svasdssvasds
เนชั่นทีวี

อาชญากรรม

แม่ข่าย 2,000 คนเตรียมตัว "บอสพอล" สั่งทนายลากไปอยู่ในคุกด้วย

จับมือไว้แล้วไปด้วยกัน "บอสพอล" ไม่ทิ้งใครไว้ข้างนอก! แม่ข่าย 2,000 คน ตีเนียนเป็นผู้เสียหายเตรียมตัว "บอสพอล" สั่งทนาย ช่วยลากไปอยู่ในคุกด้วย พร้อมเตรียมยื่นประกันตัวเหล่าบอสสัปดาห์หน้า

23 ตุลาคม 2567 นายวิฑูรย์ เก่งงาน ทนายความของบอสพอล นายวรัตน์พล วรัทย์วรกุล ผู้ต้องหาในคดี บริษัท ดิไอคอนกรุ๊ป จำกัด เปิดเผย หลัง บอสพอลเซ็นเอกสาร มอบอำนาจดำเนินคดีตามออเดอร์ แต่ขณะเยี่ยมบอสพอลและ บอสปีเตอร์ (ทนาย 2 บอส เข้าเยี่ยม ) บอกกลับมาทางทนายว่า วันนี้ นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม เข้ามาที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ และ มีการฝากเอกสาร ให้เจ้าหน้าที่เรือนจำนำ ไปให้กับบอสแล็บเซ็น 

บอสแล็บ บอกว่า เป็นเอกสารเซ็นมอบอำนาจให้นายอัจฉริยะ เป็นตัวแทนของบอสแล็บ ในการต่อสู้คดี แถลงข่าวและแต่งตั้งตัวแทนช่วง แต่งตั้งทนาย แต่เมื่อบอสแล็บเห็น ก็ไม่ได้เซ็นเอกสารดังกล่าว เพราะมองแล้วรู้สึกว่า ไม่ได้มาดี ซึ่งตนเองได้เจอนายอัจฉริยะที่บริเวณจุดรับเรื่องของเรือนจำ มีการพูดคุยทั่วไปไม่ได้ถามถึงเรื่องคดี คุยกันเพียงชั่งครู่ก็แยกย้าย
นายวิฑูรย์ เก่งงาน ทนายความของบอสพอล นายวรัตน์พล วรัทย์วรกุล
 

ส่วนอีกเรื่องที่ บอสพอล แจ้งให้ตนทราบ เป็นเรื่องที่ร้อนใจ คือวันนี้มีพนักงานสอบสวนของสอบสวนกลาง เข้ามาสอบปากคำบอสแล็บในเรือนจำ มีการนำผังโครงข่ายแม่ทีมดิไอคอน มาให้บอสแล็บยืนยัน ซึ่งทางบอสแล็บ ยังไม่ได้ให้การอะไร เพราะไม่มีทนายความ

แต่ระหว่างการสอบปากคำนายอัจฉริยะ ได้เข้ามาอยู่ในห้องพนักงานสอบสวนด้วย ทั้งที่ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องทางคดีหรือผู้ต้องหาร้องขอ ทำให้ตนและทีมทนายความตั้งข้อสงสัย พนักงานสอบสวนเป็นลูกน้องหรือ ทำงานให้นายอัจฉริยะ หรือไม่ ทำไมถึงให้นายอัจฉริยะ เข้ามาในห้องสอบสวน และ มีอำนาจในการสั่งพนักงานสอบสวน ตนมองว่า พฤติกรรมแบบนี้ เป็นความพยายามเจาะหลังบ้านของทีมทนาย ซึ่งตอนนี้ตนรู้พฤติกรรมแล้ว และได้เตือนไปยังทีมทนายของผู้ต้องหาทุกคน ให้ระวังแล้ว

และ พฤติกรรมของนายอัจฉริยะทำให้ บอสพอล ไม่พอใจและโมโห จึงจะให้ตนไปแจ้งความดำเนินคดี ทั้งตัวนายอัจฉริยะ และ พนักงานสอบสวน โดยพนักงานสอบสวนจะแจ้งความใน ม.157 ส่วนตัวนายอัจฉริยะ อาจจะแจ้งในข้อหาสนับสนุนให้กระทำความผิด โดยจะไปแจ้งกับ "บิ๊กเต่า" ในสัปดาห์หน้า ซึ่งทนายวิฑูรย์ ยืนยันว่า มีกล้องวงจรปิดภายในเรือนจำ สามารถเก็บภาพทั้งหมดไว้ได้ 

ส่วนเมื่อถามว่า นายอัจฉริยะไม่ได้เกี่ยวข้องกับผู้ต้องหา แต่ทำไมถึงส่งเอกสารเข้าไปให้เซ็นได้ ทนายวิฑูรย์ ระบุว่า เอกสารสามารถฝากเจ้าหน้าที่เรือนจำเข้าไปได้ แต่ขึ้นอยู่กับตัวผู้ต้องหา จะเซ็นหรือไม่นั้นอีกเรื่อง
แม่ข่าย 2,000 คนเตรียมตัว \"บอสพอล\" สั่งทนายลากไปอยู่ในคุกด้วย
 

