หลังจากคนขับรถฟอร์จูนเนอร์ที่ข้ามเลนพุ่งชน สองพี่น้อง 9 ปีกับ 13 ปีเสียชีวิตทั้งคู่ ออกมาโต้ ว่าลูกไม่ได้มาเล่นพวงมาลัยทำรถเสียหลักตามข่าว ลูก 2 ขวบนั่งคาร์ซีท ชาวเน็ตแสดงความคิดเห็นเป็นจำนวนมากโดยเฉพาะการ์ดกล้องหน้ารถหายไป พ่อเด็กกับผู้ใหญ่ฯยืนยันเสียงคนเห็นเหตุการณ์ชัดลูกเล่นพวงมาลัย
24 มีนาคม 2568 กรณี น.ส.พิรุณ ประเสริฐดี อายุ 43 ปี ชาว อ.สตึก จ.บุรีรัมย์ ขับรถยนต์นั่งเอนกประสงค์ ยี่ห้อโตโยต้า รุ่นฟอร์จูนเนอร์ สีแดง ทะเบียน บุรีรัมย์ (ทะเบียนประมูล ) มาพร้อมกับลูกชายวัย 12 ปี และ 2 ปี แล้วขับข้ามเลนพุ่งชน ด.ญ.นถุมล หรือ "น้องมันนี่" วางาม อายุ 13 ปี และ ด.ช.ปุญญาพัฒน์ หรือ "น้องนะโม" วางาม อายุ 9 ปี เสียชีวิต เหตุเกิดเมื่อเวลา 18.00 น. วันที่ 22 มี.ค.2568 บนถนน 2 เลนสายสตึก-โนนจำปา บริเวณบ้านยางงาม หมู่ที่ 10 ต.ทุ่งวัง หลังเกิดเหตุนางทองจันทร์ วางาม อายุ 62 ปี ยายของเด็กที่เสียชีวิตทั้งสอง ยืนยันว่าคนขับรถยนต์บอกกับตนตอนนั้นว่า "ลูกเล่นพวงมาลัย" ทำให้รถเสียหลัก
ต่อมา น.ส.พิรุณ คนขับรถได้ออกมายืนยันว่า เหตุการณ์ไม่ได้เหมือนตามที่ข่าวนำเสนอไป จริงๆแล้วลูกชายวัย 2 ขวบนั่งอยู่คาร์ซีท เบาะนั่งข้างคนขับรถ ช่วงเกิดเหตุตนขับรถด้วยความเร็วเพียง 70-80 กม./ชม.เท่านั้น บริเวณดังกล่าวเป็นทางโค้งนิดๆ ตอนนั้นลูกชายคนเล็กเอามือปิดตาบอกว่ากลัว จากนั้นลูกชายอาเจียนออกมา จึงหันไปบอกลูกชายคนโตอายุ 12 ปีที่นั่งอยู่ด้านหลังว่าให้หากระดาษมาเช็ดให้น้อง แล้วรถก็พุ่งรถเด็กดังกล่าว คาดว่าเด็กน่าจะออกมาจากถนนซอย ยืนยันว่าลูกชายวัย 2 ขวบนั่งอยู่คาร์ซีท
ล่าสุด วันนี้ (24 มี.ค.2568) ผู้สื่อข่าวเดินทางไปที่บ้านของนางทองจันทร์ ซึ่งเป็นสถานที่ตั้งบำเพ็ญกุศลร่างของน้องมันนี่ อายุ 13 ปี และน้องนะโม อายุ 9 ปี บรรยากาศยังเต็มไปด้วยความโศกเศร้า มีชาวบ้านที่มาร่วมงานเกิดอาการคล้ายผีเข้า คล้ายกับเด็กทั้งสองที่เสียชีวิตไปมาเข้าร่าง พร้อมเล่าเรื่องราวต่างๆ แต่จับใจความไม่ค่อยได้
โดยเฉพาะนายคมสันต์ วางาม อายุ 39 ปี พ่อน้องนะโม อายุ 9 ขวบ เล่าว่า ตนทำงานอยู่ต่างจังหวัด หลังทราบข่าวได้เดินทางมาทันที ซึ่งเท่าที่เห็น ญาติของคนขับรถได้มาดูแลในงานศพเป็นอย่างดี ตอนนี้ตนยังคาใจเหมือนที่ชาวเน็ตมาคอมเมนต์ใต้ข่าวว่า กล้องหน้ารถไปอยู่ไหน ทั้งที่เป็นรถหรูตัวท็อป เพราะกล้องหน้ารถสำคัญมากกว่าการให้การด้วยวาจา กล้องหน้ารถมีทั้งเสียงการพูดคุย และภาพก่อนจะเกิดอุบัติเหตุ จึงฝากถึงตำรวจให้ตรวจสอบ หรือค้นหาภาพจากกล้องหน้ารถมาเป็นหลักฐานด้วย
