22 ตุลาคม 2567 อดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ให้สัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์ อัล อาราบิยา ของซาอุดิอาระเบียที่ออกอากาศเมื่อวันอาทิตย์ (20 ตุลาคม) โดยบอกว่า เขาอยากเห็นสันติภาพที่แท้จริงและยั่งยืนเกิดขึ้นในตะวันออกกลาง และมั่นใจว่าจะเกิดขึ้นได้ การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ครั้งนี้จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ และเขาจะช่วยให้เกิดสันติภาพที่ยั่งยืนในตะวันออกกลาง หากเขาชนะเลือกตั้ง
นอกจากนี้เขาบอกด้วยว่า เขายังเสียใจที่ว่า หากเขาชนะเลือกตั้งเมื่อ 4 ปีที่แล้ว สงครามจะไม่มีทางเปิดฉากขึ้นแน่ และจะไม่เกิดเหตุการณ์โจมตีอิสราเอลเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม จนนำไปสู่สงครามระหว่างอิสราเอลและฮามาสครั้งใหญ่ที่สุด และจะไม่เกิดสงครามระหว่างรัสเซียและยูเครน
เขาโจมตีด้วยว่าประธานาธิบดีโจ ไบเดน มีนโยบายต่างประเทศที่เลวร้าย และไม่มีความสามารถ รวมทั้งกล่าวหาว่า อิหร่านมีส่วนรับผิดชอบกับสงครามที่เกิดขึ้นในกาซาเพราะอิหร่านให้การสนับสนุนฮามาส
นอกจากนี้เขาย้ำความสำคัญของข้อตกลงอัมบราฮัม แอคคอร์ด ซึ่งเป็นข้อตกลงทวิภาคีระหว่างอิสราเอลและชาติอาหรับบางประเทศเพื่อฟื้นฟูความสัมพันธ์สู่ระดับปกติ โดยมีสหรัฐฯ เป็นผู้ไกล่เกลี่ยในสมัยของประธานาธิบดีอับราฮัม ลินคอล์น
ทรัมป์บอกด้วยว่า หากเขาชนะเลือกตั้ง สิ่งที่จะทำเป็นอันดับแรก คือ ให้ประเทศเหล่านั้นกลับคืนสู่โต๊ะเจรจา เพื่อให้บรรลุสันติภาพในตะวันออกกลาง โดยเขาจะขยายจำนวนประเทศที่ร่วมทำข้อตกลงเพิ่มมากขึ้น
ขณะที่ผลสำรวจเมื่อเร็ว ๆ นี้ พบว่า ทรัมป์มีคะแนนนิยมเหนือกว่ารองประธานาธิบดีกมลา แฮร์ริส ในประเด็นเรื่องนโยบายของสหรัฐฯ ต่อสงครามในต่างประเทศเวลานี้ จากการสำรวจกลุ่มผู้มีสิทธิเลือกตั้งในรัฐสวิงสเตท 7 รัฐ
ผลสำรวจของวอลล์สตรีท เจอร์นัล ที่เผยแพร่เมื่อวันที่ 13 ตุลาคม พบว่า ทรัมป์มีคะแนนนิยมนำแฮร์ริส ที่ 50% ต่อ 39% ในประเด็นว่า ใครจะดำเนินนโยบายต่อสงครามระหว่างรัสเซียและยูเครนได้ดีที่สุด และทรัมป์นำแฮร์ริสที่ 48% ต่อ 33% ในประเด็นสงครามระหว่างอิสราเอลและฮามาส
ภาพ : รอยเตอร์