svasdssvasds
เนชั่นทีวี

สุขภาพ

กินกาแฟแล้วปวดหัว ไม่กินกาแฟแล้วปวดหัว คุณเป็นแบบไหน?

05 มกราคม 2567
เกาะติดข่าวสาร >> NationTV
logoline

คุณ “ดื่มกาแฟ” แล้วหายปวดหัว! หรือปวดหัวมากขึ้น!! แปลกแต่จริงที่บางคนกินกาแฟทีไรไมเกรนกำเริบทุกที ขณะที่บางคนปวดหัวแล้วกินกาแฟกลับช่วยเยียวยาไมเกรน ทำให้อาการปวดหัวทุเลาลง ที่เป็นแบบนั้นเพราะอะไร? แล้วถ้าไม่ดื่มกาแฟควรดื่มอะไรทดแทน

การ “ดื่มกาแฟ” เป็นเรื่องปกติสำหรับคนวัยทำงาน จนกลายเป็นหนึ่งในไลฟ์สไตล์ที่พบเห็นได้ในปัจจุบัน ซึ่งอรรถรสของการดื่มกาแฟของแต่ละคนก็แตกต่างกันไป บ้างชื่นชอบในรสชาติที่เข้มข้น บางคนหลงใหลในกลิ่นหอมละมุน ในขณะที่บางส่วนชอบความกลมกล่อมเมื่อมีนมเป็นส่วนประกอบ หรืออาจแค่เคลิบเคลิ้มไปกับบรรยากาศของคาเฟ่ที่ทำให้เครื่องดื่มแก้วนั้นพิเศษขึ้น สำหรับหลายคนก็ดื่มกาแฟเพื่อให้ตื่นตัว กระปรี้กระเปร่า หรือเราอาจดื่มกาแฟเพราะช่วยแก้อาการปวดหัว แต่กลับมีบางคนที่ดื่มกาแฟทีไรไมเกรนกำเริบทุกที ซึ่งทั้งหมดเป็นไปได้ทั้งสิ้น

กินกาแฟแล้วปวดหัว ไม่กินกาแฟแล้วปวดหัว คุณเป็นแบบไหน?

“ติดกาแฟ” หรือ “ติดสารคาเฟอีน” กันแน่

ในความคิดของคนส่วนใหญ่ “กาแฟ” เป็นเครื่องดื่มที่ดื่มแล้วทำให้ร่างกายรู้สึกตื่นตัว กระปรี้กระเปร่า จนเมื่อดื่มเป็นประจำจะทำให้เกิดภาวะ “ติดกาแฟ” เมื่ออยากจะเลิกกาแฟกลับพบปัญหาว่าไม่สามารถเลิกได้ เนื่องจากจะมี “อาการปวดหัว” จาก “ภาวะถอนคาเฟอีน” (Caffeine withdrawal)  ซึ่งจะมีความรุนแรงแตกต่างกันในแต่ละคน ทั้งปวดบีบๆ ปวดตุ้บๆ รวมทั้งมีอาการอ่อนเพลีย ไม่มีแรง ไม่ตื่นตัว ง่วงซึม มึนงง สมองไม่ปลอดโปร่ง มีอาการซึมเศร้า หดหู่ ไม่มีสมาธิ รวมทั้งมีอาการหงุดหงิด และคลื่นไส้อาเจียน ทั้งนี้ เพราะ “คาเฟอีน” เป็นสารเคมีหลักในกาแฟที่มีฤทธิ์กระตุ้นระบบประสาทส่วนกลาง ทำให้สมองแจ่มใส กระชุ่มกระชวย รู้สึกกระฉับกระเฉง ไม่ง่วงเหงาหาวนอน  และยังมีฤทธิ์เสพติดด้วย

รู้และเข้าใจ อะไรคือ “คาเฟอีน”

สารแซนทีนอัลคาลอยด์ สามารถพบได้ในอาหารหลายชนิด ได้แก่ เมล็ดกาแฟ ชา โกโก้ น้ำอัดลม รวมถึงยาแก้ปวดบางชนิดก็มีคาเฟอีนผสมอยู่ด้วย โดยคาเฟอีนเป็นสารที่ซึมเข้าสู่ร่างกายได้อย่างรวดเร็ว ส่งผลต่อระบบประสาทส่วนกลาง และจะไปทำปฏิกิริยากับสารความง่วงในร่างกายให้ทำงานได้น้อยลง (สารอะดีโนซีน) ส่งผลให้เกิดการตื่นตัว โดยปกติแล้วกระบวนการเหล่านี้จะใช้เวลาประมาณ 40-45 นาทีหลังดื่มเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน นั่นจึงเป็นคำตอบว่าทำไมหลังจากดื่มกาแฟ ชา น้ำอัดลม หรือเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของสารคาเฟอีนแล้วร่างกายรู้สึกสดชื่น ตื่นตัว สมองโล่ง และสามารถทำงานทั่วๆ ไปได้ดีขึ้น แต่ในทางกลับกันก็มีบางคนที่ดื่มกาแฟแล้วปวดหัว นั่นเป็นเพราะสมองของเรามีความไวต่อตัวจับสารกาเฟอีนไม่เหมือนกัน บางคนจับแล้วเส้นเลือดขยาย ในขณะที่บางคนเส้นเลือดหดตัว สำหรับคนเป็นไมเกรน ถามว่าดื่มกาแฟได้ไหม ตอบว่าได้ แต่ไม่ควรเกิน 3 วันต่อสัปดาห์