นายคมสันต์ กล่าวด้วยว่า กรณีที่คนขับรถออกมาพูดว่า "ลูกไม่ได้เล่นพวงมาลัยตามที่เป็นข่าว จริงๆแล้วลูก 2 ขวบ นั่งอยู่คาร์ซีท เหตุการณ์เกิดขึ้นเพราะหันไปดูด้านหลังรถ จึงทำให้รถเสียหลัก" และจากการที่ตนเองได้ฟังจากชาวบ้านหลายคนที่ไปดูที่เกิดเหตุ หลายคนพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าได้ยินเหมือนกันว่า "ลูกเล่นพวงมาลัย"
นอกจากนี้ อยากจะฝากถึงคนที่เข้ามาคอมเมนต์กล่าวหาตนว่า ไม่ได้ดูแลลูก แต่กลับมาเอาเงินประกันลูกนั้น ตนขอยืนยันว่า ที่ผ่านมาดูแลลูก ส่งเงินมาให้แม่เป็นประจำ มีหลักฐาน ไม่ได้ทิ้งลูก ฝากคนคอมเมนต์ด้วยว่าควรจะรับฟังสองมุม
ด้านนายเหรียญ พิเนตร ผู้ใหญ่บ้าน หมู่10 บ้านยางงาม กล่าวว่า ตอนนี้มีสองฝั่งที่พูดไม่เหมือนกันคือ ประเด็นที่เด็กดึงพวงมาลัย กับเสียหลักเพราะหันไปดูลูกอาเจียน แต่หลายคนได้ยินเหมือนกันว่า "ลูกเล่นพวงมาลัย" เพราะชาวบ้านถ่ายคลิปอะไรไว้มากมาย
"จริงๆ แล้ว จุดเกิดเหตุไม่ใช่เป็นทางโค้ง และจากการตรวจสอบรถ ไม่มีแม้แต่รอยเบรก ส่วนความเร็วเป็นไปไม่ได้ที่จะขับมาเพียง 70-80 กม./ชม. เพราะถ้ารถขับช้ารถยนต์จะไม่เตลิดมาถึงขอบสระฝั่งนี้ โดยเฉพาะสภาพรถจักรยานยนต์ล้อหน้ากับล้อหลังพับมาติดกันเป็นวงกลม มีความเป็นไปได้มากน้อยแค่ไหน ที่คนขับรถจะมีคนสอนมาก่อนหน้านี้ว่าจะให้พูดแบบไหน" นายเหรียญ กล่าว
พ.ต.ท.วัฒนา มางาม รองผกก.(สอบสวน) สภ.สตึก อ.สตึก จ.บุรีรัมย์
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า น.ส.พิรุณ ได้เดินทางมาเคารพศพเด็กทั้งสองแล้ว พร้อมกับมาชี้แจงให้พ่อและยายของเด็กฟังว่า เป็นไปไม่ได้ที่จะเอาลูก 2 ขวบมานั่งตักแล้วขับรถ ตอนนี้ต้องการจะมาเยียวยามากกว่า โดยพ่อเด็กกับยายเด็ก นั่งฟังโดยไม่ตอบโต้แต่อย่างใด มีเพียงสายตาที่ไม่ค่อยพอใจกับคำพูดของ น.ส.พิรุณ
ทางด้าน พ.ต.ท.วัฒนา มางาม รองผกก.(สอบสวน) สภ.สตึก อ.สตึก จ.บุรีรัมย์ กล่าวว่า หลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ได้เข้าไปตรวจสอบบันทึกหลักฐานไว้ครบถ้วน แล้วเรียกคนขับรถมารับทราบข้อกล่าวหาแล้ว หลักฐานที่พบชัดเจนว่ารถยนต์เป็นฝ่ายผิด เพราะข้ามเลนมาพุ่งชน จยย. ส่วนภาพในรถจะใช้หรือไม่ก็ได้ เพราะหลักฐานที่เกิดเหตุแน่นแล้ว พร้อมที่จะให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย