สตม.แถลงผลการจับกุมอาชญากรต่างชาติ ทั้งซุกตัวและก่อเหตุในไทย

27 มิถุนายน 2567 พล.ต.ท.อิทธิพล อิทธิสารรณชัย ผบช.สตม., พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ รอง ผบช.สตม., พล.ต.ต.ประพันธ์ศักดิ์ ประสานสุข ผบก.สส.สตม., พร้อมเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ร่วมแถลงข่าวการจับกุมผู้ต้องหาชาวต่างชาติที่เข้ามากระทำผิด หรือโดยใช้ประเทศไทยเป็นฐานในการกระทําความผิด ได้ผู้ต้องรายสำคัญหลายคดี ประกอบคดีแรก สตม.รวบมังกรซ่อนกาย พบประวัติคดีแชร์ลูกโซ่มูลค่าความเสียหายกว่า 150 ล้านบาท 

การจับกุม เนื่องจาก กก.4 บก.สส.สตม. สืบพบว่า มีหญิงชาวจีนลักลอบเข้ามาในประเทศไทย และพักอาศัยอยู่ที่ คอนโดฯ ย่าน ถ.พัทยาสาย 2 อ.บางละมุง จ.ชลบุรี จึงนํากําลังเข้าตรวจสอบ พบหญิงรายดังกล่าวชื่อ MS.HU (นามสมมติ) อายุ 24 ปี สัญชาติจีน อ้างว่า หนังสือเดินทางสูญหาย จึงนำตัวมาตรวจสอบด้วยเครื่อง BIOMETRICS ไม่พบข้อมูลการเดินทางเข้ามาในประเทศไทย


จึงประสานตํารวจประจําสถานเอกอัครราชทูตจีนฯ ตรวจสอบพบ MS.HU มีประวัติกระทําความผิดข้อหา “ฉ้อโกงประชาชน” ในลักษณะแชร์ลูกโซ่ในประเทศจีน มีผู้เสียหายหลายราย มูลค่าความเสียหายกว่า 150 ล้านบาท 

MS.HU รับว่า ลักลอบเข้ามาในประเทศไทยทางช่องทางธรรมชาติ บริเวณสามเหลี่ยมทองคํา จึงนำตัวส่ง พนักงานสอบสวน สภ.เมืองพัทยา ดําเนินคดีลักลอบเข้าเมือง ก่อนผลักดันส่งกลับไปยังจีนต่อไป

 

คดีที่ 2. สตม. รวบ 2 หนุ่มโสมไกด์เถื่อน พบประวัติมีคดีแชร์รถหรู ความเสียหายกว่า 109 ล้านบาท โดย กก.4 บก.สส.สตม. สามารถจับกุม. MR.HAN (นามสมมติ) อายุ 50 ปี และ MR.KIM (นามสมมติ) อายุ 41 ปี ทั้งคู่สัญชาติเกาหลีใต้ ริมถนนใน ต.ช้างเผือก อ.เมืองเชียงใหม่ 

การจับกุมสืบเนื่องจาก กก.4 บก.สส.สตม. สืบทราบว่า มีบริษัทนําเที่ยวหลายบริษัท เปิดรับสมัครไกด์นําเที่ยวต่างด้าวผิดกฎหมายจำนวนมาก เพื่อดูแลลูกค้าเฉพาะกลุ่ม ทำให้ยากต่อการตรวจสอบและจับกุม โดยตำรวจพบผู้ต้องหาทั้งสอง ทําหน้าที่ไกด์ให้นักท่องเที่ยวเกาหลีใต้ใน จ.เชียงใหม่ จึงทำการตรวจสอบพบว่า ท้้งคู่อยู่อาศัยในประเทศเกินกำหนด จึงจับกุมข้อหา "เป็นคนต่างด้าวอยู่ในราชอาณาจักรโดยการอนุญาตสิ้นสุด" พร้อมขยายผลบริษัทรับคนต่างด้าว เข้าทํางานโดยไม่ได้รับอนุญาต เบื้องต้นพบว่าเป็นบริษัทที่มีบุคคลต่างชาติ เป็นผู้ร่วมถือหุ้นกับคนไทย ในการประกอบ กิจการนําเที่ยว

