24 มีนาคม 2568 ที่ห้องพิจารณาคดี 704 ศาลอาญา ศาลนัดสอบคำให้การ และกำหนดนัดตรวจหลักฐาน ในคดีที่อัยการฝ่ายคดีพิเศษ1 เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง บริษัท ดิไอคอนกรุ๊ป จำกัด โดย นายวรัตน์พล วรัทย์วรกุล หรือ บอสพอล กับพวก รวม 17 คน เป็นจำเลย ฐานร่วมกันฉ้อโกงประชาชน , ร่วมกันโดยทุจริตหรือหลอกลวงนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ฯ , ร่วมกันกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน , ร่วมกันประกอบธุรกิจขายตรง ประกอบธุรกิจตลาดแบบตรง ดำเนินกิจการในลักษณะที่เป็นการชักชวนให้บุคคลเข้าร่วมเป็นเครือข่ายในการประกอบธุรกิจฯ และร่วมกันประกอบธุรกิจขายตรงโดยไม่ได้รับอนุญาต และในวันนี้ศาลอาญารัชดา นัดสอบคำให้การจำเลยในคดีดิไอคอนกรุ๊ป และกำหนดนัดตรวจหลักฐาน นั้น
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนการเริ่มพิจารณาคดี จำเลยทั้ง 16 คน เดินเข้ามาในห้องพิจารณาคดี กลุ่มแรกเป็นบอสหญิง ทั้งหมด 6 คน ทุกคนมีสีหน้าที่ยิ้มแย้ม และเมื่อเดินเข้ามา มีตัวแทนที่ทำธุรกิจกับบริษัทดิไอคอน มาจับมือให้กำลังใจ บางคนร้องไห้ออกมาด้วย
จากนั้นตามด้วยกลุ่มบอสชายทั้งหมด 10 คน ทุกคนมีสีหน้าดูสดใส ไม่มีใครซูบผอมเป็นพิเศษ ซึ่งบอสพอล นายวรัตน์พล ยิ้มแย้มแจ่มใส ระหว่างที่บอสพอล เดินผ่านกลุ่มที่เป็นตัวแทน ที่ร่วมทำธุรกิจกับบริษัทดิไอคอนฯ ก็ต่างเข้ามาจับมือ ให้กำลังใจ พร้อมบอกให้ บอสพอล สู้ๆ
กันต์ กันตถาวร
ขณะที่ บอสกันต์ กันตถาวร ดูหน้าตาแจ่มใส โดยมีครอบครัว พ่อ แม่ และ ภรรยา ของบอสกันต์ มาให้กำลังใจ ซึ่งแม่จับมือและลูบหลังพูดคุยกับลูกตลอด เช่นเดียวกับภรรยาของบอสกันต์ ที่บอสกันต์ ได้สวมกอดด้วย
จากนั้นเข้าสู่ขั้นตอนการพิจารณา จำเลยทั้งหมดให้การปฏิเสธ และทำคำให้การเป็นลายลักษณ์อักษรเสนอต่อศาล
ขณะฝ่ายโจทก์ ยื่นบัญชีพยาน เป็นพยานเอกสาร 80 ลัง และพยานบุคคลจำนวนทั้งหมด 7,991 ปาก โดยเสนอให้มีการสืบพยานก่อน 109 ปาก ในจำนวน 27 นัด และระหว่างการสืบพยาน 109 ปากนั้น ได้เสนอให้ส่งมอบคำให้การของพยานปากอื่นๆกับฝั่งจำเลย เพื่อให้ทนายจำเลยตรวจสอบหากรับข้อเท็จจริงได้ ก็จะทำให้กระบวนการจบเร็ว แต่หากรับไม่ได้ก็จะนัดวันสืบพยานเพิ่มเติม ทั้งนี้เนื่องจากคำให้การมีจำนวนมาก และส่วนใหญ่เป็นคำให้การที่คล้ายๆกัน จึงเสนอวิธีดังกล่าว
