมเบียจากลูกยิงของ วินิซิอุส จูเนียร์ ในช่วงทดเวลาบาดเจ็บ แต่พึ่งพาความสามารถเฉพาะตัวตลอดไปไม่ได้
หากเปรียบเทียบฟุตบอลกับภาพยนตร์ หากตัวนักแสดงเก่งแต่หนังยังแย่ ผู้กำกับก็ควรเป็นฝ่ายรับผิดชอบ
ปัจจุบันวงการโค้ชชาวบราซิลกำลังประสบวิกฤต ระบบลีกในประเทศไม่มีเวลาให้พัฒนาโค้ชและไม่มีความมั่นคงในการทำงาน นี่เป็นเหตุผลว่าทำไมโค้ชที่ประสบความสำเร็จส่วนใหญ่ในบราซิลตอนนี้จึงเป็นชาวต่างชาติ โดยเฉพาะอาร์เจนตินาและโปรตุเกส
โดริวัล จูเนียร์ กุนซือคนปัจจุบันของบราซิล เป็นผลผลิตจากระบบฟุตบอลในประเทศ มีประสบการณ์ทั้งในฐานะนักเตะและโค้ชมานานกว่า 40 ปี แต่ในเวทีระดับชาติ เขาดูเหมือนคนที่รับมือกับสถานการณ์ไม่ไหว
การเลือกใช้ระบบกองกลางเพียงสองคนในเกมพบอาร์เจนตินาดูเป็นการตัดสินใจที่ผิดพลาด จนทำให้ถูกตั้งคำถามว่าเหตุใดจึงไม่ปรับมาใช้เกมสวนกลับลึก ๆ เหมือนที่เคยทำได้ดีเมื่อเจออังกฤษที่เวมบลีย์เมื่อปีก่อน? นอกจากนี้ ทีมของเขาดูขาดความนิ่งทางอารมณ์และหลุดไปเล่นตามเกมของคู่แข่งง่ายเกินไป
ในสามหน้าที่หลักของโค้ช คือ การเลือกทีม วางแท็กติก และควบคุมอารมณ์ของทีม โดริวัลล้มเหลวทั้งหมด และดูเหมือนว่าเขาจะไม่สามารถรักษาตำแหน่งของตัวเองไว้ได้อีกต่อไป
หากบราซิลต้องเปลี่ยนโค้ช มีสองทางเลือกที่น่าสนใจ หนึ่งคือการจ้างโค้ชต่างชาติ โดยชื่อของ ฮอร์เก้ เฆซุส กุนซือชาวโปรตุเกสเป็นตัวเลือกที่มีน้ำหนัก อีกทางเลือกหนึ่งคือการผลักดัน ฟิลิเป้ ลุยส์ อดีตแบ็กซ้ายเชลซี ซึ่งปัจจุบันกำลังสร้างชื่อในฐานะโค้ชของฟลาเมงโก้
ลูคัส ปาเกต้า กองกลางที่บราซิลขาดไม่ได้
ไม่ว่าใครจะเป็นกุนซือคนใหม่ พวกเขาต้องยอมรับความจริงว่าแดนกลางไม่ใช่ตำแหน่งที่สามารถมองข้ามได้ บราซิลมีปัญหาตรงจุดนี้มานาน เนื่องจากระบบการเล่นตั้งแต่ยุค 90 ที่แบ่งกองกลางออกเป็นตัวรับกับตัวรุก โดยขาดนักเตะที่คอยเชื่อมเกม
ปัญหาของ ลูคัส ปาเกต้า ยิ่งซ้ำเติมสถานการณ์ กองกลางของเวสต์แฮมเคยเกือบได้ย้ายไปแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ก่อนที่ข่าวอื้อฉาวจะทำให้เส้นทางอาชีพของเขาสั่นคลอน
จากผลงานของบราซิลในเกมกับอังกฤษและสเปนเมื่อปีก่อน เห็นได้ชัดว่าปาเกต้าเป็นนักเตะที่สำคัญที่สุดของทีม เขาคือคนที่ช่วยประสานแดนกลาง คุมจังหวะเกม และเปิดโอกาสให้ วินิซิอุส ได้ใช้ความเร็ว
เมื่อไม่มีปาเกต้า โดริวัลจึงต้องพึ่งพา เนย์มาร์ แต่ผลลัพธ์กลับเป็นหายนะ การคาดหวังให้เนย์มาร์กลับมาฟอร์มดีทันทีหลังบาดเจ็บยาวเป็นเรื่องที่แทบเป็นไปไม่ได้
ในวัย 33 ปี เนย์มาร์เป็นเครื่องหมายคำถาม แต่ตำแหน่งคนคุมจังหวะเกมในแดนกลางเป็นจุดที่ทีมขาด และหากเขาสามารถกลับมาได้ อาจเป็นตัวแปรสำคัญของทีม
หากมีใครยังเชื่อว่า เนย์มาร์ อาจเดินตามรอย โรนัลโด้ ที่กลับมาจากอาการบาดเจ็บและนำทีมคว้าแชมป์โลกในปี 2002 คงต้องรอดูกันต่อไป
...
บราซิลยังรอคอยแชมป์โลกสมัยที่หก และหากพวกเขาทำได้ในปีหน้า มันอาจเป็นหนึ่งในเรื่องราวการคัมแบ็กที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ฟุตบอล
แต่หากมองตามความเป็นจริง เรื่องดังกล่าวอาจเป็นเรื่องไกลเกินฝัน