2 กรกฎาคม 2567 เมื่อเวลา 06.00 น. พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. สั่งการ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รอง ผบ.ตร. ,พล.ต.ท.อัคราเดช พิมลศรี พล.ต.ท.อิทธิพล อัจฉริยะประดิษฐ์ ผู้ช่วย ผบ.ตร. พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ระดมกำลังทุกหน่วยไม่ว่าจะเป็นตำรวจสอบสวนกลาง, กองบัญชาการตำรวจนครบาล, ตำรวจภูธรภาค1-9 เปิดยุทธการ "พิทักษ์ประชาราษฎร์ 767" กระจายกำลังเข้าตรวจค้น รวม 183 จุด ทั่วประเทศ เพื่อกวาดล้างผู้มีอิทธิพล มีอาวุธปืนผิดกฎหมาย แก๊งค์เงินกู้ดอกเบี้ยโหด
ก่อนที่ต่อมาเวลา 08.30 น. พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พร้อมด้วย พล.ต.ท.อัครเดช จะเดินทางมายังอาคารประชาอารักษ์ ที่ทำการกองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) เพื่อเข้าร่วมสั่งการผ่านห้อง ปฏิบัติการ Realtime Crime Center ซึ่งเป็นห้องควบคุมและมอนิเตอร์การปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจแบบเรียลไทม์
อย่างไรก็ตาม จากปฏิบัติการครั้งนี้ ล่าสุดมีรายงานแจ้งเข้ามาว่า เมื่อเช้ามืดที่ผ่านมา พ.ต.อ.พงศ์ปณต ชูแก้ว ผกก.6 บก.ป. พร้อมกำลังชุดปฏิบัติการพิเศษ กก.6 บก.ป. และ กก.7 บก.รน. นำหมายค้นศาลจังหวัดสงขลา เข้าตรวจค้นบ้านหลังหนึ่ง ต.ปากรอ อ.สิงหนคร จ.สงขลา เพื่อตามจับกุมนายอภินันท์ ผู้ต้องหารายหนึ่งที่อยู่ในลิสต์เป้าหมายสำคัญที่ทางการตำรวจแห่งชาติต้องการตัว แต่ขณะเจ้าหน้าที่เข้าตรวจค้น เจ้าตัวเกิดไหวตัวทัน ชิงหลบหนีไปได้ก่อน คงเหลือเพียง นายเพิ่มศิล ผู้เป็นพ่อ
จากการสอบถามนายเพิ่มศิล ให้การรับว่าอาวุธปืนของกลางที่ตรวจยึดได้นั้นเป็นของตนเองจริง เจ้าหน้าที่จึงตรวจยึดไว้เป็นหลักฐาน พร้อมคุมตัวไปดำเนินคดีตามขั้นตอนกฎหมาย
ทั้งนี้แนวทางสืบสวนทราบว่า นายเพิ่มศิล นั้น มีศักดิ์เป็นน้องของ นายเนติราษฎร์ หรือ "ศักดิ์ ปากรอ" อดีตมือฆ่ายกครัวหัวหน้าสถานีอนามัยระโนด 5 ศพ คดีดังในอดีต อีกด้วย
ต่อมาเวลา 11.00 น. ภายหลัง พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รอง ผบ.ตร. เสร็จสิ้นการเข้าร่วมสังเกตการณ์ ยุทธการ "พิทักษ์ประชาราษฎร์ 767" ผ่านห้องปฏิบัติการ Realtime Crime Center เพื่อควบคุมการปฏิบัติหน้าที่เข้าตรวจค้นเป้าหมายในแต่ละจุดแล้วนั้น
พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ ได้เปิดเผยถึงภาพรวมปฏิบัติการครั้งนี้ว่า สืบเนื่องจากนายกรัฐมนตรี ได้มอบนโยบายให้เร่งปราบปรามกลุ่มผู้มีอิทธิพล ฮั้วประมูล มือปืนรับจ้าง เครือข่ายยาเสพติด แก๊งเงินกู้นอกระบบ ค้าอาวุธปืนออนไลน์ จนนำมาซึ่งปฏิบัติการครั้งนี้ที่เป็นการร่วมมือกันของตำรวจทุกหน่วยงานในการค้นหาเป้าหมาย ได้เกือบ 200 จุด ซึ่งภาพรวมในการตรวจค้นจับกุมตั้งแต่ช่วงเช้าที่ผ่านมาจนถึงขณะนี้เป็นที่น่าพอใจ
"ก่อนหน้านี้เคยเปิดปฏิบัติการไปแล้ว 1 ครั้ง เมื่อช่วงระหว่างวันที่ 25 -30 มิ.ย. เป็นการทลายเครือข่ายยาเสพติด ส่วนเป้าหมายครั้งนี้อย่างที่บอก เราเน้นหนักไปที่กลุ่มผู้มีอิทธิพล ฮั้วประมูล มือปืนรับจ้าง แก๊งเงินกู้ เครือข่ายยาเสพติด ค้าอาวุธปืนออนไลน์ ยกตัวอย่าง เครือข่ายกำนันนก รวมไปกลุ่มอื่นๆที่เรียกว่าบ้านใหญ่อีกหลายเครือข่าย ยืนยันว่าทุกกลุ่มเราไม่มีปล่อยวาง เราติดตามตลอด" รอง ผบ.ตร. ระบุ
พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ กล่าวอีกว่า สำหรับยุทธการครั้งนี้จากจำนวน 183 เป้าหมาย ขณะนี้เข้าตรวจค้นไปแล้ว 127 เป้าหมาย ยังมีอีกหลายจุดที่ยังไม่เสร็จสิ้น แต่โดยรวมถือว่าเป็นที่น่าพอใจ สามารถจับกุมผู้กระทำผิดและของกลางได้เป็นจำนวนมาก อาทิ ยาบ้ากว่า 7 แสนเม็ด อาวุธปืนกว่า 700 กระบอก ซึ่งหลังจากนี้ไปได้กำชับไปแล้วว่าจะต้องเร่งขยายผลต่อเนื่อง
ส่วนบางเป้าหมายที่หลบหนีไปได้ ยืนยันว่าข่าวไม่ได้หลุดรั่ว แต่อาจเป็นเพราะช่วงจังหวะที่เป้าหมายไม่อยู่ อย่างไรก็ตามไม่ต้องเป็นกังวล ได้สั่งกำชับให้เร่งติดตามต่อเนื่องแล้ว
ต่อข้อสักถาม ถึงกรณีกลุ่มเป้าหมายที่ตรวจค้นเป็นเครือข่ายบ้านใหญ่ต่างๆนั้น พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ ยืนยันว่า ไม่เป็นกังวล เพราะทำตามหน้าที่ ต้องการให้ประชาชนเชื่อมั่นในสิ่งที่เราทำ อยากให้เห็นว่ายุทธการครั้งนี้เป็นการทำงานร่วมกันระหว่างทีมสืบสวนและทีมปราบปรามของทุกหน่วยที่จับมือกัน และถือเป็นครั้งแรกที่มีการรวมตัวกันของคณะผู้บัญชาระดับสูงทุกหน่วยเป็นจำนวนมาก
"กลุ่มผู้มีอิทธิพลพวกนี้ มักสร้างความเดือดร้อน ก่อกวนถือเป็นภัยคุกคามชีวิตประชาชน ดังนั้นเราจึงไม่หวั่นวิตก ที่จะปฏิบัติหน้าที่ โดยในวันพรุ่งนี้เวลาประมาณ 10.00 น. จะมีการแถลงสรุปผลยุทธการอย่างเป็นทางการอีกครั้ง ที่ กองบังคับการปราบปราม" รอง ผบ.ตร. กล่าวทิ้งท้าย
ขอบคุณภาพบางส่วนจาก : กอบภัค พรหมเรขา ช่างภาพ NationPhoto