svasdssvasds
เนชั่นทีวี

อาชญากรรม

สตม. แถลงผลงาน จับกุมผู้ต้องหารายสำคัญ 3 คดี

29 พฤษภาคม 2567
เกาะติดข่าวสาร >> NationTV
logoline

สตม. แถลงผลงาน จับกุมผู้ต้องหารายสำคัญ 3 คดี รวบหนุ่มใหญ่ชาวฝรั่งเศสส่งออกโคคาอีน และจับหัวหน้าแก๊งปลอมหนังสือเดินทางหนีหมายจับกบดานไทย ส่วนอีกคดีรวบ 3 เอเจนซี่ ปลอมเอกสารยื่นขอวีซ่าสถานทูต

29 พฤษภาคม 2567 พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ รอง ผบช.สตม. พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ร่วมกันแถลงข่าวการจับกุมผู้ต้องหารายสำคัญ ดังนี้ 

1.เจ้าหน้าที่ กก.1 บก.สส.สตม. จับกุมนายมาซองซ์ (นามสมมติ) อายุ 39 ปี สัญชาติฝรั่งเศส ความผิดฐาน "พยายามส่งออกซึ่งยาเสพติดให้โทษประเภท 2 (โคคาอีน)" โดยไม่ได้รับอนุญาตอันเป็นการกระทำเพื่อการค้า อันเป็นการก่อให้เกิดการแพร่กระจายในกลุ่มประชาชน" จับกุมได้บริเวณหมู่บ้านจัดสรรย่าน ถ.พัฒนาการ แขวงสวนหลวง เขตสวนหลวง กรุงเทพฯ 

สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับการประสานจากพนักงานของบริษัทจัดส่งพัสดุ ว่ามีการตรวจเอ็กซเรย์พัสดุเพื่อคัดแยกก่อนนำส่ง พบพัสดุระหว่างประเทศปลายทางประเทศกัมพูชาต้องสงสัยว่ามีสิ่งผิดกฎหมายซุกซ่อนอยู่ภายใน 

พบกล่องพัสดุมีขนาดน้ำหนักรวม 1.0 กิโลกรัม จำนวน 1 กล่อง ระบุชื่อที่อยู่ผู้ส่งและผู้รับที่หน้ากล่องชัดเจน จากการเปิดกล่องพัสดุพบภายในบรรจุกล่องรถบังคับวิทยุสีแดง ภายในมีรถบังคับวิทยุ จำนวน 1 คัน รีโมทบังคับ จำนวน 1 ชิ้น และกล่องกระดาษสายชาร์จ (ไม่มีสายชาร์จ) ข้างในพบผงสีขาวจับตัวเป็นก้อนห่อด้วยพลาสติกปิดด้วยความร้อน จำนวน 1 ห่อ น้ำหนักรวมสิ่งห่อหุ้มประมาณ 10 กรัม เมื่อนำตัวอย่างผงสีขาวดังกล่าวทดสอบกับน้ำยาตรวจสารเสพติดเบื้องต้น ให้ผลเป็นยาเสพติดให้โทษประเภท 2 (โคคาอีน) จึงทำการตรวจยึดเป็นของกลาง

ต่อมา จากการสืบสวนพบว่า ผู้ส่งพัสดุของกลางคือนายมาซองซ์ เจ้าหน้าที่จึงได้ทำการสืบสวนติดตามตัว จนกระทั่งพบว่า นายมาซองซ์พักอาศัยอยู่กับหญิงไทย ย่านสวนหลวง จึงวางแผนทำการจับกุม โดยในชั้นจับกุมนายมาซองซ์ ให้การรับว่ากล่องพัสดุและโคคาอีนของกลางเป็นของตนเอง โดยได้ซื้อโคคาอีนมาจากชายผิวสีไม่ทราบชื่อและสัญชาติ ซึ่งพบกันในสถานบันเทิงแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ และการส่งพัสดุครั้งนี้เป็นการทดลองส่งไปให้เพื่อนที่อยู่ในประเทศกัมพูชาครั้งแรก แต่เพื่อนไม่ได้รับ จึงเข้าใจว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจของไทยได้ตรวจพบโคคาอีนในกล่องพัสดุแล้ว แต่ไม่คิดว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจจะรู้ว่าตนเป็นผู้ส่ง เนื่องจากได้จัดส่งโดยใช้ชื่อของคนอื่น หากครั้งนี้ส่งผ่านก็จะหาโคคาอีนทยอยส่งไปให้เพื่อนอีก เบื้องต้น จึงนำตัวผู้ต้องหาดำเนินคดีตามกฎหมาย

