svasdssvasds
เนชั่นทีวี

อาชญากรรม

คู่กรณีโต้แซบเมียบิ๊ก ตร.พูดไม่จริง ปมสัมพันธ์สามี-ลักทรัพย์ ลั่นมียันคลิปลับ

คู่กรณีโต้แซบ เมียบิ๊ก ตร.พูดไม่จริง ปมสัมพันธ์สามี-ลักทรัพย์ ลั่นมียันแชต-คลิปลับ เชื่อคู่กรณีทำไปไม่ได้หวังทรัพย์แต่หวังล้มงานแต่ง

25 ตุลาคม 2567 ความคืบหน้ากรณี น.ส.ธณัฎฐา อายุ 50 ปี เข้าแจ้งความเอาผิด นางศิรินัดดา ภรรยาบิ๊กตำรวจ อดีตรอง ผบ.ตร. ลักทรัพย์เกือบ 6 ล้านบาท ในคอนโดฯ ซอยสุขุมวิท 101 ที่ผู้เสียหายพักกับสามี ก่อนที่วานนี้ (24 ต.ค.) นางศิรินัดดา จะเข้ามอบตัวที่ สน.พระโขนง หลังศาลออกหมายจับในข้อหา “ร่วมกันลักทรัพย์ในเคหสถานและร่วมกันบุกรุกเคหสถาน” ไม่นาน โดยเจ้าตัวเจ้าตัวปัดตอบเรื่องสัมพันธ์ลับกับสามีผู้เสียหาย และลักทรัพย์ ก่อนที่ภายหลังจะได้รับการประตัวในชั้นพนักงานสอบสวนในวงเงิน 105,000 บาท

ล่าสุด มีรายงานว่า หลังจากที่ นางศิรินัดดา ภรรยาบิ๊กตำรวจเข้ามอบตัวตำรวจ สน.พระโขนง วานนี้ ทนายความให้ข้อมูลแล้วว่า ได้ปฎิเสธทุกข้อกล่าวหา ซึ่งข้อมูลจากการสอบสวน มีข้อโต้แย้งในประเด็นความสัมพันธ์ระหว่างทั้ง 3 คน ซึ่งภรรยาบิ๊กตำรวจให้การว่า รู้จักกันมาก่อน และสามีของผู้ร้อง มักมีปัญหาทางการเงิน และเคยมาขอยืมเงินเธอหลายครั้ง อีกทั้งยังมอบแชตไลน์ขอยืมเงิน จำนำทองของผู้ร้อง ซึ่งแชตโดยใช้ไลน์ของสามี ให้กับพนักงานสอบสวน 
นางศิรินัดดา ภรรยาบิ๊กตำรวจ
 

ส่วนกรณีคอนโดที่สุขุมวิท 101 นั้น ภรรยาบิ๊กตำรวจ ให้การว่า สามีผู้ร้องไม่ได้พักอยู่ในคอนโดย่านสุขุมวิท 101 แล้วเพราะจะย้ายไปอยู่คอนโดที่ศาลายา นครปฐม ซึ่งอยู่ใกล้ที่ทำงาน คือ รร.นายร้อยตำรวจสามพราน จึงอยากให้เธอช่วยเหลือด้วยการเช่าห้องพักในคอนโด สุขุมวิท 101 ซึ่งเธอได้ให้การช่วยเหลือโดยเช่าห้องราคาเดือนละ 10,000 บาท และจ่ายล่วงหน้าไป 12 เดือน รวมเป็นเงิน 1.2 แสบบาท ภรรยาอดีตบิ๊กตำรวจยังอ้างอีกว่า "อุษา" เจ้าของโครงการคอนโดดังกล่าวเป็นพยาน และอุษาก็มีฐานะเป็นเจ้าหนี้ของผู้ร้องและสามีผู้ร้องอีกคนหนึ่ง 
คู่กรณีโต้แซบเมียบิ๊ก ตร.พูดไม่จริง ปมสัมพันธ์สามี-ลักทรัพย์ ลั่นมียันคลิปลับ
 

