svasdssvasds
เนชั่นทีวี

อาชญากรรม

ศาลอาญายกฟ้องคดีสต๊อกทิพย์ของ GGC 2 พันล้าน ทุกประเด็น

คดีสต๊อกทิพย์ 2 พันล้านของ GGC ศาลอาญายกฟ้องทุกประเด็น จับตาอดีตผู้บริหารและพนักงาน ที่ถูกขังลืมในคุก นานกว่า 2 ปี ฟ้องกลับ บอร์ด GGC

16 ตุลาคม 2567 มีรายงานข่าวว่า เมื่อวันที่ 10 ต.ค. ที่ผ่านมา ศาลอาญาได้มีคำพิพากษายกฟ้อง คดีหมายเลขดำที่ อ.2079/2565 คดีหมายเลขแดงที่ อ.3201/2567 สืบเนื่องจาก เหตุการณ์วัตถุดิบคงคลังของ บริษัท โกลบอลกรีนเคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ GGC กลุ่มบริษัทในเครือ ปตท. สูญหาย เหตุเกิดขึ้นในช่วงเดือน มิ.ย. 2561 ตามที่ GGC ได้รายงานต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และ GGC ได้มีการดำเนินการตามขั้นตอนภายใน มีการตั้งคณะกรรมการสอบสวนหาข้อเท็จจริง 

โดยได้ตัดสินให้ผู้บริหารและพนักงานที่เกี่ยวข้อง พ้นสภาพการเป็นพนักงาน และแจ้งความดำเนินคดีผู้บริหารพนักงาน และคู่ค้าที่เกี่ยวข้องทั้งหมด อีกทั้งสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ได้กล่าวโทษอดีตกรรมการผู้จัดการและผู้บริหาร GGC 2 ราย กรณีเป็นกรรมการหรือผู้บริหารในบริษัทย่อยของบริษัทจดทะเบียนและในบริษัทจดทะเบียน ไม่ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความรับผิดชอบ ความระมัดระวัง และความซื่อสัตย์สุจริต อันเป็นการทุจริตจนเป็นเหตุให้ GGC ได้รับความเสียหาย 

โดยได้กระทำผิดพร้อมพวกที่เป็นเอกชน กรณีร่วมกันดำเนินการให้บริษัทฯ ซื้อวัตถุดิบและจ่ายชำระเงินค่าซื้อเต็มจำนวนให้แก่ผู้ขาย โดยไม่ได้รับวัตถุดิบทั้งหมดหรือได้รับเพียงบางส่วน แต่กลับลงบันทึกในระบบบัญชีของบริษัทฯ ว่า ได้รับวัตถุดิบครบถ้วนแล้ว รวมทั้งกรณีส่งมอบวัตถุดิบไปกลั่น โดยไม่ได้มีการกลั่นจริง อันทำให้ GGC ได้รับความเสียหาย คิดเป็นมูลค่ารวม 2,157 ล้านบาท นั้น ต่อมาผู้บริหาร GGC 2 ราย เจ้าหน้าที่ 6 ราย และ เอกชนถูกฟ้องเป็นคดีอาญา โดยศาลอาญาได้มีคำพิพากษายกฟ้องทุกประเด็น ดังนี้ 
ศาลอาญายกฟ้องคดีสต๊อกทิพย์ของ GGC 2 พันล้าน ทุกประเด็น
 

