เจ้าหน้าที่ระดับสูงสหรัฐฯ ทำแผนโจมตีฮูตีในเยเมนรั่วไหลถึงสื่อ

เมื่อวันจันทร์นิตยสาร ดิ แอตแลนติก ของสหรัฐฯ ตีพิมพ์บทความของเจฟฟรีย์ โกลด์เบิร์ก บรรณาธิการบริหารที่เผยว่า เขาได้รับการเพิ่มชื่อในกลุ่มส่งข้อความของเจ้าหน้าที่ระดับสูงในรัฐบาลสหรัฐฯ ที่กำลังหารือเรื่องแผนการโจมตีฮูตีในเยเมน  และเขาได้รับข้อมูลเรื่องแผนการโจมตีล่วงหน้า 2 ชม. ก่อนการระเบิดโจมตีระลอกแรกในวันที่ 15 มีนาคม

โกลด์เบิร์ก ระบุด้วยว่า เขาได้รับการเพิ่มชื่อในแพลตฟอร์มส่งข้อความแบบเข้ารหัส “ซิกนัล” (Signal) โดยไมเคิล วอลตซ์ ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงของทำเนียบขาว  และจากนั้นเขาก็ร่วมอยู่ในวงสนทนาของเจ้าหน้าที่ระดับสูงของรัฐบาล 18 คน ซึ่งรวมถึง มาร์โก รูบิโอ รัฐมนตรีต่างประเทศ, รองประธานาธิบดีเจดี แวนซ์ และพีท เฮ็กเซท รัฐมนตรีกลาโหม การหารือมีตั้งแต่ประเด็นว่าจะเริ่มการโจมตีเมื่อใด และการแสดงความยินดีเกี่ยวกับผลลัพธ์ของปฏิบัติการ สุดท้ายโกลด์เบิร์กแจ้งทำเนียบขาวเกี่ยวกับการรั่วไหลของข้อมูล และถอนตัวออกจากกลุ่มแชทดังกล่าว

แต่รายงานของเขาไม่ได้เปิดเผยรายละเอียดของปฏิบัติการทางทหารแต่อย่างใด นอกจากบอกว่า เฮ็กเซทส่งข้อมูลเรื่องการโจมตี รวมถึงเป้าหมาย, อาวุธที่จะใช้ และลำดับการโจมตีเข้าไปในกรุ๊ปแชท แต่เฮ็กเซทบอกกับสื่อในเวลาต่อมาว่า เขาไม่ได้ส่งข้อความเรื่องแผนดังกล่าวในกรุ๊ปแชท

สภาความมั่นคงแห่งชาติ ออกแถลงการณ์ยืนยันว่า มีการแชร์ข้อมูลการหารือถึงสื่อจริง และกำลังตรวจสอบว่ามีการเพิ่มชื่อสื่อในกลุ่มแชทได้อย่างไร

ซิกนัลเป็นแอปแชทเข้ารหัสที่ได้รับความนิยมทั่วโลก ซึ่งรวมถึงนิยมใช้ในหมู่นักข่าวและเจ้าหน้าที่รัฐบาล  แต่ยังไม่มีคำอธิบายจากรัฐบาลทรัมป์ว่า ทำไมเจ้าหน้าที่ระดับสูงจึงหารือเรื่องข้อมูลด้านความมั่นคงของชาตินอกระบบการสื่อสารชั้นความลับของรัฐบาลที่ได้รับการอนุมัติ ในขณะที่มีความวิตกว่า เจ้าหน้าที่รัฐบาลทรัมป์พึ่งพาแอปแชท ซิกนัล มากเกินไปในการหารือเรื่องอ่อนไหวของรัฐบาล ที่เพิ่มความเสี่ยงร้ายแรงต่อความมั่นคงของชาติ

นอกจากนี้มีเสียงวิจารณ์รุนแรงตามมาทันทีจากพรรคเดโมแครตและสมาชิกพรรครีพับลิกันบางคน ชัค ชูเมอร์ ผู้นำเสียงข้างน้อยในวุฒิสภาของพรรคเดโมแครต กล่าวว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นการละเมิดข่าวกรองทางการทหารที่น่าตกใจมากที่สุดครั้งหนึ่ง และโรเจอร์ วิกเกอร์ ประธานคณะกรรมาธิการด้านการทหารของวุฒิสภาจากพรรครีพับลิกัน บอกด้วยว่า เตรียมสืบสวนเรื่องนี้ ซึ่งเป็นเรื่องน่ากังวลอย่างยิ่ง

ขณะที่ทรัมป์ยังไม่ส่งสัญญาณว่ามีแผนปลดใครพ้นตำแหน่งสืบเนื่องจากการละเมิดความมั่นคงครั้งร้ายแรงนี้ นอกจากแสดงความประหลาดใจเมื่อถูกสื่อซักถาม โดยบอกว่า ยังไม่รู้เรื่อง และไม่ใช่แฟนตัวยงของดิ แอตแลนติก

แต่การใช้แอปแชทซิกนัลแชร์ข้อมูลชั้นความลับระดับสูง และเพิ่มชื่อนักข่าวในกลุ่มโดยบังเอิญ อาจเป็นการละเมิดกฎหมายรัฐบาลหลายฉบับรวมถึง กฎหมายจารกรรม และโดยปกติแล้วความผิดพลาดลักษณะนี้จะต้องมีการสืบสวนโดยสำนักงานสืบสวนกลาง หรือ FBI และแผนกความมั่นคงแห่งชาติขอองกระทรวงยุติธรรม แต่ในกรณีนี้อาจเป็นไปได้ยากเพราะหนึ่งในเจ้าหน้าที่ระดับสูงในกลุ่มแชทดังกล่าวเป็นผู้ที่ควรร้องขอให้มีการสืบสวน