กินกาแฟแล้วปวดหัว ไม่กินกาแฟแล้วปวดหัว คุณเป็นแบบไหน?

ไม่ได้ดื่มกาแฟแล้วปวดหัว ไม่ใช่คิดไปเอง!

หากคุณเป็นคนที่ดื่มกาแฟทุกวัน แล้วหักดิบไม่ดื่มกาแฟเลย อาจมีภาวะถอนคาเฟอีน หรือ Caffeine withdrawal ซึ่งความรุนแรงของอาการดังกล่าวก็จะแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคลด้วย หากใครที่ไวต่อฤทธิ์ของคาเฟอีนมากก็อาจมีอาการมาก ใครที่ร่างกายไม่ค่อยตอบสนองต่อฤทธิ์คาเฟอีนเท่าไรก็อาจมีอาการเบาๆ นอกจากนี้ ความรุนแรงของอาการยังขึ้นอยู่กับปริมาณการดื่มประจำวันด้วย หากปกติเป็นคนดื่มกาแฟเยอะ ดื่มกาแฟหลายแก้วต่อวัน ชอบดื่มกาแฟเข้มๆ ก็อาจมีอาการลงแดงมากกว่าคนที่ดื่มกาแฟรสชาติอ่อนกว่า และดื่มในปริมาณน้อยกว่า

เทคนิค “เลิกกินกาแฟ” แบบไม่ปวดหัว

ปกติแล้วอาการปวดหัวจะเกิดขึ้นภายใน 12-24 ชั่วโมง หลังหยุดดื่มกาแฟ โดยอาการจะรุนแรงใน 1-2 วันแรก และอาจปวดหัวต่อเนื่องไปอีก 2-7 วัน ซึ่งวิธีแก้ปวดหัวจากการหยุดดื่มกาแฟสามารถทำได้ ดังนี้

  • อย่าเลิกกาแฟกะทันหัน แต่ให้ค่อยๆ ลดปริมาณการดื่มกาแฟ ลดความเข้มข้น ภายในระยะเวลา 7-14 วัน
  • จำกัดปริมาณการดื่มต่อวัน โดยอาจจะใช้แก้วขนาดเล็กลง และดื่มกาแฟไม่เกิน 2 แก้วต่อวัน
  • รับคาเฟอีนทดแทนจากอาหารและเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนน้อยกว่ากาแฟ เช่น โกโก้ ชา ชาเขียว ช็อกโกแลต หรือเครื่องดื่มเกลือแร่ เป็นต้น
  • ดื่มน้ำเปล่าเยอะๆ เพื่อช่วยขับคาเฟอีนออกจากร่างกาย
  • หาวิธีแก้ง่วงอื่นๆ เช่น ยืดเส้นยืดสาย ออกไปสูดอากาศ หรือกินผลไม้เพิ่มความสดชื่น
  • ออกกำลังกายเพื่อลดอาการอ่อนเพลียระหว่างที่หยุดดื่มกาแฟ
  • หลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์ และลดสูบบุหรี่
  • ห้ามงดอาหารเช้าเพื่อให้ร่างกายได้รับสารอาหารครบถ้วน
  • นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ อย่างน้อย 7-8 ชั่วโมงต่อวัน

กินกาแฟแล้วปวดหัว ไม่กินกาแฟแล้วปวดหัว คุณเป็นแบบไหน?

แนะนำเครื่องดื่มที่ช่วยทดแทนการดื่มกาแฟ

  • Decaf Coffee  (กาแฟดีแคฟ)

Decaf Coffee (Decaffeinated Coffee) ที่มีส่วนช่วยถอนพิษคาเฟอีนเนื่องจากเป็นกระบวนการผลิตกาแฟแบบสกัดเอาคาเฟอีนออกจากเมล็ดกาแฟ ทำให้ปริมาณลดลงจนเหลืออยู่เพียงเล็กน้อยเท่านั้น คือประมาณ 1- 3% ขณะที่รสชาติและความเข้มของสี ก็จะมีการเปลี่ยนไปเล็กน้อย แต่ไม่ถึงขั้นทำลายความเชื่อมั่นที่มีต่อกาแฟของเหล่าสาวก

 

