svasdssvasds
เนชั่นทีวี

อาชญากรรม

"กฤษอนงค์" อึ้ง "บอสพอล" อัดเสียงคุยรับเงิน ฝากบอกกฏเเห่งกรรมยุติธรรมเสมอ

แซบพริกล้านเม็ด "กฤษอนงค์" ออกรายการดัง อึ้ง "บอสพอล-บอสปัน" ซุกเครื่องอัดเสียงในกางเกงในตอนเจรจา เจ้าตัวไม่ฝากอะไรถึงแต่บอก "กรรมยุติธรรมเสมอ" เดินหน้าฟ้องทนายปกป้องศักดิ์ศรี กล่าวหาตบทรัพย์ 10 ล้าน

22 ตุลาคม 2567 ที่อาคารมาลีนนท์ ตึกช่อง 3 น.ส.กฤษอนงค์ สุวรรณวงศ์ ประธานศูนย์ประสานงานส่งเสริมเครือข่าย-ออนไลน์ หรือ ศคอ. เเละ ศูนย์ข่าวต่อต้านโกง ได้นำเอกสารหลักฐาน มาชี้เเจงในรายการโหนกระแส มีผู้เสียหายที่อ้างว่าถูกหัก 20% จากเงินที่ได้จาก "ดิไอคอน" มาร่วมรายการ รวมทั้งยังมีเซอร์ไพรส์ บุคคลที่ "บอสพอล" ส่งไปเเฝงตัวเป็น "หนอน" ในกลุ่มผู้เสียหาย ที่ขอความช่วยเหลือจาก น.ส.กฤษอนงค์ เพื่อล้วงข้อมูลมาร่วมรายการด้วย 

น.ส.กฤษอนงค์ ชี้แจงกรณีถูกกล่าวหาว่า เป็นนักตบทรัพย์ว่า รู้จักกับ บอสพอล ผ่านทาง นาย ธ. เมื่อ 10 ปีที่เเล้ว เเต่ไม่ได้สนิทสนมกัน กระทั่งมีผู้เสียหายจาก "ดิไอคอน" มาขอความช่วยเหลือถึง 89 ราย โดยยืนยันว่า ไม่เคยเรียกรับเงินผู้เสียหาย 

ซึ่งผู้เสียหายที่มาร่วมในรายการกล่าวว่า น.ส.กฤษอนงค์ ไม่ได้เรียกรับโดยตรง แต่มีเเกนนำถาม น.ส.กฤษอนงค์ ว่า ทำไปจะได้อะไร ก็ได้คำตอบว่า เคสที่เคยทำเขาจะเเบ่งให้ 40% กลุ่มผู้เสียหายจึงมาคุยกันว่า 40% เยอะไป จ่ายไม่ไหว มากเกินไป จึงขอให้เหลือเเค่ 20% 
ขอบคุณ รายการโหนกระแส
 

โดย น.ส.กฤษอนงค์ ยืนยันว่า ไม่เคยเรียกรับเงิน เเต่ถ้าจะให้ก็ให้บริจาคเข้ากองทุนของมูลนิธิ เพื่อไว้ช่วยเหลือคนอื่นต่อ และเงินก็ได้โอนเข้าบัญชีส่วนตัว เงินที่ผู้เสียหายได้รับ มาจากทางบอสพอลโดยตรง ที่ผ่านมาก็ไม่เคยเช็กว่า มีคนโอนให้มาเท่าไหร่ เพิ่งจะทราบว่าจาก 89 คน ที่ได้รับเงินจากบอสพอล มีโอนมาเเค่ 20 คน ที่เหลือก็ไม่ได้ไปตามทวง 
 

ตนช่วยเหลือคนมาเยอะ ตอนที่มาก็มามือเปล่า เเต่พอได้รับเงินเเล้ว ความรู้สึกมันก็จะเปลี่ยนไป เข้าใจตรงนี้ดี เพราะเจอมาเยอะ เเต่ก็ต้องนึกถึงวันที่มาขอความช่วยเหลือ มามือเปล่า ข้าวก็เลี้ยง น้ำก็เลี้ยง คอยปรับทุกข์ให้ พอได้เงินก็เป็นอีกอย่าง เเต่ทั้งหมดก็ยืนยันว่าไม่ได้บังคับ คนที่มาร้องเรียนได้เงินคืนสองเเสน ก็โอนมาหมื่กว่าบาท ไม่เคยมีการทวงใดใด