เจ้าหน้าที่ สตม. แถลงโชว์ผลงาน จับกุมผู้ต้องหารายสำคัญ 3 คดี 2.เจ้าหน้าที่ กก.4 บก.สส.สตม. จับกุมนายเฉิน (นามสมมติ) อายุ 52 ปี สัญชาติสุรินัม ในความผิดฐาน "ปลอมและใช้หนังสือเดินทางปลอม" จับกุมได้บริเวณ ถนนสวนพลู แขวงทุ่งมหาเมฆ เขตสาทร กรุงเทพฯ โดยเจ้าหน้าที่ สตม. ได้ทำการสืบสวนกลุ่มขบวนการปลอมหนังสือเดินทางและใช้หนังสือเดินทางปลอมในประเทศไทย จนทราบว่ามีขบวนการทำหนังสือเดินทางปลอม และนำคนเข้าออกประเทศอย่างผิดกฎหมาย จึงได้ทำการขอหมายค้นต่อศาลอาญากรุงเทพใต้เข้าทำการตรวจค้นห้องพักในคอนโดแห่งหนึ่งย่านสาทร     

ผลการตรวจค้นพบนายเฉิน อายุ 52 ปี สัญชาติซูรินัม แสดงตนเป็นผู้ครอบครองห้องพัก และได้พบเอกสารราชการไทย เช่น ใบอนุญาตขับขี่รถยนต์ เอกสารการเปิดบัญชีธนาคารหลายรายการ และสำเนาหนังสือเดินทาง และได้ประสานงานกับเจ้าหน้าที่ตำรวจจีนตรวจสอบสัญชาติ พบว่านายเฉินเป็นคนสัญชาติจีน มีพฤติการณ์เป็นหัวหน้าขบวนการในการปลอมหนังสือเดินทางของสาธารณรัฐประชาชนจีน ไต้หวัน และปลอมบัตรผู้อาศัยถาวรของประเทศต่างๆ 

และเป็นหัวหน้าขบวนการนำคนจีนเดินทางออกจากสาธารณรัฐประชาชนจีน หลบหนีเข้าไปยังประเทศต่าง ๆ อย่างผิดกฎหมาย โดยการใช้หนังสือเดินทางปลอมหรือการใช้บัตรผู้อยู่อาศัยถาวรในการแสดงตัวตนในการทำธุรกรรมต่าง ๆ เพื่อทำการปิดบังตัวตนแล้วหลบหนีออกมาจากสาธารณรัฐประชาชนจีน หลังจากการรวบรวมพยานหลักฐาน จึงได้ขออนุมัติหมายจับต่อศาลอาญาทำการจับกุมนายเฉินดำเนินคดีในข้อหาดังกล่าว และนำตัวส่งพนักงานสอบสวน กลุ่มงานสอบสวน บก.สส.สตม. ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

3.สตม. รวบ 3 เอเจนซี่ ปลอมเอกสารยื่นขอวีซ่าสถานทูต โดยก่อนหน้านี้ เจ้าหน้าที่ บก.สส.สตม. ได้รับการประสานงานจากสถานทูตต่างๆ ประจำประเทศไทย ให้ตรวจสอบกรณีสงสัยว่า มีคนไทยที่ไปยื่นขอวีซ่าเพื่อไปท่องเที่ยวในประเทศแถบยุโรปจำนวนหลายร้อยราย จะใช้เอกสารประกอบการยื่นขอวีซ่าปลอม จึงสั่งการให้ชุด ศปชก.สตม. ไปทำการตรวจสอบ 

