svasdssvasds
เนชั่นทีวี

อาชญากรรม

"รองนพศิลป์" เผยคดีอุ้มรีดนักธุรกิจจีน 12 ล้าน ต้นเหตุจากแค้นส่วนตัว

"สุดแค้นแสนรัก" รอง ผบช.น.เผยคดีอุ้มเรียกค่าไถ่ 2 นักธุรกิจชาวจีน 12 ล้าน มีต้นเหตุจากความแค้นส่วนตัว ขณะนี้รวบได้แล้ว 2 จาก 6 ผู้ต้อง เตรียมขยายผลผู้เสียหายเป็นจีนสีเทาหรือไม่

22 ตุลาคม 2567 เมื่อเวลา 13.30 น. ที่ สน.สุทธิสาร พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ได้เดินทางเข้ามาร่วมประชุมพร้อมกับชุดคลี่คลายคดี ที่กลุ่มคนร้ายบุกจับ 2 นักธุรกิจจีนเรียกค่าไถ่ 12 ล้านบาท ก่อนจะนำผู้เสียหายไปปล่อยไว้บนถนนย่านเกษตร-นวมินทร์  โดยได้ใช้เวลาในการประชุมนานกว่า 1 ชั่วโมง ก่อนจะมีการแถลงข่าว พร้อมของกลาง เป็นเสื้อผ้าของผู้ก่อเหตุที่ใช้ใส่ตอนก่อเหตุ สายเคเบิลที่เอาไว้มัดมือมัดเท้าผู้เสียหาย ซึ่งของเหล่านี้กลุ่มผู้ก่อเหตุได้ใส่ถุงดำทิ้งเอาไว้หน้าบ้าน นอกจากนี้ยังมีเงินสดสกุลเงินหยวน ที่ผู้ก่อเหตุได้นำเงินสดไปแลกมา 

รอง ผบช.น. เปิดเผยว่า ขณะนี้ตำรวจสามารถจับกุมผู้ต้องหาได้แล้ว 2 จาก 6 ราย ประกอบไปด้วย นายหลิวบู และนางสาวหยางเจิน ซึ่งทั้งคู่เป็นสามีภรรยากัน โดยนายหลิวบู ถูกจับกุมตัวได้ที่สนามบิน ขณะกำลังเช็คอินเพื่อจะขึ้นเครื่องหลบหนีไปยังประเทศกัมพูชา ส่วนนางสาวหยางเจิน ถูกจับกุมได้ที่บ้านเช่าย่านลาดพร้าววังหิน
พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล
 

จากการสอบปากคำทั้งคู่ให้การสารภาพว่า เป็นผู้ร่วมก่อเหตุรีดไถเงินผู้เสียหายในครั้งนี้ สาเหตุมาจากเรื่องของความแค้นส่วนตัว เนื่องจากนางสาวหยางเจิน เป็นอดีตภรรยาของหนึ่งในผู้เสียหาย ก่อนจะเลิกรากันไป จากนั้นนางสาวหยางเจิน ก็ไปมีสามีใหม่นั่นก็คือนายหลิวบู ระหว่างที่คบกันก็มีการเล่าเรื่องในอดีตให้ฟังว่า นางสาวหยางเจิน เคยถูกผู้เสียหายกดขี่ และทำร้ายร่างกาย หลังนายหลิวบูทราบเรื่อง ก็เกิดความแค้นใจตามภรรยา

ต่อมาจึงได้วางแผนที่จะปล้นเงินผู้เสียหาย โดยได้มีการติดต่อนายตง ซึ่งเป็นชาวจีน จากนั้นนายตง ก็ได้ไปติดต่อผู้ก่อเหตุอีก 3 รายซึ่งเป็นชาวเมียนมา ก่อนจะไปรวมตัวกันที่บ้านเช่าย่านลาดพร้าววังหิน เพื่อทำการวางแผน โดยให้อดีตภรรยาของผู้เสียหาย ทำทีติดต่อไปหาผู้เสียหายว่า จะมีคนนำเงินดิจิทัลมาแลกเป็นเงินสด โดยให้เตรียมเงินสดเอาไว้จำนวน 3,200,000 บาท แล้วจะมีคนเข้าไปเอาที่บริษัทในซอยรัชดาภิเษก 24
นายหลิวบู หนึ่งในผู้ต้องหา ที่ถูกจับกุมตัวได้ที่สนามบิน
 

