svasdssvasds
เนชั่นทีวี

การเมือง

“อังคณา” เชื่อมีดีลทำคดีอั้งยี่ฮั้ว สว.เหลือแค่ฟอกเงิน

07 มีนาคม 2568
เกาะติดข่าวสาร >> NationTV
logoline

“อังคณา” เชื่อมีดีลทำคดีอั้งยี่ฮั้ว สว.เหลือแค่ฟอกเงิน – หวั่นไม่ทันวาระ สว.ชุดนี้ พร้อมเตือน DSI อย่าตกเป็นเครื่องมือการเมืองระวังซ้ำรอยคุกอดีตอธิบดี

นางอังคณา นีละไพจิตร สมาชิกวุฒิสภา กล่าวถึงกรณีที่คณะกรรมการคดีพิเศษ หรือคณะกรรมการ กคพ.มีมติรับคดีฮั้วเลือก สว.เป็นคดีพิเศษฐานความผิดฟอกเงินว่า ไม่รู้สึกแปลกใจ แต่ที่แปลกใจคือเหตุใด คณะกรรมการ กคพ.มาประชุมไม่ครบ ทั้งที่เป็นเรื่องใหญ่ และเป็นเรื่องที่สังคม หรือคนทั้งประเทศให้ความสำคัญและติดตาม แต่กรรมการที่เป็นตำรวจไม่ได้มาประชุม จึงทำให้เสียงหายไป และมีผลต่อการรับเป็นคดีพิเศษ และรับเฉพาะฐานความผิดฟอกเงิน และเท่าที่ทราบก็น่าจะมีการคุยกันมาแล้วระดับหนึ่ง ดังนั้น เมื่อเรื่องมาถึงขั้นนี้ก็ขอให้ทำต่อให้จริง

ส่วนที่มีการคุยกันในระดับหนึ่งหมายถึงใครคุยกับใครนั้น นางอังคณา เห็นว่า นายเนวิน ชิดชอบ  และนายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ไปพบและพูดคุยกับนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งเรื่องนี้มีการพูดกันเยอะ และส่วนตัวไม่เชื่อว่า จะคุยกันแค่เรื่องกฎหมายเอ็นเตอร์เทนเม้นท์คอมเพล็กซ์ และคิดว่าน่าจะมีการพูดคุยเรื่องนี้ด้วย เพราะถือว่าก็เป็นเรื่องสำคัญ

 

ส่วนกรณีที่ สว.อาจจะมีการตอบโต้จะยื่นขอเปิดอภิปรายทั่วไปตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 153 จะร่วมด้วยหรือไม่ นางอังคณา เปิดเผยว่า ในที่ประชุมวิปวุฒิสภาก็มีข้อเสนอ ทั้งการไปแจ้งความ การฟ้องร้องดำเนินคดีกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม การยื่นเรื่องให้ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช.ตรวจสอบ แต่ส่วนตัวยืนยันมาตลอดตั้งแต่ในชั้นวิปว่า ไม่เห็นด้วย เนื่องจากว่าการตอบโต้ในลักษณะนี้มันเหมือนกับเป็นการปิดปาก ซึ่งตนคัดค้านการฟ้องเพื่อที่จะปิดปาก หรือฟ้องเพื่อที่จะปิดกั้นการมีส่วนร่วมสาธารณะ จึงคงไม่ร่วมด้วยแน่นอน แต่ก็เคารพความคิดเห็นของ สว.ส่วนใหญ่ ที่มีสิทธิทำได้ และอยากให้ทุกฝ่ายทำงานเต็มที่ทั้งคณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต.และกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ DSI ซึ่งตนในฐานะที่เป็น1 ใน 199 สว.ก็พร้อมถูกตรวจสอบด้วย

ส่วน กกต.เหลือเวลาในการทำคดีอีกไม่กี่เดือน จะทำทันหรือไม่นั้น นางอังคณา เห็นว่า ตอนที่ กกต.ออกหมายเรียกตนให้ไปให้ข้อมูลเรื่องประสบการณ์การทำงาน 10 ปีจริงหรือไม่ ก็ยังต้องใช้เวลาถึง 7 เดือนกว่าจะเรียกไป ทั้งที่เป็นเรื่องเล็กเล็ก ซึ่งเข้าไปเช็กในกูเกิล หรือวิกิพีเดีย ก็เจอแล้ว แต่กรณีเรื่องที่มีความซับซ้อนมากกว่านี้ ต้องตรวจสอบ ต้องใช้เวลามากกว่านี้ จะดำเนินการอย่างไร ซึ่งได้รับทราบข้อมูลจากเจ้าหน้าที่ว่า คงขอขยายเวลา จึงไม่ทราบว่า จะขอเวลาได้อีกแค่ไหน เพราะจะต้องไม่ลืมว่า นับตั้งแต่วันแรกที่มีการประกาศผลการเลือกตั้งอย่างไม่เป็นทางการก็มีเสียง วิพากษ์วิจารณ์มาโดยตลอด เพราะฉะนั้น กกต.ต้องเร่งดำเนินการไม่ควรปล่อยให้ล่าช้า หรือความคลุมเครือไปเรื่อย ซึ่งในกระบวนการยุติธรรมต้องใช้เวลา หากขยายเวลาไปอีก 3 เดือนกว่าจะมีการแจ้งข้อหากล่าวโทษ ส่งฟ้อง สืบพยาน อาจจะหมดวาระ สว.ชุดนี้ไปแล้ว