น.ส.กฤษอนงค์ ยืนยันว่า ไม่เคยรับเงินจาก "บอสพอล" ส่วนกรณีที่มีการตั้งคำถามว่า รับเงินจากทั้งสองฝ่าย ก็ยืนยันว่าไม่เป็นความจริง ตนอยู่กับผู้เสียหาย เเต่ก็ต้องเจราจา ทำให้มีโอกาสได้คุยกับบอสพอล มีการโทรคุย เเละเจอกันไม่กี่ครั้ง ยืนยันว่าไม่ได้สนิทกัน ไม่เคยมีการจัดงานวันเกิดให้  ยอมรับว่ายังให้คำเเนะนำต่างๆ กับบอสพอล เเต่เขาไม่ได้ปฏิบัติตาม 

นอกจากนี้ยังมีการเปิดคลิปเสียงต่างๆ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นคลิปที่เธอระบุว่า เธอก็อัดเสียงไว้เช่นกัน มีการพาดพิงอ้างคนใหญ่คนโต เพราะเธอได้รับข้อมูลจากสามีที่เป็นตำรวจ ทำให้เข้าใจอย่างนั้น สามีของเธอเคยเป็นตำรวจ ปคบ.จึงมีความเข้าใจในเรื่องฏหมายขายตรง ก็เป็นคนเขียนคำฟ้องให้ เธอยืนยันว่าไม่เคยเเอบอ้างสื่อ เเต่เป็นกระบวนการขั้นตอนของการวางเเผน ในการทำประเด็นร้องเรียน ให้เป็นที่สนใจของสื่อ เพื่อให้สังคมเกิดความสนใจ เเละปัญหาได้รัลบการเเก้ไขอย่างเร่งด่วน
ขอบคุณ รายการโหนกระแส
 

มาถึงช่วงสำคัญ ที่ทำเอากับทาง น.ส.กฤษอนงค์ อึ้ง เมื่อพิธีกรในรายการ ได้นำหญิงสาวบุคคลหนึ่ง ที่เรียกว่าเป็นหนอน ที่บอสพอลส่งเข้าไป นำออกมาเเฉในประเด็นต่างๆ ทั้งการเรียกรับเงินจากบอสพอล 2 ล้าน , การเรียกเงินสดค่าดำเนินการ ปิดข่าว ยิงเพจ 4 เเสน ทำให้เธอถึงกลับอึ้ง เเละยังไม่รวมกรณีที่ บอสพอล เเละ บอสปัน ติดเครื่องบันทึกเสียง บันทึกเสียงการสนทนานกับเธอถึง 7 ชั่วโมง ไว้ในแฮรพีช หรือวิกผม เเละ ซุกซ่อนเครื่องอัดเสียงไว้ในชุดชั้นใน ซึ่งในเสียงสนทนา ก็มีการพูดโดยใช้คำหยาบ ในการหักเหลี่ยมกัน  

หญิงสาว เล่าว่า บอสพอลให้เธอเเฝงตัวเข้าไปอยู่ในกลุ่มผู้เสียหาย 89 คน เพื่อล้วงข้อมูล เเละติดตามความเคลื่อนไหว ล้วงข้อมูลเมื่อเข้าไปก็ไปพบว่า มีผู้เสียหายมาร่วมกันวางเเผนจำนวนมาก เเละในช่วงท้ายๆ ก็มีผู้เสียหายถามว่า บอสพอลให้ตัวเลข บอสพอลมาเเล้วหรือยัง เขาระวังพี่สุด พี่ก็ระวังเขาสุดเหมือนกัน 