  • ชาเขียว  

นับเป็นเครื่อมดื่มที่ดีและมีประโยชน์แต่คาเฟอีนน้อยกว่ากาแฟ และหากคุณอยากจิบเครื่องดื่มอุ่นๆ เป็นอย่างแรกในตอนเช้า ต้องลองชาเขียว  เพราะอุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระสูงซึ่งอาจช่วยลดการอักเสบ คุณสามารถเติมนมสร้างลาเต้สีเขียวสดใส ซึ่งจะทำให้คุณรู้สึกตื่นตัวโดยไม่รู้สึกกระวนกระวายใจเหมือนที่คุณเจอจากกาแฟ อีกทั้งชาเขียวยังมีกรดอะมิโนที่เรียกว่าแอล-ธีอะนีนซึ่งช่วยให้รู้สึกกระปรี้กระเปร่าและไม่มีการหยุดทำงาน

  • ชาดำ

สามารถให้คาเฟอีนครึ่งนึงของกาแฟและมีประโยชน์ต่อสุขภาพ ผู้ที่ดื่มชาดำ 3 ถ้วยขึ้นไปทุกวันมีความเสี่ยงต่อโรคหัวใจและหลอดเลือดลดลง และยังมีบางงานวิจัยแนะนำว่าชาอาจช่วยป้องกันมะเร็งบางชนิดได้

  • โกโก้ร้อน

เครื่องดื่มคาเฟอีนต่ำที่อุดมไปด้วย theobromine ซึ่งเป็นสารกระตุ้นระบบประสาทส่วนกลางอ่อนๆ และแนะนำว่าควรใส่น้ำตาลให้น้อยลงหรือไม่ใส่เลย เพราะตัวของโกโก้เองปราศจากน้ำตาลและไขมันใดๆ และแทบไม่มีแคลอรีเลย และเพื่อความอร่อยเพิ่มขึ้นลองเทนมไขมันต่ำลงในแก้วโปรดรับรองว่าชื่นใจไม่ต่างจากกาแฟแน่นอน

  • น้ำผักและผลไม้สดและสมูทตี้

น้ำผักผลไม้หรือสมูทตี้เป็นวิธีที่ดีในการได้รับวิตามินและแร่ธาตุในปริมาณที่เพียงพอในหนึ่งหน่วยบริโภค ผลไม้สด เช่น เบอร์รี่ กล้วยและส้ม และผักใบเขียว เช่น คะน้าและผักโขม เต็มไปด้วยวิตามินที่ช่วยให้ร่างกายเปลี่ยนเป็นพลังงาน อีกทั้ง ผลไม้ยังมีน้ำตาลกลูโคส ซึ่งเป็นแหล่งวิตามินที่สมองต้องการ

  • น้ำส้มสายชูแอปเปิ้ลไซเดอร์

น้ำส้มสายชูแอปเปิ้ลไซเดอร์ (ACV) ทำขึ้นโดยการหมักน้ำตาลจากแอปเปิ้ล ซึ่งสร้างสารประกอบที่เรียกว่ากรดอะซิติก ตามการทบทวนในปี 2014 กรดอะซิติกได้รับเครดิตว่าให้ประโยชน์มากมาย ซึ่งมันทำงานเพื่อให้คุณมีพลังงานมากขึ้นตลอดทั้งวันโดยช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด รักษาพลังงาน  และป้องกันความเหนื่อยล้า ซึ่งแนะนำว่าอย่าดื่มตรงๆ ให้เจือจางปริมาณเล็กน้อย (ไม่เกิน 1 ถึง 2 ช้อนโต๊ะ) ลงในน้ำอุ่น

  • น้ำมะนาว

แม้ว่าน้ำมะนาวจะไม่ทำให้รู้สึกกระปรี้กระเปร่าเท่าคาเฟอีน แต่มีความเปรี้ยวและรสชาติที่สดชื่นมากกว่า ซึ่งช่วยให้เราได้รับน้ำหลังจากนอนหลับมายาวนาน นอกจากนี้ มะนาวยังเป็นแหล่งที่ดีของวิตามินซีช่วยต้านอนุมูลอิสระอีกด้วย

  • ชาหมักคอมบูชา

เครื่องดื่มชาหมักยอดนิยมที่มีรสเปรี้ยวช่วยให้มีพลังงานเพิ่มขึ้นในช่วงบ่ายได้ อีกทั้งยังมีวิตามินบีซึ่งมีความสำคัญต่อการช่วยให้ร่างกายปลดปล่อยพลังงาน นอกจากนี้ยังเป็นแหล่งที่อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระและโปรไบโอติก ซึ่งเป็นแบคทีเรียที่ส่งเสริมสุขภาพที่ต้องการสำหรับลำไส้ที่สมดุล สามารถช่วยในการย่อยอาหาร แนะนำให้เลือกที่มีน้ำตาลน้อยกว่า 5 กรัมต่อหนึ่งหน่วยบริโภค หรือลองทำด้วยตัวเอง 

 

logoline