นอกจากนี้ยังพบว่า ผู้ต้องหาทั้งสอง มีประวัติในคดีแชร์รถหรู มีผู้เสียหายกว่า 60 ราย รวมมูลค่าความเสียหาย กว่า 109 ล้านบาท อีกด้วย 

 

คดีที่ 3 สตม.รวบหม่องตัวการช่วยพ่อเลี้ยงข่มขืนลูกเลี้ยง โดย กก.1 บก.สส.สตม. จับกุมนายเอ (นามสมมติ) อายุ 36 ปี สัญชาติเมียนมา ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญามีนบุรี ที่ จ.523/2567 ลง 3 เม.ย.67 ในคดีร่วมกันข่มขืนกระทําชําเราผู้อื่นฯ สามารถจับได้ที่ โรงงานในพื้นที่ ต.บางน้ำจืด อ.เมืองสมุทรสาคร จ.สมุทรสาคร

การจับกุมสืบเนื่องจาก เมื่อวันที่ 12 ก.พ. 67 ขณะผู้เสียหายกําลังวิดีโอคอลคุยกับเพื่อน และทําอาหารรอสามีกลับมาในห้องที่เกิดเหตุย่านมีนบุรี ได้มีนายจ่อ ผู้ต้องหาที่ 1 (ถูกจับกุมแล้ว) ซึ่งเป็นพ่อเลี้ยงของผู้เสียหาย และพวกรวม 4 ราย บุกเข้าไปฉุดนำตัวขึ้นรถไปไว้ที่ ห้องพัก ถ.เอกชัย – กรุงเทพฯ อ.เมืองสมุทรสาคร จ.สมุทรสาคร ก่อนลงมือล่วงละเมิด เมื่อผู้เสียหายได้รับการช่วยเหลือกลับออกมา จึงแจ้งความดําเนินคดีกับคนร้ายทั้ง 4 คน ต่อมาศาลอาญามีนบุรี ได้ออกหมายจับนายเอในฐานความผิดดังกล่าว กระทั่งถูกจับกุมตัว 


คดีที่ 4. สตม. บุกรวบหัวหน้าแก๊งโจรกรรมแดนปลาดิบ OVERSTAY พบประวัติก่อคดีลักทรัพย์ 111 คดี โดย บก.สส.สตม. ได้รับแจ้งจากสายลับโดยสงสัยว่า นายมิโยชิ (นามสมมติ) อายุ 43 ปี สัญชาติญี่ปุ่น จะอยู่ในประเทศไทยโดยผิดกฎหมาย จึงตรวจสอบพบว่า การอนุญาต ให้อยู่ในประเทศไทยของนายมิโยชิ ได้สิ้นสุดแล้ว (OVERSTAY) จึงประสานงานไปยังสถานเอกอัครราชทูตญี่ปุ่น ประจําประเทศไทย เพื่อตรวจสอบประวัติพบว่า ได้กระทําความผิดในประเทศญี่ปุ่น ในช่วงปี 66 ในคดีโจรกรรมและบุกรุกในพื้นที่ 5 จังหวัดของประเทศญี่ปุ่น รวม 111 คดี มูลค่าความเสียหายรวม 13,000,000 เยน (ประมาณ 3 ล้านบาท) โดยมีพฤติการณ์เป็นหัวหน้ากลุ่มโจรกรรม และเป็นหัวหน้าแก๊งมอเตอร์ไซด์ นางาโทโมะ 

สตม.จึงทำการติดตามจับกุม จนพบข้อมูลว่า นายมิโยชิ เข้าพักอาศัยในโรงแรมหรูในเขตวัฒนา และเตรียมเดินทางไปยังกัมพูชาทางชายแดน จ.สระแก้ว ทำให้ นายมิโยชิต้องกลับซ่อนตัว กทม. ที่คอนโดมิเนียมในแขวงประเวศ เขตประเวศ กรุงเทพฯ จึงนํากําลังไปจับกุมเพื่อดำเนินคดี เป็นคนต่างด้าวอยู่ในราชอาณาจักรโดยการอนุญาตสิ้นสุด ก่อนส่งกลับประเทศญี่ปุ่นต่อไป