ในศึกฟุตบอลโลก 2026 รอบคัดเลือก โซนยุโรป กลุ่ม K ทีมชาติอังกฤษ เตรียมเปิดสนามเวมบลีย์ต้อนรับ ลัตเวีย ในคืนวันจันทร์ ซึ่งถือเป็นศึกสำคัญระหว่างสองทีมที่อยู่หัวตารางของกลุ่ม
ทีมชาติอังกฤษภายใต้การคุมทีมของ โธมัส ทูเคิ่ล ประเดิมชัยชนะได้อย่างที่คาดหวัง ด้วยการเอาชนะแอลเบเนีย 2-0 เมื่อคืนวันศุกร์ ขณะที่ลัตเวียบุกไปเฉือนชนะอันดอร์รา 1-0
ในค่ำคืนที่เต็มไปด้วยเรื่องราวใหม่ ๆ สำหรับทั้งผู้เล่นและกุนซือ โธมัส ทูเคิ่ล ได้เดินตามรอยกุนซือทีมชาติอังกฤษคนก่อน ๆ ด้วยการประเดิมชัยชนะในเกมแรกของตนเอง กลายเป็นกุนซือคนที่ 11 ติดต่อกันที่สามารถเก็บชัยชนะนัดเปิดตัวกับทัพ "สิงโตคำราม" ได้สำเร็จ
แม้สายตาหลายคู่จับจ้องไปที่ทูเคิ่ลก่อนเกม แต่ชื่อของ ไมลส์ ลูอิส-สเคลลี่ ดาวรุ่งจากอาร์เซน่อล ก็กลายเป็นที่พูดถึงอย่างมาก เมื่อเขากลายเป็นนักเตะอายุน้อยที่สุดที่ยิงประตูได้ในเกมเปิดตัวกับทีมชาติอังกฤษ ก่อนที่ แฮร์รี่ เคน จะทำประตูที่ 70 ของตนเองในนามทีมชาติ ปิดเกมไปแบบสวยงาม
อย่างไรก็ตาม ทูเคิ่ลยอมรับหลังเกมว่า ทีมของเขายังมีข้อผิดพลาดให้ต้องปรับปรุง โดยเฉพาะในครึ่งหลังที่แอลเบเนียสร้างปัญหาให้กับแนวรับอังกฤษได้บ้าง และเกมรุกของอังกฤษเองก็ดูเงียบไปหลังจากได้ประตูที่สอง
แต่สิ่งสำคัญคือ อังกฤษเก็บ 3 คะแนนเต็ม และนำเป็นจ่าฝูงของกลุ่ม K ซึ่งคาดว่าพวกเขาจะสามารถรักษาตำแหน่งนี้ไปจนจบรอบคัดเลือกในเดือนพฤศจิกายนนี้
อังกฤษยังคงรักษาสถิติไร้พ่ายในรอบคัดเลือกฟุตบอลโลกไว้ได้ถึง 32 นัดติดต่อกัน โดยแพ้ครั้งสุดท้ายในรอบนี้ต้องย้อนกลับไปปี 2009 ที่พ่ายยูเครน 0-1 และพวกเขาไม่เคยแพ้เกมเหย้าในรอบคัดเลือกฟุตบอลโลกมาตั้งแต่ปี 2000 ซึ่งเป็นการพ่ายเยอรมนีบ้านเกิดของทูเคิ่ลเอง
ขณะที่อังกฤษมุ่งหน้าสู่ฟุตบอลโลกครั้งที่ 17 ในประวัติศาสตร์ ลัตเวียยังไม่เคยผ่านเข้ารอบสุดท้ายเลย นับตั้งแต่แยกตัวเป็นชาติอิสระหลังการล่มสลายของสหภาพโซเวียต
อย่างไรก็ตาม การเริ่มต้นรอบคัดเลือกครั้งนี้ของพวกเขาถือว่าดีเยี่ยม หลังจากเบียดชนะอันดอร์รา 1-0 โดย ดาริโอ ซิตส์ ตัวสำรองโหม่งประตูชัยจากลูกเตะมุมของ โรเบิร์ตส์ ซาวัลเนี้ยคส์ ในนาทีที่ 60
