มาร์ค คาร์นีย์ อดีตผู้ว่าการธนาคารกลางแคนาดา ชนะการเลือกตั้งหัวหน้าพรรคเสรีนิยมเหนือคู่แข่งอีก 3 คนด้วยคะแนน 85.9% ในการเลือกตั้งเมื่อวันอาทิตย์ ที่มีสมาชิกพรรค 150,000 คนใช้สิทธิลงคะแนน เขาเตรียมสาบานตนเป็นนายกรัฐมนตรีคนใหม่ในอีกไม่กี่วันข้างหน้า โดยจะรับตำแหน่งต่อจากนายกรัฐมนตรีจัสติน ทรูโด ที่ประกาศเมื่อเดือนมกราคมว่าจะลาออกจากตำแหน่งหลังบริหารประเทศมานานกว่า 9 ปี ในช่วงที่คะแนนนิยมตกต่ำอย่างมาก เพราะผู้มีสิทธิเลือกตั้งไม่พอใจปัญหาราคาที่อยู่อาศัยและค่าครองชีพสูงขึ้น
คาร์นีย์ วัย 59 ปี กล่าวสุนทรพจน์ประกาศชัยชนะในช่วงค่ำโดยพุ่งเป้าโจมตีประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ ที่บังคับใช้มาตรการขึ้นภาษีศุลกากรกับสินค้านำเข้าจากแคนาดาอย่างไม่เป็นธรรม และย้ำหลายครั้งว่าจะทำให้แคนาดาเป็นรัฐที่ 51 ของสหรัฐฯ โดยเขาบอกว่า “ชาวอเมริกันไม่ควรทำสิ่งผิดพลาด” และ “การค้าก็เหมือนฮ็อกกี้ แคนาดาจะชนะ”
สหรัฐฯ เริ่มบังคับใช้การเก็บภาษีนำเข้า 25% กับสินค้าแคนาดาเมื่อวันที่ 4 มีนาคม แต่เปลี่ยนใจในอีกไม่กี่วันชะลอการขึ้นภาษีสำหรับสินค้าบางส่วนที่อยู่ภายใต้ข้อตกลงการค้าเสรีเป็นเวลาหนึ่งเดือน และนายกรัฐมนตรีทรูโดประกาศยืนยันขึ้นภาษีเป็นการตอบโต้ และกล่าวหาว่าสหรัฐฯ พยายามทำให้เศรษฐกิจแคนาดาล่มสลาย
คาร์นีย์ กล่าวเมื่อคืนวานว่า ทรัมป์โจมตีแรงงาน ครอบครัว และธุรกิจของแคนาดา และแคนาดาจะไม่ปล่อยให้ทรัมป์ทำได้สำเร็จ พร้อมกับให้คำมั่นว่า รัฐบาลจะเก็บภาษีกับสินค้านำเข้าจากสหรัฐฯ จนกว่าชาวอเมริกันจะให้ความเคารพต่อแคนาดา
คาร์นีย์ ซึ่งจะเป็นผู้นำรัฐบาลเสียงข้างน้อย ได้รับการคาดหมายด้วยว่า อาจประกาศจัดการเลือกตั้งทั่วไปเร็วขึ้นภายในไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า จากกำหนดการเดิมในเดือนตุลาคม ในขณะที่คะแนนนิยมของพรรคกำลังขยับสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง หลังจากคำขู่ของทรัมป์สร้างความกังวลให้กับชาวแคนาดาอย่างมาก เดิมพรรคอนุรักษ์นิยม ที่เป็นพรรคฝ่ายค้านหลัก มีคะแนนนิยมนำห่างพรรคเสรีนิยมกว่า 20 จุด และคาดว่าจะชนะการเลือกตั้งปลายปีนี้อย่างแน่นอน แต่ปัจจัยจากความวิตกเรื่องผลกระทบจากทรัมป์ ทำให้คะแนนนิยมของพรรคเสรีนิยมตีตื้นยิ่งขึ้น
แม้คาร์นีย์ที่จบการศึกษาจากทั้งมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดและออกซ์ฟอร์ด ไม่มีประสบการณ์ทางการเมือง แต่เป็นนักเศรษฐศาสตร์ที่มีอิทธิพลอย่างมากทั้งในแคนาดาและอังกฤษ เคยเป็นผู้ว่าการธนาคารกลางแคนาดา ที่ช่วยให้ประเทศฝ่าฟันวิกฤตการเงินของโลกในปี 2551 และเคยเป็นผู้ว่าการธนาคารกลางของสหราชอาณาจักร ในช่วงปี 2556-2563 โดยมีส่วนสำคัญที่ช่วยลดผลกระทบจากเบร็กซิต หรือ การถอนตัวออกจากสหภาพยุโรป นอกจากนี้เขายังรับตำแหน่งทูตพิเศษของสหประชาชาติด้านการดำเนินงานด้านสภาพภูมิอากาศและการเงินในปี 2563
และในช่วงที่หาเสียงเพื่อชิงตำแหน่งหัวหน้าพรรคเสรีนิยม เขาให้คำมั่นว่าจะควบคุมรายจ่ายของรัฐบาล, เพิ่มการลงทุนด้านที่อยู่อาศัย, แสวงหาหุ้นส่วนการค้ารายใหม่ที่หลากหลายขึ้น และจำกัดการรับผู้อพยพชั่วคราว