นายกฯ แคนาดาจัดเลือกตั้งใหม่ ขอฉันทามติเพื่อรับมือทรัมป์

มาร์ค คาร์นีย์ นายกรัฐมนตรีของแคนาดา ที่รับตำแหน่งได้เพียง 9 วัน ประกาศในวันอาทิตย์ (23 มีนาคม) ว่า เขาได้ร้องขอแมรี ไซมอน ผู้สำเร็จราชการแคนาดายุบสภา และจัดการเลือกตั้งทั่วไปในวันที่ 28 เมษายน และได้รับการเห็นชอบ โดยเขาให้เหตุผลว่า ประเทศกำลังผชิญวิกฤตครั้งสำคัญที่สุดในชั่วอายุคนสืบเนื่องจากการดำเนินนโยบายการค้าอย่างไม่เป็นธรรมของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และคำขู่ที่คุกคามต่ออธิปไตยของแคนาดา

เขาบอกด้วยว่า ทรัมป์ต้องการทำให้แคนาดาแตกแยกและเข้าครอบครอง และเขาจะไม่ปล่อยให้เกิดขึ้น รัฐบาลจึงจำเป็นต้องขอฉันทามติจากประชาชนเพื่อทำให้แคนาดามีเศรษฐกิจเข้มแข็ง และแสวงหาหุ้นส่วนทางการค้าใหม่ ๆ  และขอฉันทมติเพื่อให้สามารถยืนหยัดต้านทานทรัมป์และอเมริกาได้ โดยจะเจรจาให้ได้ข้อตกลงที่ดีที่สุดสำหรับชาวแคนาดา

คาร์นีย์ได้รับเลือกเป็นหัวหน้าพรรคเสรีนิยม และสาบานตนเป็นนายกรัฐมนตรีคนใหม่ เมื่อวันที่ 14 มีนาคม หลังจัสติน ทรูโด ประกาศเมื่อเดือนมกราคมว่าจะลาออกจากตำแหน่ง ในช่วงที่คะแนนนิยมของเขาและพรรคตกต่ำลงอย่างมาก และพรรคอนุรักษ์นิยมภายใต้การนำของปิแอร์ ปัวลิเยฟ มีคะแนนนิยมอันดับหนึ่งตั้งแต่กลางปี 2566 เรื่อยมา

แต่คะแนนนิยมของพรรคเสรีนิยมตีตื้นขึ้นจากกระแสชาตินิยมและการต่อต้านทรัมป์ ที่ขู่จะยึดแคนาเป็นรัฐที่ 51 ของสหรัฐฯ และเริ่มเก็บภาษีศุลกากรกับสินค้านำเข้าจากแคนาดาเมื่อวันที่ 4 มีนาคม แต่เปลี่ยนใจในอีกไม่กี่วันต่อมาให้เลื่อนออกไปเกือบหนึ่งเดือน และต่อมาทรัมป์เริ่มเก็บภาษี 25% สำหรับสินค้าอะลูมิเนียมและเหล็ก ที่มีผลต่อทุกประเทศเมื่อวันที่ 12 มีนาคม

คาร์นีย์ วัย 60 ปี เป็นอดีตผู้ว่าการธนาคารกลางแคนาดาและอังกฤษ ไม่เคยเป็นสมาชิกรัฐสภา และไม่เคยเข้าสู่สนามการเมืองมาก่อน การเลือกตั้งครั้งนี้จึงเป็นความท้าทายว่าเขาจะทำให้พรรคได้รับเลือกตั้งเป็นสมัยที่ 4 หรือไม่

พรรคการเมืองต่าง ๆ เริ่มลุยหาเสียงเลือกตั้งทันที และหัวหน้าพรรคอนุรักษ์นิยมโจมตีพรรคเสรีนิยมว่า ทำให้เศรษฐกิจอ่อนแอลงและประเทศแตกแยกมากขึ้น พร้อมกับประกาศนโยบายแคนาดามาก่อนเพื่อการเปลี่ยนแปลง และโจมตีว่าคาร์นีย์จะสานต่อนโยบายของทรูโด ที่ใช้จ่ายงบประมาณมโหฬาร

ขณะที่ผลสำรวจออนไลน์ แองกัส รีด ที่เผยแพร่เมื่อวันจันทร์พบว่า พรรคเสรีนิยมมีคะแนนนิยม 42% นำหน้าพรรคอนุรักษ์นิยมที่ได้ 37%  และผลสำรวจออนไลน์ เลเกอร์ ที่เผยแพร่ในวันเดียวกันระบุว่า พรรคเสรีนิยมได้ 42% แซงหน้าพรรคอนุรักษ์นิยมที่ได้ 39%