ประเด็นแรก จำเลยร่วมกันฉ้อโกงตามฟ้องหรือไม่ ศาลอาญาวินิจฉัยว่า คดีฉ้อโกงเป็นคดีที่ยอมความได้ การที่โจทก์ร่วม (GGC) ได้สอบสวนและลงโทษทางวินัยของจำเลยที่ 1,2 , 4-7 และเรียกจำเลยที่ 8,9 ซึ่งลาออกไปแล้วมาสอบสวนในช่วงปี 61 ถึง กลางปี 62 แสดงว่าโจทก์ร่วมรู้ตัวผู้กระทำผิดตั้งแต่ช่วงเวลาดังกล่าวแล้ว แต่โจทก์ร่วม (GGC) โดยนายสุทธิสารฯ กลับแจ้งความร้องทุกข์ให้เอาผิดแก่จำเลย ที่ 1,3-9 ในปี 64 ซึ่งเป็นระยะเวลาเกินกว่า 3 เดือน หลังรู้ตัวผู้กระทำผิดเป็นอันหมดอายุความในการเอาผิดจำเลยฯ

ในส่วนของจำเลยที่ 2 ซึ่งโจทก์ร่วมไปร้องทุกข์ไว้ตั้งแต่แรกนั้น คำให้การของตัวแทนโจทก์ร่วม (นายสุทธิสาร และนางสาววัลภาฯ) ได้ให้การตรงกันว่า มีการซื้อขายผิดปกติกับจำเลยที่ 3 หลายรายการ โดยเป็นการทำสัญญา เปิดใบสั่งซื้อ และจ่ายเงินในวันในวันเดียวกัน ซึ่งจำเลยที่ 2 ให้การแก้คำฟ้องว่า เป็นการทำตามปกติของธุรกิจนี้ และบริษัทก็ไม่ได้ออกข้อกำหนดห้ามให้ทำไว้ ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า โจทก์ร่วม (GGC) ได้มีการซื้อขายแบบดังกล่าวมาก่อนที่จะเกิดเหตุหลายครั้ง ทั้งกับคู่ค้ารายอื่นๆ ที่ไม่ได้เกิดปัญหา ก็มีการทำแบบเดียวกัน ไม่ได้เป็นการจงใจ กระทำแต่อย่างใด เห็นควร ยกฟ้องจำเลย 2 ในข้อหาฉ้อโกง
ศาลอาญายกฟ้องคดีสต๊อกทิพย์ของ GGC 2 พันล้าน ทุกประเด็น
 

ประเด็นที่ 2 จำเลยที่ 1,2 กระทำผิดตามพรบหลักทรัพย์หรือไม่ และจำเลยที่ 3,4,5,6,7,8,9 กระทำผิดฐานสนับสนุนหรือไม่ ศาลได้วินิจฉัยว่า จำเลยที่ 1 เป็นผู้บริหารระดับสูงมีหน้าที่ดูแลบริหารองค์กรในภาพรวม และมีหน้าที่อนุมัติกรอบราคาตามที่จำเลย 2 ได้นำเสนอมา , จำเลย 2 เป็นผู้จัดการฝ่ายมีหน้าที่ดำเนินการจัดหาวัตถุดิบของบริษัทอย่างรอบคอบ จำเลยที่ 4-9 เป็นพนักงานมีหน้าที่ปฏิบัติตามคำสั่งของจำเลยที่ 1 และ 2 ในคดีนี้ เมื่อเกิดปัญหาขึ้นจำเลย 1 ได้สั่งการให้จำเลย 2 ไปติดตามทวงถามของที่ค้างจนเป็นผลให้ทางไทยศรีทอง ดำเนินการคืนของมาได้บางส่วน และมีการจัดทำแผนการส่งของที่เหลือมาคืนอย่างชัดเจน ถือว่าเป็นการพยายามแก้ไขปัญหาของจำเลย 1 และ 2 

ประกอบกับโจทก์มิได้นำสืบให้เห็นอย่างเป็นประจักษ์ว่าจำเลย 1 และจำเลย 2 ได้มีการรับผลประโยชน์จากบริษัทไทยศรีทอง ทั้งทางตรงและทางอ้อมให้ศาลได้เห็นแต่อย่างใด การซื้อขายดังกล่าวก็เป็นการกระทำมานานก่อนเกิดเหตุจนถือเป็นธรรมเนียมปฏิบัติของโจทก์ร่วม ฟ้องโจทก์ว่า จำเลยที่ 1 , 2 กระทำผิดตาม พ.ร.บ.หลักทรัพย์ จึงมีเหตุควรสงสัยยกประโยชน์แห่งเหตุอันควรสงสัยให้จำเลยที่ 1 และ 2 ว่าไม่มีความผิดตามฟ้อง