ผลการตรวจสอบพบว่า เอกสารที่คนไทยนำมายื่นขอวีซ่า เช่น ใบรับรองการทำงาน รายการเดินบัญชีธนาคาร หนังสือรับรองยอดเงิน ส่วนใหญ่เป็นเอกสารปลอม จากการสืบสวนพบว่า มีกลุ่มบริษัทเอเจนซี่รับยื่นขอวีซ่าให้กับคนไทยที่ต้องการไปต่างประเทศเป็นผู้ดำเนินการให้ จึงได้รวบรวมพยานหลักฐานขออนุมัติหมายค้นต่อศาลเข้าทำการตรวจค้นกลุ่มบริษัทเอเจนซี่ ดังนี้

จุดที่ 1.ตรวจค้นคอนโดย่านปากเกร็ด อ.ปากเกร็ด จว.นนทบุรี โดยมี นายนคร (นามสมมติ) อายุ 49 ปี สัญชาติไทย แสดงตนเป็นเจ้าของห้องพักและนำการตรวจค้น ผลการตรวจค้นภายในห้องพักอาศัยพบของกลางเอกสารรายการเดินบัญชีธนาคารและหนังสือรับรองการทำงานปลอม จำนวน 23 รายการ 

จึงได้ทำการจับกุมนายนคร พร้อมของกลาง ในข้อหา "ปลอมเอกสาร" นำตัวส่ง พนักงานสอบสวน สภ.ปากเกร็ด จว.นนทบุรี ดำเนินคดีตามกฎหมาย และจากการสืบสวนขยายผลพบว่า นายนครได้ว่าจ้างบุคคลอื่นทำการปลอมเอกสารดังกล่าวอีกทอดหนึ่ง ในราคาชุดละ 5,000 บาท ซึ่งอยู่ระหว่างการสืบสวนรวบรวมพยานหลักฐานดำเนินคดีกับผู้ทำการปลอมเอกสาร

จุดที่ 2.ตรวจค้นบริษัทแห่งหนึ่ง ย่านสายไหม โดยมี นางธัญญ์นารี (นามสมมติ) อายุ 40 ปี สัญชาติไทย แสดงตนเป็นเจ้าของบริษัทและนำการตรวจค้น  ผลการตรวจค้นพบของกลาง จำนวน 27 รายการ ประกอบด้วย ตราประทับบริษัทต่างๆ รายการเดินบัญชีธนาคารปลอม หนังสือรับรองการทำงานบริษัทต่างๆ ปลอม 

จากการสอบถาม นางธัญญ์นารี รับว่าเป็นผู้ทำปลอมขึ้นเอง จากนั้นก็จะพาลูกค้าไปยื่นขอวีซ่ากับสถานทูตต่างๆ โดยแนะนำก่อนว่าจะต้องตอบคำถามอย่างไรหากมีการสัมภาษณ์ จึงได้ทำการจับกุมนางธัญญ์นารี พร้อมของกลาง ในข้อหา "ปลอมเอกสาร" นำตัวส่งพนักงานสอบสวน สน.สายไหม ดำเนินคดีตามกฎหมาย 

จุดที่ 3.ตรวจค้น หจก.แห่งหนึ่ง ตั้งอยู่ที่ อ.เมือง จ.อุดรธานี โดยมี น.ส.นภัชชา (นามสมมติ) อายุ 48 ปี สัญชาติไทย แสดงตนเป็นเจ้าของบริษัทและนำการตรวจค้น ผลการตรวจค้นพบของกลาง จำนวน 12 รายการ ประกอบด้วย ตราประทับบริษัทต่างๆ หนังสือรับรองเงินฝากธนาคารปลอม 

โดย น.ส.นภัชชา รับว่าได้ว่าจ้างนายหน้าอีกคนหนึ่งเป็นผู้ทำปลอมขึ้น ในราคาฉบับละ 5,000-7,000 บาท จากนั้นจะตรวจสอบและส่งเอกสารให้ลูกค้าไปใช้ยื่นขอวีซ่ากับสถานทูต แต่ส่วนใหญ่ก็จะถูกทางสถานทูตปฏิเสธการออกวีซ่าให้ 

จึงได้ตรวจยึดของกลาง และจะได้ร้องทุกข์กล่าวโทษ น.ส.นภัชชา กับพนักงานสอบสวน สภ.เมืองอุดรธานี เพื่อดำเนินคดีในข้อหา "ร่วมกันปลอมเอกสาร" ต่อไป

logoline