24 กันยายน 2567 ที่ถนนข้าวสาร ชาวบ้านในพื้นที่ได้มีการร้องเรียนว่า ถนนที่ทาง กทม. ทุ่มงบประมาณ 48 ล้านบาท นำหินแกรนิตพ่นไฟมาปูบนพื้นผิวจราจรบนถนนข้าวสาร ซึ่งเป็นหนึ่งในโครงการพลิกโฉมถนนข้าวสาร เปิดใช้งานตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ ปี 63 ได้อยู่ใน แตกร้าวตลอดระยะทางถนนข้าวสาร 400 เมตร ทั้งที่หินแกรนิตพ่นไฟ ควรจะมีความคงทน รับน้ำหนักทั้งรถ และคนได้ โดยจุดที่ชำรุด เมื่อวานนี้ (23 ก.ย.67) เจ้าหน้าที่ได้ซ่อมแซมด้วยการเทปูน และใช้ถุงเศษอิฐ พร้อมนำกรวยมาวางกั้นไว้ ไม่ให้นักท่องเที่ยว หรือประชาชนเดินเหยียบ
นายอุดร คนขับรถตุ๊กตุ๊ก เล่าว่า สภาพถนนเป็นแบบนี้มาตั้งแต่เริ่มทำแล้ว หลังจากทำเสร็จก็แตกมาเรื่อยๆ ตรงไหนที่แตก กทม.ก็เอาปูนมาโบกปิด แต่ปัจจุบัน ก็มีรถใหญ่ รถเล็กใช้สัญจรเข้าออกตลอดเวลา ส่วนใหญ่ที่แตกคาดว่า เกิดจากรถ 6 ล้อ ที่บรรทุกของหนักเข้ามา จนทำให้พื้นผิวจราจรแตก โดยส่วนตัวแล้วก็อยากให้ลาดยางมากกว่า เพราะว่าสะดวกกว่า ง่ายกว่า และไม่เปลืองงบประมาณด้วย ที่หินแกรนิตพ่นไฟแตก ก็เพราะพื้นด้านล่างมันเป็นทราย พอฝนตกลงมาทรายก็ไหลไปทางอื่น จนกระเบื้องมันลอย ทำให้ข้างใต้เป็นแอ่ง เมื่อรถมาเหยียบก็ทำให้กระเบื้องแตก ยิ่งหน้าร้อน อากาศแห้ง ก็ทำให้มีฝุ่นตลอดทาง
เช่นเดียวกับนายธนภูมิ พ่อค้าอาหารริมทาง เล่าว่า กระเบื้องมันแตกเป็นแบบนี้มาตั้งนานแล้ว ตรงไหนแตกหลายแผ่น กทม.ก็เอาปูนมาโบกปิด แต่ส่วนใหญ่จะมาทำในวันจันทร์ ซึ่งมีนักท่องเที่ยว หรือประชาชนที่สัญจรไปมาน้อย จึงอยากให้ทำเป็นถนนลาดยางดีกว่า อีกทั้งถนนข้าวสาร เป็นแลนด์มาร์ค ซึ่งเป็นหน้าตาของบ้านเราด้วย ชาวต่างชาติมาเดินถ่ายรูป ก็เป็นภาพลักษณ์ที่สวยงาม ไม่ใช่ภาพลักษณ์ออกไปแบบไม่ดี
ซึ่งก่อนหน้านี้ เคยมีชาวต่างชาติสะดุดล้มเป็นแผล ถูกกระเบื้องบาดมาแล้ว เพราะส่วนใหญ่นักท่องเที่ยวเดินดูสินค้าหรืออาหาร ไม่ค่อยใส่ใจเรื่องถนน ทำให้เจ้าหน้าที่ต้องนำกรวยมาวาง เพื่อไม่ให้ประชาชน หรือชาวต่างชาติเดินมาเหยียบ
ทั้งนี้ อยากฝากถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง หากปรับเปลี่ยนพื้นถนนเป็นลาดยางได้ ก็คงจะดีกว่านี้ อีกทั้งไม่เกิดอันตรายกับนักท่องเที่ยว และยานพาหนะที่สัญจรไปมาอีกด้วย