ส่วนจำเลยที่ 4-9 ซึ่งเป็นผู้สนับสนุนนั้น เมื่อจำเลยที่ 1 , 2 ไม่มีความผิดจึงไม่มีความผิดไปด้วย ส่วนจำเลย 3 นั้นเมื่อเกิดเหตุได้มีการพยายามแก้ไขโดยการส่งของคืนบางส่วน และมีการทำตารางที่จะทยอยส่งคืนอีกด้วย ถือว่าไม่มีเจตนาในการกระทำผิดจึงยกฟ้องจำเลยที่ 3

ประเด็นที่ 3 เรื่องให้จำเลยชดใช้ค่าเสียหาย เนื่องจากจำเลยทุกคนไม่มีความผิดประกอบกับโจทก์ร่วม (GGC) ได้ไปยื่นคำขอเฉลี่ยทรัพย์ของบริษัทไทยศรีทอง กับกรมบังคับคดี และบริษัทไทยศรีทอง อยู่ในระหว่างการล้มละลายแล้ว ขั้นตอนทางแพ่งจึงไม่เกี่ยวกับจำเลย ยกคำขอของโจทก์ที่ให้จำเลยชดใช้ค่าเสียหาย

รายงานระบุว่า คดีนี้เป็นเรื่องที่สำคัญ เป็น TALK OF THE TOWN ของกลุ่มบริษัทในเครือ ปตท. มีการทุจริต และ/หรือ มีการบริหารงานที่ผิดพลาด ของบอร์ด GGC ซึ่ง บอร์ด GGC รับรู้รับทราบการบริหารงานทั้งหมดในทุกขั้นตอน แต่เลือกที่จะร้องทุกข์กล่าวโทษ ผู้บริหารเพียง 2 ราย และพนักงานระดับล่าง อีก 6 ราย สุดท้ายแล้วศาลอาญาได้พิพากษายกฟ้องทุกข้อหา ทุกประเด็น ซึ่งจำเลยในคดีอาญาทั้งหมด 9 ราย ได้ถูกขังในระหว่างที่มีการพิจารณาคดี ร่วม 2 ปี โดยที่ไม่ได้รับการประกันตัว เนื่องจากคดีมีทุนทรัพย์สูงกว่า 2 พันล้านบาท 

เมื่อผลคดีกลับตาลปัตร ไม่เป็นดังที่ บอร์ด GGC ได้วางแผนเอาไว้  ผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมดที่ถูกขังลืมร่วม 2 ปี  อาจรวมตัวกันฟ้อง บริษัท GGC และ กรรมการบริษัท GGC ร่วมกันกระทำความผิดทั้งทางอาญาและทางแพ่ง โดยเฉพาะคดีอาญา ความผิดต่อเสรีภาพตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 309 , ความผิดในกระบวนการยุติธรรม แจ้งความเท็จ , ฟ้องเท็จ และ/หรือ เบิกความเท็จ ตามประมวลกฎหมายอาญา 172 , 175 และ 177  รวมทั้งดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่รัฐที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ที่มีการรีบเร่งสรุปสำนวนตามคำสั่งการของนาย ทราบข้อเท็จจริงเป็นอย่างดีแล้วว่า ไม่มีการกระทำความผิดทางอาญาเกิดขึ้น กลับส่งฟ้องโดยปราศจากพยานหลักฐาน  เข้าข่ายการกระทำความผิด ฐานเป็นเจ้าพนักงาน ปฏิบัติ  หรือ ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบด้วยกฎหมาย หรือ โดยทุจริต ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157