ผลการเลือก สว.ที่ปรากฏออกมา นอกจากจะทำให้ภูมิทัศน์การเมืองเปลี่ยนแล้ว ยังทำให้ภาพของ "พรรคภูมิใจไทย" เปลี่ยนแปลงด้วย จะเรียกว่า จาก “หน้ามือเป็นหลังมือ” เลยก็ไม่ผิด เพราะภาพพรรคภูมิใจไทยเดิม แม้จะเป็นพรรค 71 เสียง และมีทิศทางเติบโตขึ้นเรื่อยๆ ในแง่จำนวน สส. แต่ก็ยังถูกมองเชิงปรามาส
1.เคยตั้งเป้า “พรรคหลักร้อย” เคยวาดหวังดังๆ ถึง 120 เสียง แต่ก็ได้มาแค่ 71
2.เป็น “พรรคมีเจ้าของ” มีระบบบริหารจัดการภายในแบบ one stop service ซึ่งไม่ใช่ “พรรคในฝัน” ของนักประชาธิปไตย
3.มีภาพเป็น “พรรคบ้านใหญ่”
4.มีภาพเป็น “พรรคสายอนุรักษ์นิยม”
5.มีโอกาสสูงที่จะถูกยุบพรรค จากคดีที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยเมื่อวันที่ 17 ม.ค.67 ว่า นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ “ยังคงไว้ซึ่งหุ้น หจก.บุรีเจริญคอนสตรัคชั่น” ต้องพ้นจากตำแหน่งรัฐมนตตรีคมนาคมในรัฐบาลลุงตู่
ผลสะเทือนจากคดีนายศักดิ์สยาม สะท้านถึงพรรค เพราะนายศักดิ์สยาม เคยเป็นถึง “เลขาธิการพรรค” และ หจก.บุรีเจริญฯ ก็เคยบริจาคเงินเข้าพรรค แต่กลับเป็นกิจการที่ยังเป็นของนายศักดิ์สยามอยู่ แถมยังมีข้อกล่าวหาเรื่องฮั้วประมูลงานในกระทรวงคมนาคม (กรมทางหลวงชนบท) ซึ่งนายศักดิ์สยาม เป็น รมว.คมนาคม อยู่ด้วย
ประเด็นคือ หากเงินบริจาคนั้นมิชอบ ก็เสี่ยงที่พรรคจะถูกยุบ ขณะที่นายศักดิ์สยาม ก็จะโดน ป.ป.ช.ไต่สวนต่อกรณียื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินอันเป็นเท็จ
สรุปคือ ภูมิใจไทยเป็นพรรคมีแผล เสี่ยงถูกยุบ และแกนนำพรรคมีตำหนิ เคยโดนข้อหาฉกรรจ์ทางการเมือง ไม่ใช่ถูกยุบเหมือนพรรคก้าวไกล ที่มีโอกาสยิ่งยุบยิ่งโต แต่ภูมิใจไทยดูจะสวนทาง
จากภาพลักษณ์ และเส้นทางวิบากทางการเมืองของพรรคภูมิใจไทย ทำให้พรรคการเมืองนี้ถูกมองเป็น “ลูกไล่” หรือ “พรรคอะไหล่” ในรัฐบาลเพื่อไทย แม้จะเป็นพรรคอันดับ 2 ก็ตาม แต่เมื่อภูมิใจไทย “ยึดสภาสูงได้” กลายเป็น “สว.สายสีน้ำเงิน” พรึ่บเต็มสภา ทำให้ภูมิทัศน์การเมืองเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง ทั้งในภาพรวม และในพรรคร่วมรัฐบาลเอง
ข้อมูลกรุงเทพธุรกิจ ระบุว่า สว.สายสีน้ำเงินมีมากถึง 123 คน คิดเป็นร้อยละ 61.50 และมีข้อมูลจากแหล่งข่าววงในด้วยว่า สว.สายสีน้ำเงินมีมากกว่านั้น คือ 140 คน คิดเป็นร้อยละ 70 แต่นักยุทธศาสตร์การเมือง ที่วางเกมให้พรรคการเมืองใหญ่บางพรรค ยืนยันว่า ตัวเลขที่ว่านี้ “โอเวอร์” เพราะตัวเลขจริงน่าจะประมาณ 75 คน หรือ ร้อยละ 37.5
"แต่ไม่ว่าสัดส่วน สว.สายสีน้ำเงิน จะเป็นเท่าใด ก็ต้องยอมรับว่า ภูมิใจไทยประสบความสำเร็จในสนามนี้จริงๆ "
เมื่อ ”ภูมิใจไทย“ ยึดสภาสูง ภูมิทัศน์การเมืองจะเปลี่ยนไป