svasdssvasds
เนชั่นทีวี

การเมือง

"สว.สรชาติ" เย้ย กคพ. รับ "คดีฮั้วเลือกสว." แค่ฟอกเงิน แก้เสียหน้า

"สว.สรชาติ" เย้ย กคพ. รับ "คดีฮั้วเลือกสว." แค่ฟอกเงิน แก้เสียหน้า
07 มีนาคม 2568
เกาะติดข่าวสาร >> NationTV
logoline

สว.สรชาติ" ท้าหาหลักฐานฟอกเงินให้ได้ 300 ล้าน ขู่ฟ้องกลับ - ซัด "สว.สำรอง" ฮั้วแพ้แล้วพาล - ป้อง "บิ๊กเกรียง" รู้จัก "อนุทิน" มานานกินข้าว-พบกันไม่แปลก

7 มีนาคม 2568  นายสรชาติ วิชย สุวรรณพรหม สมาชิกวุฒิสภา กล่าวถึงกรณีคณะกรรมการคดีพิเศษ หรือ คณะกรรมการ กคพ. รับคดีฮั้วเลือก สว. ในฐานความผิดฟอกเงินว่า สว.จึงปล่อยไปตามเกม และเชื่อว่า กคพ.ไม่อยากเสียหน้าจึงรับฐายฟอกเงินก่อน  พร้อมยืนยันว่า ในคดีนี้ สว.ยังไม่ได้รับการประสานมาทั้งรายกลุ่ม หรือรายคน และเมื่อคณะกรรมการ กคพ.รับความผิดฐานฟอกเงินแล้ว จะต้องดูด้วยว่าถึง 300 ล้านบาทหรือไม่ ถ้าไม่ถึงก็ไม่เข้าข่าย และมีสิทธิ์โดนฟ้องกลับได้ หากไปสันนิษฐานเออ-ออเอาเอง เพราะเรื่องรวมกลุ่มกันฮั้วนั้น เกินกฎหมายกำหนดอยู่แล้ว จึงคิดว่า เป็นทางออกให้กับกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ DSI เพื่อไม่เสียหน้ามากกว่า เพราะการจะรับเป็นคดีต้องใช้มติ 2 ใน 3 อย่างไรก็ไม่ครบในบอร์ด

 

ส่วน สว.จะทำอะไรต่อหรือไม่นั้น นายสรชาติ ยืนยันว่า ไม่ทำอะไร และตอนนี้ สว.ยังไม่ได้นัดประชุมกัน เพราะมองว่า DSI ต้องมีการหาหลักฐานก่อน สว.ก็มองดูอยู่ว่าจะไปหาจากไหน เพราะเท่าที่ดูไม่น่าจะเป็นไปได้ และสว.ต่างจังหวัด เวลาเลือกก็ไม่เจอกัน จึงปล่อยให้เป็นอำนาจหน้าที่ให้ DSI ทำเต็มที่ สามารถค้นหาหลักฐานว่า ได้มาจากไหนที่คิดว่าเป็นการฟอกเงิน 300 ล้านบาท จะต้องไปหาที่มาของเงินก่อน และจะกลายเป็นลักษณะคล้ายคดีมินนี่ หรือคดีก่อนหน้า ที่เกี่ยวกับการฟอกเงิน และจะกลายเป็นว่า ทำไม DSI ไม่ไปเอาคดีใหญ่ที่เกี่ยวกับการหลอกลวงประชาชนซึ่งเป็นพันล้าน หมื่นล้าน แต่คดี สว.ไม่น่าจะถึง 300 ล้านบาทอยู่แล้ว จึงจะเกิดการเปรียบเทียบกัน และ DSI จะหาหลักฐานมากกว่า กกต.ไม่ได้ เพราะความชอบธรรมอยู่ที่ กกต. แต่ถ้า DSI ทำจะเรียกว่า หลักฐานที่ไม่ชอบธรรม ยังไม่มีมติให้ทำ แต่ DSI ไปทำมาก่อน จึงกลายเป็นการหามาได้โดยไม่ชอบธรรม และโดนตีตก

นายสรชาติ วิชย สุวรรณพรหม สมาชิกวุฒิสภา นายสรชาติ วิชย สุวรรณพรหม สมาชิกวุฒิสภา

นายสรชาติ ยังย้อนถามกลับกลุ่ม สว.สำรองว่า ฮั้วไม่ได้แล้วแพ้ สู้ไม่ได้แล้วจึงมาร้องใช่หรือไม่ และย้ำำว่า สว. ไม่มีใครกังวล แต่กังวลมากกว่าหาก กกต.มอบอำนาจให้ DSI เป็นคนทำทั้งหมด แบบนี้จะอันตราย เพราะ กกต.ทำไปเยอะแล้ว และมีอำนาจในการขยายเวลาด้วย สว.ตอนนี้จึงตั้งหลักและทำงานไปเรื่อย ๆ ทำงานให้คุ้มประโยชน์ที่สุด

ส่วนที่พลเอกเกรียงไกร ศรีรักษ์ รองประธานวุฒิสภาคน ไปกระทรวงมหาดไทย จะถูกโยงหรือไม่นั้น นายสรชาติ กล่าวว่า พลเอกเกรียงไกรเคยอยู่เคยไปมาก่อนอยู่แล้ว แต่ถ้าพลเอกเกรียงไกร และนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ยังไม่รู้จักกันมาก่อน ก็จะเป็นภาพที่น่ากลัว เพราะฝ่ายนิติบัญญัติ ทำไมต้องไปอยู่กับฝ่ายบริหาร แต่เพราะเคยอยู่ด้วยกันมาก่อน จึงไม่น่าแปลกใจ ซึ่งปกติก็ไปกินข้าวกันมาก่อนอยู่แล้ว เป็นประธานคณะทำงานมาก่อน ก่อนที่จะมาเป็น สว. แต่ถ้าไม่เคยรู้จักกัน และไปพบกันจะเป็นภาพที่ไม่สวย

 

logoline