ประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี ของยูเครน ให้สัมภาษณ์กับรายการ 60 Minutes ของสถานีโทรทัศน์ CBS ว่า เขาอยากให้ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ เดินทางไปเยือนยูเครนเพื่อจะได้เข้าใจถึงสิ่งที่ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูตินของรัสเซียทำไว้ และก่อนการตัดสินใจใด ๆ ก่อนการเจรจารูปแบบใด ขอให้ไปเห็นความเสียหายหรือการสูญเสียชีวิตที่เกิดขึ้นกับประชาชน พลเรือน เด็ก นักรบ โรงพยาบาล และโบสถ์ เป็นต้น
คำสัมภาษณ์นี้บันทึกไว้ก่อนรัสเซียงยิงขีปนาวุธ 2 ลูก โจมตีเมืองซูมีของยูเครน ทำให้มีผู้เสียชีวิต 34 คน และผู้บาดเจ็บ 117 คนเมื่อวันอาทิตย์ (13 เมษายน) ขณะประชาชนกำลังเฉลิมฉลองวันปาล์มซันเดย์ หรือ วันแรกของการฉลองที่พระเยซูคริสต์เสด็จถึงกรุงเยรูซาเลม การโจมตีครั้งนี้เป็นครั้งที่มีผู้เสียชีวิตมากที่สุดของปีนี้
ประธานาธิบดีทรัมป์ ที่กำลังพยายามไกล่เกลี่ยข้อตกลงหยุดยิงระหว่างรัสเซียและยูเครน เรียกการโจมตีเมืองซูมีว่าเป็นความผิดพลาด และพลโทคีท เคลล็อกก์ นายทหารเกษียณอายุ ซึ่งปัจจุบันเป็นทูตพิเศษกรณียูเครน ของทรัมป์ บอกว่า การโจมตีดังกล่าวได้ข้ามเส้นความเหมาะสมไปแล้ว
บรรดาผู้นำชาติยุโรปประสานเสียงประณามการโจมตีเมืองซูมี และบอกว่า จำเป็นต้องมีมาตรการขั้นรุนแรงเพื่อบังคับใช้ข้อตกลงหยุดยิง
ขณะที่กระทรวงกลาโหมรัสเซีย ชี้แจงว่า กองทัพยิงขีปนาวุธอิสกันเดอร์-เอ็ม 2 ลูก พุ่งเป้าโจมตีสถานที่จัดการประชุมของทหารยูเครน และมีทหารยูเครนเสียชีวิตกว่า 60 นาย พร้อมทั้งกล่าวหาว่า ยูเครนใช้เป็นพลเรือนเป็นโล่มนุษย์ โดยตั้งฐานของทหารและจัดกิจกรรมของทหารในศูนย์กลางของเมืองที่มีประชากรอาศัยหนาแน่น
ทั้งยูเครนและรัสเซียยังคงโจมตีกันและกัน แม้ตกลงระงับการโจมตีโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานชั่วคราวภายใต้ข้อเสนอของสหรัฐฯ นอกจากนี้ยูเครนสนับสนุนข้อเสนอ ที่ขยายสู่การหยุดโจมตีทั้งอากาศ ทางบก และทางทะเล แต่รัสเซียยื่นเงื่อนไขพิ่มเติมทำให้ยังไม่สามารถบรรลุข้อตกลงร่วมกันได้