ลัตเวียรั้งอันดับสองของกลุ่ม K มีคะแนนเท่ากับอังกฤษ แต่เป็นรองเรื่องผลต่างประตูได้เสีย อย่างไรก็ตาม พวกเขายังไม่สามารถฝันไกลเกินไปได้ เนื่องจากเซอร์เบียยังไม่ได้เริ่มการแข่งขัน และแอลเบเนียก็น่าจะมีโอกาสเก็บคะแนนกลับมาเร็ว ๆ นี้
ชัยชนะเหนืออันดอร์รายังถือเป็นการหยุดสถิติไม่ชนะใคร 4 นัดติดต่อกันของลัตเวีย โดยก่อนหน้านี้พวกเขาจบอันดับสุดท้ายในศึกยูฟ่า เนชั่นส์ ลีก ลีก C กลุ่ม 4 และอาจต้องตกชั้นไปลีก D หากแพ้ยิบรอลตาร์ในรอบเพลย์ออฟ
อย่างไรก็ตาม ลัตเวียทำผลงานได้อย่างน่าประทับใจในเกมเยือนรอบคัดเลือกฟุตบอลโลก โดยพวกเขาไม่แพ้เลยใน 5 เกมเยือนหลังสุด รวมถึงการเสมอกับตุรกีและนอร์เวย์ในปี 2021 และเอาชนะยิบรอลตาร์กับอันดอร์ราได้ในสองเกมล่าสุด
อังกฤษและลัตเวียไม่เคยพบกันมาก่อนในระดับทีมชาติชายชุดใหญ่ แต่หากย้อนดูสถิติของทีมหญิง ทีมชาติอังกฤษเคยถล่มลัตเวียถึง 20-0 ในศึกคัดเลือกฟุตบอลโลกปี 2021 ซึ่งถือเป็นชัยชนะขาดลอยที่สุดในประวัติศาสตร์ของทีมชาติอังกฤษชุดใหญ่
แม้ ไมลส์ ลูอิส-สเคลลี่ และ แฮร์รี่ เคน จะเป็นฮีโร่ในเกมที่แล้ว แต่มีข่าวร้ายสำหรับ แอนโธนี่ กอร์ดอน ที่ได้รับบาดเจ็บหลังลงมาเป็นตัวสำรองแทน มาร์คัส แรชฟอร์ด และทูเคิ่ลยอมรับว่าปัญหาดังกล่าวค่อนข้างน่ากังวล โดยล่าสุดต้องถอนตัวจากทีมไปแล้ว
อย่างไรก็ตาม ทูเคิ่ลยังคงมีขุมกำลังที่แข็งแกร่ง และน่าจะมีการปรับเปลี่ยนบางตำแหน่งเพื่อให้โอกาสนักเตะคนอื่น ๆ ได้ลงสนาม เช่น รีซ เจมส์, จอร์แดน เฮนเดอร์สัน, ลีวาย โคลวิลล์ และ จาร์ร็อด โบเว่น
ไม่มีรายงานอาการบาดเจ็บเพิ่มเติมจากเกมชนะอันดอร์รา เดนิส เมลนิคส์ ถูกเปลี่ยนตัวออกในช่วงพักครึ่งให้ ดาริโอ ซิตส์ ลงมาแทน ซึ่งเป็นการปรับแท็คติกของกุนซือ เปาโล นิโคลาโต้ เพื่อต้องการเพิ่มเกมรุกในครึ่งหลัง
นิโคลาโต้ไม่น่าจะใช้แผนเกมรุกตั้งแต่ต้นในเกมที่เวมบลีย์ แต่ ซิตส์ ได้แสดงให้เห็นว่าเขามีศักยภาพในการเป็นตัวจริงแทน ดมิทรีส์ เซเลนคอฟส์ หรือ วลาดิสลาฟ กุตคอฟสกี้ส์ ในแนวรุก