 

ส่วนที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมระบุหากพบการกระทำความผิดฐานอั้งยี่ เชื่อมโยงกับฐานฟอกเงิน ก็สามารถทำเป็นคดีพิเศษได้เลยนั้น นางสาวอังคณา กังวลว่า อย่าให้เป็นเกมการต่อรอง เพราะถ้าสืบจากเรื่องของการฟอกเงินแล้ว และพบว่า เป็นกระบวนการอั้งยี่ และซ่องโจร และใช้ข้อเท็จจริงมาเป็นเครื่องต่อรอง ก็ห่วงว่า สังคม จะไม่ได้ประโยชน์ แต่ถ้ามีข้อมูลจริงโดยตรวจสอบกฎหมายฟอกเงินแล้วพบว่า มีการตั้งกลุ่มบุคคลมากระทำผิด และดำเนินคดีต่อฐานอั้งยี่ ก็เชื่อว่า จะทำให้สังคมเกิดความชัดเจนและที่สำคัญจะเป็นการพิสูจน์การทำงานของ DSI ด้วยว่า ทำงานภายใต้แรงกดดันทางการเมืองหรือไม่ เพราะที่ผ่านมา DSI ถูกรัฐบาลบางชุดใช้เป็นเครื่องมือทางการเมือง จนอดีตอธิบดี DSI เคยถูกติดคุกมาแล้ว ดังนั้น ต้องให้ความสำคัญ และ บทบาท สว.ที่สำคัญที่สุด คือการเห็นชอบและพิจารณากรรมการองค์กรอิสระ โดยเฉพาะปีนี้ จะมีกรรมการ กกต.ครบวาระหลายคน ดังนั้น หากเป็นจริงตามข้อกล่าวหา จะเป็นการทำลายรากฐานของระบอบประชาธิปไตย และทำลายความโปร่งใส และกลไกการตรวจสอบทั้งหมดเลย ดังนั้น หากข้อกล่าวหาที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมพูดมามีมูลน่าเชื่อถือ และเป็นจริง ก็ขอให้มีการดำเนินการอย่างตรงไปตรงมา และ DSI ต้องพิสูจน์ว่า ต้องไม่เป็นเครื่องมือทางการเมือง

 

ส่วนหากเป็นเช่นนี้ สว.จะต้องตั้ง กกต.ชุดใหม่มาตรวจสอบตัวเองหรือไม่นั้น นางอังคณา ระบุว่า ใช่ และจะมีผลในการเลือกตั้งครั้งต่อไปด้วย รวมทั้งการตั้งกรรมการองค์กรอิสระอื่น ๆ ทั้ง ป.ป.ช., ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ และจะทำให้ สว.ตกเป็นเป้าคำถามจากสังคม ซึ่งเป็นเรื่องที่สำคัญมาก และหวังว่า จะไม่นำเรื่องนี้มาเป็นเครื่องมือในการต่อรองทางการเมือง และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมก็เหมือนนำตำแหน่งตัวเองเป็นเดิมพันด้วยเช่นกัน หากสุดท้ายทำอะไรไม่ได้ก็น่าเสียใจ ทั้งที่พูดอะไรไปตั้งมาก แต่สุดท้ายทำไม่ได้จริง

 

ส่วนกรรมการองค์กรอิสระที่ สว.ชุดนี้เห็นชอบไปแล้วนั้น นางอังคณา ยอมรับว่า ส่วนตัวก็ยังกังวล เพราะหากสุดท้ายมี สว. 150 – 160 คนมาโดยมิชอบ และ สว.เห็นชอบกรรมการองค์กรอิสระไปแล้วจะมีผลกระทบหรือไม่ แต่ขณะนี้ขอให้ กกต.รีบดำเนินการตรวจสอบไปก่อน

logoline
News Hub