ส่วนประเด็นถุงสายรุ้ง 5 ใบนั้น ภรรยาบิ๊กตำรวจ ยอมรับว่า เป็นของเธอจริง โดยเธอได้ให้ สามีผู้ร้อง ช่วยนำจากบ้านของเธอ ไปเก็บไว้ในห้องพัก คอนโด ย่านสุขุมวิท 101 ที่เธอได้ช่วยเช่าไว้ และของในถุงสีรุ้งนั้น เป็นกระเป๋าสาน ไม่ใช่เงินสด โดยอ้างว่า แม่บ้านที่ชื่อ “ต้อม” เป็นพยาน  
คู่กรณีโต้แซบเมียบิ๊ก ตร.พูดไม่จริง ปมสัมพันธ์สามี-ลักทรัพย์ ลั่นมียันคลิปลับ

คู่กรณีโต้แซบเมียบิ๊ก ตร.พูดไม่จริง ปมสัมพันธ์สามี-ลักทรัพย์ ลั่นมียันคลิปลับ

ทั้งนี้ ภายหลังจากจบรายการโหนกระแส น.ส.ธณัฎฐา อายุ 50 ปี "หนิงหนิง" ผู้เสียหาย คู่กรณีภรรยาบิ๊ก ตำรวจ ออกมาเปิดเผยถึงกรณีที่ถูกภรรยาบิ๊กตำรวจลักทรัพย์ค่าสินสอด และความสัมพันธ์กับสามีตนเองว่า ที่ตนเปิดเผยเป็นเรื่องจริงทุกอย่าง ยืนยันว่ามีคลิปจริง แต่ไม่สามารถเปิดคลิปได้ เพราะถ้าเปิดคลิปคู่กรณีจะฟ้องตนอย่างแน่นอน 

โดยความสัมพันธ์ของทั้งคู่ เธอระแคะระคายมาระยะหนึ่งแล้ว เนื่องจากแอบดูแชตระหว่างทั้ง 2 คน จนนำไปสู่การติดตั้งกล้องแอบถ่ายไว้ เมื่อวันที่ 8 พ.ค. ทั้งคู่ได้นัดเจอกันที่บ้านย่านคลอง 7 และมีความสัมพันธ์เชิงชู้สาวกัน และจากนั้นวันที่ 6 มิ.ย. คู่กรณีได้ขอมาเจอกับตนอีกครั้ง โดยอ้างว่าจะเอาของที่คอนโด แต่เมื่อถามไปอีกครั้งก็ยอมรับว่า อยากจะรื้อฟื้นความสัมพันธ์กับสามีตน แต่สามีตนไม่เล่นด้วย แต่คู่กรณีไม่ยอมจบ และโทรมาหาสามี เมื่อวันที่ 16 ส.ค. ตนเป็นคนรับสาย จึงได้มีการเคลียร์กันเรื่องความสัมพันธ์ คู่กรณีปฎิเสธว่า ไม่ได้มีความสัมพันธ์กันอย่างว่า สาเหตุที่ตนยังให้สามีติดต่อกับคู่กรณีอยู่นั้น เพราะเห็นใจ ที่ช่วงดังกล่าวบิ๊กตำรวจ สามีของคู่กรณีกำลังมีปัญหาอยู่ 

ส่วนในฝั่งของสามีคู่กรณี ตนได้พยายามติดต่อไป ทั้งทางจดหมายที่ส่งไปที่หน้าหมู่บ้าน และทาง sms โดยเนื้อหาที่ส่งไปเป็นการเล่าเรื่องราวทุกอย่างที่เกิดขึ้น พร้อมกับทวงทรัพย์และทองคำคืน 
 

คลิปความสัมพันธ์ทั้งคู่ ตนเก็บไว้ในที่ปลอดภัย ไม่ได้ส่งให้ใคร ตัวเองยังไม่ได้มีการฟ้องชู้ ซึ่งในคลิปยังมีปรากฏช่วงที่คู่กรณี ขโมยคีย์การ์ดออกไปจากตู้โชว์ ส่วนนี้จะนำไปให้กับตำรวจ ตนและคู่กรณีไม่เคยรู้จักกันมาก่อน เพิ่งมารู้จักก็ตอนที่เริ่มระแคะระคาย ในเรื่องความสัมพันธ์เชิงชู้สาวกับสามีของตัวเอง 