หลังบอสพอลทราบเรื่อง ก็วางเเผนกันว่าจะดำเนินการอย่างไร สุดท้ายภรรยาเก่า บอสพอล ก็มาเป็นตัวกลางเจรจา ไปเคลียร์กับ น.ส.กฤษอนงค์ ที่บ้าน มีการใส่เครื่องอัดเสียงไว้ในกางเกงใน ซึ่ง บอสพอล ก็มองว่า ในกลุ่มผู้เสียหายมีตัวตึง เเละตัวอ่อน ทาง น.ส.กฤษอนงค์  ก็รับปากว่า จะไปเคลียร์กับตัวตึงให้ เเล้วเรียกรับเงินเพิ่มอีก 2 ล้าน ซึ่งตรงนี้ น.ส.กฤษอนงค์ ยืนยันว่า เงิน 2 ล้าน ไม่ได้เรียกรับมาส่วนตัว แต่เป็นเงินที่ส่งให้ผู้เสียหายเป็นเงินก้อนเดียวกับเงิน10ล้าน เธอไม่ได้รับส่วนเเบ่งใดใดทั้งนั้น เเละคนที่นำมาจ่ายก็คือภรรยาเก่าของ "บอสพอล"

รวมทั้งยังมีการนำไลน์สนทนามาเปิดเผย อ้างว่ามีเเชทยืนยัน เเต่ทาง น.ส.กฤษอนงค์ ยืนยันว่า เป็นเงินของ 17 คน ผู้เสียหายที่เป็นเเกนนำ ที่เเนะนำให้เขานำมาเคลียร์ก่อน ให้นำไปให้ผู้เสียหายรวมๆ ก็ประมาณ 2 ล้าน 

นอกจากนี้ยังมีกรณีที่ "บอสพอล" ถูกผู้เสียหายที่ละเมิดสัญญา มาโพสต์ลงในเพจหมิ่นกระมาท เเล้วไปปรึกษาทาง น.ส.กฤษอนงค์ ได้รับคำเเนะนำเเจ้งความที่ สน.บางเขน เเละ ไปร้องที่ สอท. ซึ่งเธออ้างว่า เห็นบอสพอล ผู้บริหารนั่งนับเงินสดจำนวน 3 เเสนให้ ตามจำนวนที่เรียกเก็บเป็นค่าดำเนินการ เเละได้ใบเเจ้งความมา พร้อมกับรับปากว่า จะยิงเพจที่หมื่นประมาทบอสพอลให้ร่วง เเเต่ปรากฎว่าจนถึงวันนี้เพจก็ยังไม่ปลิว ไม่ล่วง โดยประเด็นนี้ทาง น.ส.กฤษอนงค์ ยืนยันว่า ไม่รุ้เรื่อง เพราะเธออยู่เชียงใหม่ เเต่เป็นทีมทนาย เเละทีมงานที่จัดการให้
ขอบคุณ รายการโหนกระแส

"กฤษอนงค์” แจงปมรีดเงิน “บอสพอล” 10 ล้าน 

ภายหลังจบรายการ น.ส.กฤษอนงค์ ลงมาจากสตูดิโอ ด้วยสีหน้าเคร่งเครียด นักข่าวพยายามสอบถามเป็นอย่างไรบ้าง คำตอบที่ได้รับ เธอบอกกับนักข่าวว่าน่วม หลังจากนั้นได้เปิดใจกับนักข่าวอีกครั้งว่า ได้ชี้แจงประเด็นต่างๆ ไปหมดแล้วไม่ได้มีอะไรปิดบัง 

เธอกล่าวได้เสียงสั่นเครือน้ำตาซึมบอกว่า วันนี้ก็ต้องยอมรับว่าเป็นความประมาทจากความไว้ใจ หลังจากนี้จะต้องนำไปปรับปรุง ส่วนกรณีที่ บอสพอล มีการนำเครื่องดักฟัง ไว้ตามจุดต่างๆ อยู่เหนือความคาดหมายมาก แต่ตนมีเจตนาที่จะช่วยทั้งผู้เสียหาย และทั้งฝ่าย the icon group เเต่เขาทำเเบบนี้ ก็อยากให้ได้รับบทเรียนของคน ที่จะเข้ามาช่วย การช่วยคนไม่ใช่เรื่องผิด อาจจะผิดที่เราช่วยผิดคนมากกว่า เตนไม่โกรธ เพราะเขาอยู่ในที่เราไม่ควรไปโกรธเขา หากให้อภัยได้ก็ให้อภัยดีกว่า อยู่ตรงนั้นเขาก็ทรมานอยู่เเล้ว การติดคุกไม่ดีอยู่เเล้ว เรารู้ว่าเจตนาเราพูดอะไร ไม่ได้ตื่นเต้นในเนื้อหา ไม่รู้สึกอะไรกับสิ่งที่เขานำมาเปิดเผย เเต่มันอาจจะไปใกล้เคียง กับสิ่งที่เขาเรียกว่าเราไปตบทรัพย์ 