หลังจากอดีตภรรยาโทรหาผู้เสียหายเสร็จเรียบร้อยแล้ว จากนั้นเพียงแค่ 15 นาที กลุ่มคนร้ายก็ได้บุกเข้าไปบริษัทของผู้เสียหาย ตามที่เห็นภาพในกล้องวงจรปิด ก่อนจะปล้นเงินสดได้จำนวน 3,200,000 บาท ที่อยู่ในบริษัท รถยนต์ และเงินที่ติดตัว ต่อมาคนร้ายก็ได้พาผู้เสียหายขึ้นไปยังรถยนต์ฮอนด้า ซึ่งเป็นรถของผู้เสียหาย และพาขึ้นรถเก๋งโตโยต้าอีกหนึ่งคน 

ต่อมากลุ่มคนร้ายได้พาผู้เสียหายขับรถออกจากบริษัท มุ่งหน้าไปยังวงเวียนบางเขน ก่อนจะมุ่งหน้าไปยังจังหวัดนครนายก แล้วพาผู้เสียหายไปอยู่ในซอยเปลี่ยวจำนวนหนึ่งคืน แล้วได้มีการขู่บังคับให้ผู้เสียหายโอนเงินดิจิทัลอีก 270,000 USDT โดยให้เงื่อนไขว่าถ้าหากไม่โอนก็จะถูกฆ่าทิ้ง
นางสาวหยางเจิน ผู้ต้องหาอีกราย ซึ่งเป็นอดีตภรรยาของหนึ่งในผู้เสียหาย

หลังผู้เสียหายโอนเงินดิจิทัลให้คนร้ายเสร็จเรียบร้อยแล้ว กลุ่มคนร้ายก็ได้ขับมาส่งผู้เสียหายที่ซอยนวมินทร์ 100 ซึ่งผู้เสียหายได้เรียกให้เพื่อนมารับ ก่อนจะเข้ามาแจ้งความ ส่วนกลุ่มคนร้ายก็ได้กลับไปยังบ้านเช่าย่านลาดพร้าววังหินอีกครั้ง ก่อนจะแบ่งเงินแล้วแยกย้ายกันไป ส่วนนายหลิวบู และนางสาวหยางเจิน ได้เดินทางไปที่พัทยา จังหวัดชลบุรี ก่อนจะวกกลับส่งนายหลิวบู ขึ้นเครื่องที่สนามบินสุวรรณภูมิ จนกระทั่งถูกจับกุมในเวลาต่อมา

สำหรับผู้ต้องหาอีก 4 ราย พบว่าข้อมูลล่าสุดในขณะนี้ ได้หลบหนีออกผ่านทางด่านผักกาดจังหวัดจันทบุรี อยู่ระหว่างสืบสวนสอบสวนเร่งนำตัวมาดำเนินคดี

ในส่วนบริษัทของผู้เสียหายที่ได้เปิดเป็นธุรกิจเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งตอนนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบว่า เพราะสาเหตุใดถึงสามารถรับแลกเปลี่ยนเงินดิจิทัลได้ด้วย รวมถึงหาแหล่งที่มาของเงินสดที่ได้นำมาแลกเปลี่ยนกับเงินดิจิทัลว่า หาจากไหนถึงหามาได้มากขนาดนี้

กระทั่งเวลา 14.30 น. พนักงานสอบสวนได้นำตัวนางสาว หยางเจิน สัญญาติจีน ซึ่งเป็นอดีตภรรยาของ 1 ในผู้เสียหายไปขออำนาจศาลฝากขังที่ศาลอาญารัขดาภิเษก