น.ส.ธณัฎฐา อายุ 50 ปี ผู้เสียหาย

ส่วนประเด็นทองคำ 120 บาท และเงินสด ที่หายไปนั้น ยืนยันว่ามีจริง และตัวเองได้เก็บรวมกันไว้ในกระเป๋าสีดำ ซึ่งอยู่ในลิ้นชักภายในห้องนอน พร้อมกับปืนอีก 3 กระบอก ซึ่งปืนไม่หาย แต่ทรัพย์สินดังกล่าวหายไป แต่กลับมีกระเป๋าของคู่กรณีที่ภายในมี กระดาษขายทอง กรมธรรม์ ที่ปรากฎชื่อของคู่กรณีอยู่ภายในกระเป๋า ซึ่งวางอยู่ด้านในห้อง ซึ่งเรื่องที่คู่กรณีขโมยสินสอดตัวเองไปนั้น ส่วนตัวไม่ได้มองว่า คู่กรณีไม่มีเงินแต่มองว่าเป็นการล้มงานแต่ง 

ในส่วนของการเช่าคอนโดที่คู่กรณีอ้างว่า สามีของตัวเองได้มีการขอความช่วยเหลือ ให้คู่กรณีเช่าคอนโดเดือนละ 10,000 บาท ส่วนตัวเพิ่งรู้เรื่องนี้เมื่อไม่นานมานี้ พร้อมยืนยันว่าไม่เป็นความจริง และหากเป็นความจริงอยากให้คู่กรณีเปิดเผยสัญญาการเช่าห้อง หลักฐานการโอนเงิน หรือหากจ่ายเป็นเงินสดก็ต้องมีหลักฐาน พร้อมยืนยันว่าส่วนตัวไม่ได้มีความเดือดร้อน จนถึงขั้นที่ต้องไปยืมเงินคู่กรณี เพราะตัวเองก็มีทรัพย์สินมากพอ 

ส่วนกระเป๋าสีรุ้งที่คู่กรณีอ้างว่า มีกระเป๋าแบรนด์เนมอยู่นั้น ยืนยันว่าเจอภายในห้องดังกล่าวจริง แต่ในตอนแรกไม่ได้เปิดดู แต่เมื่อทราบถึงความสัมพันธ์ของทั้งสองแล้ว จึงตัดสินใจเปิดดูและเห็นว่าเป็นของอย่างอื่น ตามที่ได้เป็นข่าวไปแล้ว และไม่เจอกระเป๋าแบรนด์เนม ซึ่งส่วนนี้ได้ให้การกับเจ้าหน้าที่ตำรวจไปหมดแล้ว 
กระเป๋ษสีรุ้งของเมียบิ๊กตำรวจ

ส่วนประเด็นที่อาจจะมีการสอบความประพฤติที่ไม่เหมาะสมกับสามีนั้น ส่วนตัวได้มีการคุยกับสามีแล้ว ซึ่งสามีบอกว่ายอมรับ เพราะเรื่องดำเนินการมาถึงขนาดนี้แล้ว ก็ยอมรับกับที่กำลังเกิดขึ้น เพราะแต่ตัวเองออกมาเปิดหน้าขนาดนี้แล้วก็ได้รับผลกระทบมากเหมือนกัน เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า หากมีการฟ้องชู้ กลัวหรือไม่ว่าสามีของคู่กรณีจะฟ้องชู้กลับ ผู้ร้องเผยว่า เรื่องดังกล่าวขอไปปรึกษาสามีก่อน 

ส่วนเรื่องคดีการฉ้อโกง ตอนนี้ศาลยกฟ้องไปแล้ว 2 คดี ยังอยู่ในระหว่างพิจารณา 2 คดี และไกล่เกลี่ยไปแล้ว 1 คดี ซึ่งรวมทั้งหมด 5 คดี ส่วนคดีของนางศิริพร เป็นการทำเฟรนไซส์ โดนัทร่วมกัน ของตนกับนางศิริพร ซึ่งเป็นคุณครูอยู่ในโรงเรียนเดียวกัน ตนนับถือนางศิริพรเป็นแม่เหมือนพี่สาว เมื่อก่อนนางศิริพรอยู่กับสามีแก่คนหนึ่ง แต่ภายหลังมีพฤติกรรมหญิงชอบหญิง ตนไม่สามารถตอบสนองความต้องการของเขาได้ ทำให้จู่ๆ นางศิริพร ได้ล้มกระดานธุรกิจที่มีร่วมกัน ทำให้ตนหมดเนื้อหมดตัว ติดหนี้ติดสิน และติดคุกด้วย ซึ่งส่วนนี้ตนมองว่า ถูกกกั่นแกล้ง จึงได้แจ้งความกลับ ส่วนรถ BMW ที่มีประเด็นกัน ได้มีการตกลงซื้อร่วมกัน เพื่อจะใช้ร่วมกันในธุรกิจ ตนเป็นคนผ่อน แต่เป็นชื่อของนางศิริพร 