บอสพอล สั่งเช็กบิล เเม่ข่าย 2,000 คน ลั่นไม่ปล่อยมือใคร

ทนายวิฑูรย์ เปิดเผยด้วยว่า  ได้รับออเดอร์เพิ่มจากบอสพอล อีก 1 ออเดอร์ คือ ให้แจ้งความกับกลุ่มแม่ข่าย 2,000 คน ที่ตีเนียนเป็นผู้เสียหายในข้อหาฉ้อโกงประชนชน เนื่องจากมีขบวนการแจ้งความเท็จ สิ่งเหล่านี้เรียกว่า เป็นการแจ้งความแบบแพททิร์น มีการพยายามบอกว่า ดิไอคอนไปหลอกลวงให้ทางตัวแทน สั่งซื้อสินค้ากับทางดีลเลอร์ จนขายไม่ได้ แล้วแม่ข่ายสัญญาว่าจะช่วยขาย

ซึ่งยืนยันว่าไม่ได้เป็นแบบนั้น เพราะบริษัทเป็นบริษัทขายส่งสินค้า เราขายให้ตัวแทนแล้วตัวแทนต้องขายต่อ หากขายไม่ได้ก็รับความเสี่ยงกันไป แต่ปรากฏว่ามีการเข้าไปแจ้งความ เพื่อปิดประเด็นให้เข้าข่ายฉ้อโกง ด้วยการเกณฑ์ผู้เสียหายจำนวนมาก เข้าไปแจ้งความดำเนินคดี
 

นี่ไม่ใช่การโยนความผิดให้กับแม่ข่าย แต่เป็นข้อเท็จจริง สัปดาห์หน้าจะทำหนังสือถึงตำรวจสอบสวนกลางให้ ดำเนินคดีกับคนที่มาแจ้งความ และอ้างว่าเป็นผู้เสียหาย แต่เป็นผู้เสียผลประโยชน์ คาดว่ามีไม่ต่ำกว่า 2,000 คน จากที่แจ้งความทั้งหมด 8,000 กว่าคน แต่ความจริงแล้วเท่าที่เข้าข่ายคาดว่า ประมาณ 6,000 คน แต่เท่าที่ตรวจสอบและจะแจ้งความแบบชัวร์ๆ เลย คือ 2,000 คน 


ส่วนตัวก็มองว่า เป็นยอดที่เยอะเช่นเดียวกัน แต่ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นพวกที่ขายของไม่ได้ แล้วมาตีเนียนเป็นผู้เสียหายด้วย ซึ่งตนจะให้ตำรวจดำเนินคดีในข้อหาฉ้อโกงประชาชน เหมือนที่กลุ่มบอสพอลเจอ

ทนายความ ยังบอกว่า บอสพอล ฝากมาบอกกับนักข่าวว่า  “พอลจะไม่ปล่อยมือใคร” นักข่าวจึงถามย้ำว่าหมายความว่า จะไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลังใช่หรือไม่ ทนายตอบเสียงดังฟังชัดว่า “ใช่ครับ เพราะเราไม่ได้กระทำความผิด แต่โดนดำเนินคดี ส่วนคนที่ เป็นคนทำตัวจริงไปหลอกลวงให้เขาว่า ซื้อสินค้ามาเดี๋ยวช่วยขาย, ไม่ต้องขายนะ ให้ไปหาคนเพิ่ม กลุ่มคนเหล่านี้มีเยอะ เพราะฉะนั้น เราจะไม่ปล่อยมือใคร เราโดนดำเนินคดี พวกคุณก็ต้องเป็นผู้ต้องหาเหมือนกันกับเรา ตอนนี้มันต้องแฟร์กันแล้ว”
บอสพอล

ผู้สื่อข่าวให้ทนายวิฑูรย์ พูดถึงไทม์ไลน์การโทรศัพท์ของ ทนาย ต. ว่า มีการพูดคุยเรื่องเงินจำนวน 7 ล้าน ทนาย บอกว่า บอสพอล เล่าให้ฟังว่าช่วง วันที่  12-13 ต.ค. 67 เริ่มมีข่าวเรื่องบริษัท ดิไอคอน มีเบอร์สำนักทนายความ เป็นผู้บริหารโทรมาหาบอสพอลว่า มีผู้เสียหายจำนวนหนึ่งขอให้มาเคลียมา จำนวน 7 ล้าน ก่อนจะวางสายไป จากนั้นวันที่ 15 ต.ค. 67 บอสพอลได้โทรกลับไป แต่ก็ยังไม่ได้รายละเอียดอะไร เพราะถูกจับ ในวันที่ 16 ต.ค.67 เสียก่อน

ทนายความ ยังบอกว่า หลังจากเข้าเยี่ยมบอสพอล และ ได้คุยกันกับกลุ่มทนายความของ 15 บอส เว้นกลุ่มบอสดารา ที่ยังไม่ได้คุย ทุกคนบอกว่า จะยื่นประกันภายในสัปดาห์หน้า หากพ้นการฝากขังในผลัดแรก เพราะบอสพอล อยากออกมาชี้แจงกับประชาชน และกับทุกๆ รายการ ถึงโครงสร้างของบริษัทว่า มีรูปแบบเป็นเช่นใด ส่วนที่ก่อนหน้านี้ยังไม่ยื่นประกัน เนื่องจากเกรงว่า จะถูกคัดค้านหวั่นไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน ส่วนจะได้ประกันหรือไม่นั้น เป็นดุลยพินิจของศาล