svasdssvasds
เนชั่นทีวี

การเมือง

ก.พ. วางแนวปฏิบัติสั่งขรก."หยุดปฏิบัติหน้าที่" หลังศาลฯ รับฟ้องคดีทุจริต

เลขา ก.พ. ออกหนังสือเวียน แจ้ง กระทรวง กรม จังหวัด วางแนวปฏิบัติสั่งให้ข้าราชการพลเรือน "หยุดปฏิบัติหน้าที่" กรณีศาลฯทุจริต ประทับรับฟ้อง"ขรก." 

22 ตุลาคม 2567  ผู้สื่อข่าวรายงานจากทำเนียบรัฐบาลว่า เมื่อวันที่ 18 ตุลาคมที่ผ่านมา "นายปิยวัฒน์ ศิวรักษ์"  เลขาธิการ ก.พ. ได้ออกหนังสือเวียน ถึง กระทรวง กรม จังหวัด  ต่อแนวทางปฏิบัติเกี่ยวกับการสั่งให้ข้าราชการพลเรือนสามัญหยุดปฏิบัติหน้าที่


หนังสือ บรรยายว่า ด้วยมีส่วนราชการหารือแนวทางปฏิบัติเกี่ยวกับการสั่งให้ข้าราชการพลเรือนสามัญหยุดปฏิบัติหน้าที่ตามมาตรา ๙๓ ประกอบมาตรา ๘๑ แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. ๒๕๖๑ กรณีศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบประทับฟ้องในเรื่องที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติชี้มูลความผิดทางอาญา ว่ามีแนวทางปฏิบัติอย่างไร เนื่องจากพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. ๒๕๕๑ มิได้มีบทบัญญัติกำหนดให้ข้าราชการหยุดปฏิบัติหน้าที่ไว้

ก.พ. พิจารณาแล้วเห็นว่า เมื่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบประทับฟ้องข้าราชการ พลเรือนสามัญโดยไม่มีคำสั่งเป็นอย่างอื่น ผู้บังคับบัญชาซึ่งมีอำนาจสั่งบรรจุตามมาตรา ๕๗ จะต้องสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ เพื่อให้สอดคล้องกับเจตนารมณ์ตามมาตรา ๙๓ ประกอบมาตรา ๘๑ แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. ๒๕๖๑ ซึ่งเป็นการนำบทบัญญัติที่ใช้บังคับแก่ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองมาใช้บังคับกับเจ้าหน้าที่ของรัฐโดยอนุโลม 

 

แต่พระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. ๒๕๕๑ มิได้มีบทบัญญัติที่กำหนดให้ข้าราชการพลเรือนสามัญหยุดปฏิบัติหน้าที่ คงมีแต่กรณีที่ คล้ายคลึงกัน คือ การพักราชการ หรือการให้ออกจากราชการไว้ก่อน ตามมาตรา ๑๐๑ แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. ๒๕๕๑ ประกอบข้อ ๗๘ ถึงข้อ ๘๔ ของกฎ ก.พ. ว่าด้วยการดำเนินการทางวินัย พ.ศ. ๒๕๕๖ กรณีนี้ผู้บังคับบัญชาซึ่งมีอำนาจสั่งบรรจุตามมาตรา ๕๗ จึงต้องมีคำสั่งให้พักราชการหรือให้ออกจากราชการไว้ก่อน ซึ่งจะต้องสั่งให้มีผลเป็นปัจจุบันเพื่อให้สอดคล้องกับข้อเท็จจริง

ก.พ. วางแนวปฏิบัติสั่งขรก.\"หยุดปฏิบัติหน้าที่\" หลังศาลฯ รับฟ้องคดีทุจริต


ทั้งนี้ หากต่อมา ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบได้มีคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุก หรือให้รับโทษที่หนักกว่าโทษจำคุก ก็จะเป็นความผิดวินัยตามมาตรา ๘๕ (๖) แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. ๒๕๕๑ จึงเรียนมาเพื่อโปรดทราบและถือปฏิบัติต่อไป