ส่วนประเด็นเรื่องการเป็นอาจารย์พิเศษ ตนจบเรื่องการบริหารธุรกิจ สาขาการจัดการการตลาด จึงเป็นอาจารย์สอนพิเศษ ให้ความรู้นักเรียนในร้อยตำรวจว่า หากรายได้จากอาชีพไม่พอ จะต้องมีลู่ทางในการหาเงินขายของแบบใดได้บ้าง ซึ่งส่วนใหญ่เป็นการแชร์จากประสบการณ์ตัวเอง ที่มีธุรกิจการขายร้านโดนัท และมีความเชี่ยวชาญเรื่องกระบวนการสอบสวน ซึ่งตอนนั้นตนกำลังเรียนระดับ ป.โท อยู่ ส่วนเรื่องที่ศาลจังหวัดทองผาภูมิ มีการระบุ โพสต์ตำแหน่ง ดอกเตอร์นำหน้านั้น ตนไปทำบุญบริจาคโดนัท และบอกแค่ว่ากำลังเรียนในระดับปริญญาเอก ซึ่งยังเรียนไม่จบการศึกษา แต่ในส่วนของศาลจังหวัดทองผาภูมิน่าจะมีการเขียนให้เอง 

สำหรับภาพการสวมชุดข้าราชการตำรวจ น.ส.ธณัฎฐา ชี้แจงว่า เป็นงานแฟร์เวลไนท์ ของมหาวิทยาลัยเวสเทิร์น ให้แต่งกายอาชีพในฝัน ซึ่งผู้สื่อข่าวได้สอบถามว่า ถ้าไม่ได้อยากเป็นตำรวจ ทำไมถึงเลือกที่จะสวมชุดตำรวจไปงานเลี้ยง พร้อมเครื่องแบบเต็มยศ น.ส.ธณัฏฐา ระบุว่า ตนไม่เคยฝันอยากเป็นตำรวจเลย เพราะมีสามีเป็นตำรวจอยู่แล้ว จะอยากเป็นตำรวจอีกทำไม แต่ตอนนั้นตนเองไม่ได้เตรียมชุดอะไร และตอนนั้นก็มีน้องที่เป็นตำรวจจริงอีกคน ให้หยิบยืมชุดใส่ ซึ่งในภาพจะเห็นป้ายชื่อปักที่หน้าอก เป็นชื่อจริงนามสกุลจริงของตนเอง เพราะข้างมหาวิทยาลัยมีร้านทำป้ายชื่อ เลยทำให้สมจริง 

ส่วนประเด็นเรื่องการฟ้องร้อง จากนึ้จะปรึกษากับทางสามีอีกครั้งว่า จะมีการฟ้องร้องในประเด็นไหนเพิ่มเติม และไม่สนใจว่าคู่กรณีจะฟ้องกลับ พร้อมที่จะเปิดหน้าสู้ ส่วนความผิดพลาดของสามี พร้อมที่จะให้อภัย และเดินหน้างานแต่งต่อไปสุดท้ายอยากจะฝากถึงคู่กรณีว่า "ให้เอาของมาคืน การที่เป็นชู้ กับสามีคนอื่น ก็ควรที่จะมีความรู้สึกผิดชอบชั่วดี ควรมีศีลธรรมมากกว่า เพราะการกระทำของตัวเอง จะทำให้ตัวเขาชีวิตตกต่ำ"
คู่กรณีโต้แซบเมียบิ๊ก ตร.พูดไม่จริง ปมสัมพันธ์สามี-ลักทรัพย์ ลั่นมียันคลิปลับ