เจาะลึกสงครามกวาดล้างปืนในตลาดมืดในเอกวาดอร์

ตำรวจหน่วยนิติเวช บอกว่า ปลอกกระสุนที่ออกจากปืน 9 มม. กระบอกเดียว ถูกพบในจุดเกิดเหตุอาชญากรรมถึง 27 แห่ง และเกี่ยวข้องกับผู้เสียชีวิต 34 ราย ในย่านหนึ่งของเมืองกัวยากิล และเชื่อว่า ปืนกระบอกนี้ยังคงวนเวียนอยู่บนท้องถนน

อาชญากรรมมากมายที่เกิดจากปืนกระบอกเดียวสะท้อนถึงความท้าทายของประธานาธิบดีดาเนียล โนบัว ในการปราบปรามอาชญากรรมรุนแรงในประเทศ ที่เพิ่มขึ้นอย่างมากตั้งแต่ปี 2563 และเป็นช่วงที่มีอาวุธปืนลักลอบเข้าประเทศมากขึ้นเช่นกัน ปืนส่วนใหญ่มาจากสหรัฐฯ และเอกวาดอร์มีเหตุฆาตกรรมมากถึง 7,994 ครั้งในปีที่แล้ว เพิ่มขึ้นเกือบ 6 เท่าจากปี 2563

รอยเตอร์สเป็นสื่อรายแรกที่ได้รับอนุญาตให้ติดตามการทำงานของตำรวจเอกวาดอร์ที่พยายามแกะรอยต้นตอของอาวุธปืน ซึ่งเป็นหนึ่งในวิธีการสำคัญของการต่อสู้เพื่อปราบปรามอาชญากรรม 

ตำรวจ บอกว่า การสืบหาแหล่งที่มาของกระสุนและปืนจะช่วยให้เจ้าหน้าที่สามารถทำลายเส้นทางลักลอบค้าปืนและกระสุน และจัดทำบันทึกประวัติทางนิติเวชของอาวุธผิดกฎหมายสำหรับดำเนินคดีในอนาคต

พันตำรวจตรี อีเฟรน อาร์เกลโล หัวหน้าหน่วยสอบสวนนิติเวชแห่งชาติ บอกว่า ปืนมากกว่า 40,000 กระบอก ที่ยึดได้นับจากปี 2562 เพิ่งติดตามแหล่งที่มาของปืนได้เพียง 900 กระบอก

เมืองท่ากัวยากิลเป็นศูนย์กลางลักลอบค้ายาเสพติด และสงครามแย่งชิงพื้นที่ระหว่างแก๊งอาชญากรรมเม็กซิโก แอลเบเนีย และแก๊งต่างชาติอื่น ที่นำไปสู่จำนวนคดีฆ่าคนตายเพิ่มสูงขึ้นอย่างมาก

ประธานาธิบดีโนบัว ที่เพิ่งเข้ารับตำหน่งเมื่อเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้ว ประกาศขึ้นบัญชีดำแก๊งอาชญากร 22 แก๊งเป็นองค์กรก่อการร้ายเมื่อเดือนมกราคม และเพิ่มงบประมาณสำหรับหน่วยงานด้านความมั่นคง 6.6% เป็น 3,520 ล้านดอลลาร์

แต่ตำรจบอกกับรอยเตอร์สว่า เอกวาดอร์ประสบความยากลำบากในการกำจัดเส้นทางลักลอบค้าปืนจากสหรัฐฯ เปรู และชาติอื่น ๆ ในภูมิภาค เพราะขาดงบประมาณ อุปกรณ์ด้านงานนิติเวช และเจ้าหน้าที่ที่ผ่านการฝึกฝนด้านนี้

เอกวาดอร์มีกล้องจุลทรรศน์สำหรับตรวจสอบกระสุนปืนเพียง 8 เครื่อง และช่างเทคนิคที่ผ่านการฝึกฝนเฉพาะด้าน 247 คน

และจนถึงขณะนี้ตำรวจระบุเส้นทางลักลอบค้าปืนได้ 7 เส้นทาง ซึ่ง 3 เส้นทางอยู่บนบกผ่านทางเปรู และอีก 4 เส้นทางเข้าสู่ภาคเหนือใกล้กับชายแดนติดกับโคลอมเบีย แต่ตำรวจก็ไม่ระบุชัดว่า ปืนมาจากเส้นทางเหล่านี้