ยืนยันว่าตนคุยใน 2 มิติ เป็นที่ปรึกษาทั้งให้ผู้เสียหาย เพราะเรามาช่วยฝั่งผู้เสียหาย ทำมา 19 ปี ไม่เคยเก็บเงินผู้เสียหายเลย ในอีกมิติเราก็เป็นที่ปรึกษาให้บริษัท เพราะมีประสบการณ์  อย่าลืมว่าการเเก้ปัญหา มันไม่ใช่เเค่กฎหมาย อย่างเดียว มันต้องมีการเเก้ปัญหาที่ทำให้ธุรกิจอยู่ได้ สำหรับเครือข่ายขายตรง เป็นอะไรที่ซับซ้อน ปราบเซียน 

สำหรับประเด็นที่สังคมมองว่า ตนมีแต่ได้กับได้ทั้ง 2 ทางนั้น อยากให้มองในภาพรวม ทำไมถึงไม่มองว่า ตนเสียอะไรไปบ้าง ตนอยู่ใน safe zone ก็ได้ ทำดีก็ถูกด่าไม่ทำเลยจะดีกว่าไหม ตนยืนต่อสู้เรื่องนี้มานานกว่า 19 ปี บาดแผลรอบนี้เยอะที่สุด หลังจากนี้ก็อาจจะมีการทบทวนบทบาทของตนเอง หากคนยังมองว่า ตนทำในสิ่งไม่ถูกต้อง 
 

ที่ตนถูกคนตราหน้าว่าเป็นนักตบทรัพย์  ทุกคนกล่าวหาได้ เเต่เวลาจะเป็นเครื่องตัดสิน สำหรับตนกับบอสพอล ถือว่าจบเวรจบกรรมกันวันนี้ สิ่งที่บอสพอลทำไม้ได้โกรธ ก่อนหน้านี้คิดจะไปเยี่ยม สงสาร เเต่คงไม่ไปเเล้ว ไม่ฝากอะไรถึงบอสพอล ตอนนี้เขาคงไม่ได้มองว่าเราเป็นเพื่อน หรือเป็นคนรู้จัก มองเราเป็นศัตรู เวลานี้ตนได้บทเรียนที่ล้ำค่าที่สุด คือความประมาท เเละความไว้ใจ ที่เราให้ไป เป็นสิ่งที่เราต้องเเก้ เเละอยากบอกว่ากฏเเห่งกรรมยุติธรรมที่สุด 


น.ส.กฤษอนงค์ ยังกล่าวถึง กรณีคลิปเสียง ปริศนา นาย ส. ยืนยันว่า  99.99% ค่อนข้างมั่นใจว่า เป็นเสียงของนาย ส. ตามที่มีการกล่าวอ้าง เพราะเป็นเสียงที่คุ้นเคยรู้จักเคยร่วมงานกัน  และทำให้ทุกวันนี้ตนนั้นมีแผล ทำให้วงการขายตรงบอบช้ำเป็นอย่างมาก ส่วนตัวกับ นาย ส. นั้นเคยทำงานร่วมกันในองค์กรเดียวกันจริง แต่ต้องแยกคนละประเด็น หลังจากที่เขาได้รับตำแหน่งทางการเมืองแล้ว ก็แทบจะไม่ได้คุยกันเลย ส่วนถ้าตำรวจต้องการข้อมูล ตนก็พร้อมเข้าพบ

น.ส.กฤษอนงค์ เปิดเผยด้วยว่า ในวันศุกร์นี้นะเดินทางไปยื่นฟ้องตรง ทนายความความ เเละอีกหนึ่งคนที่กล่าวหาว่าเป็นพวกเดียวกับ ท่าน ส. ที่ทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียง เเละคนที่ออกมาเปิดเผยว่า ตนเรียกตบทรัพย์ผู้เสียหาย 10 ล้านบาท  เพื่อปกป้องศักดิ์ศรี
น.ส.กฤษอนงค์ สุวรรณวงศ์ ประธานศูนย์ประสานงานส่งเสริมเครือข่าย-ออนไลน์ หรือ ศคอ.