ขณะที่ทนายจำเลย แถลงต่อศาลด้วยว่า ต้องการให้ตรวจพยานหลักฐานและนัดหมายวันสืบพยานให้เสร็จสิ้นกระบวนการภายในวันนี้ เพราะหากการตรวจพยานหลักฐานยังไม่แล้วเสร็จ ทนายจำเลยมีความกังวลเรื่องของการยื่นขอประกันตัว
ทั้งนี้ระหว่างที่ศาลรับฟังกระบวนการพิจารณาช่วงหนึ่งที่ศาลเสนอให้อีก 2 สัปดาห์มานัดวันสืบพยาน ทำให้ตัวแทนบริษัทดิไอคอน ที่มาให้กำลังใจภายในห้องพิจารณาคดี ส่งเสียง โห่ แสดงความไม่พอใจ ขึ้นมา ทำให้ศาลต้องห้ามปราม และชี้แจงว่า ไม่ควรกระทำลักษณะนี้ และศาลเป็นกลาง สิ่งที่ศาลทำคือการอธิบายกระบวนการพิจารณาด้วย
ต่อมาเวลา 15.30 น. ภายหลังจากศาลตรวจหลักฐานเสร็จสิ้นแล้ว โดยใช้เวลาพิจารณา 6 ชั่วโมง ศาลได้นัดสืบพยานจำนวน 50 นัด โดยแบ่งเป็นฝ่ายโจทก์ 30 นัด และ ฝ่ายจำเลย 20 นัด โดยยังไม่มีการระบุวันนัดสืบพยานที่ชัดเจน ซึ่งทั้งฝ่ายโจทก์และจำเลยจะต้องพูดคุยกันเพื่อหาวันนัดสืบพยานอีกครั้ง
โดยจะสืบพยานฝั่งจำเลย 62 ปาก โดยทนายความของฝ่ายจำเลยจะเป็นผู้ดำเนินการคัดเลือกบุคคลมาสืบพยานของฝ่ายจำเลยอีกครั้ง
และฝ่ายโจทก์ 7,991 ปาก โดยจัดกลุ่ม 6 กลุ่ม มีพนักงานอัยการฝ่ายโจทก์เป็นผู้บริหารจัดการฝ่ายโจทก์และดำเนินการคัดเลือกบุคคลมาสืบพยานจำนวน 6 กลุ่ม ให้ครบตามจำนวนนัดของฝ่ายโจทก์
วิลาวัลย์ พุทธสัมฤทธิ์
นอกจากนี้ ศาลอาญา ได้นัดตรวจพยานหลักฐาน ในคดีที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีพิเศษ 1 เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง นายสามารถ เจนชัยจิตรวนิช อดีตประธานสมาพันธ์ต่อต้านแชร์ลูกโซ่แห่งประเทศไทย , นางวิลาวัลย์ พุทธสัมฤทธิ์ มารดานายสามารถ และนายวรัตน์พล หรือ บอสพอล ประธานบริษัทดิไอคอน กรุ๊ป และ บริษัท ดิไอคอนกรุ๊ป จำกัด ในความผิดฐาน ร่วมกันฟอกเงิน และสมคบกันฟอกเงิน ซึ่งเป็นการตรวจพยานหลักฐานพร้อมกันในวันนี้ และภายในห้องพิจารณาคดีที่ 704 ซึ่งเป็นเดียวกับคดีดิไอคอนกรุ๊ป
นางวิลาวัลย์ มารดานายสามารถ ได้รับการประกันตัวไปก่อนหน้านี้ และเดินมาที่ศาล โดยมานั่งรอภายในห้องพิจารณาคดี
ทั้งนี้ระหว่างที่ นายสามารถ เข้ามาภายในห้องพิจารณาคดี มีแฟนของนายสามารถเข้ามากอดให้กำลังใจ และมารดาของนายสามารถก็ได้ กอดให้กำลังใจลูกชายด้วย ซึ่งนายสามารถ มีสีหน้าท่าทางปกติเช่นกัน
โดยคดีนี้ โจทก์ได้เสนอบัญชีพยานเอกสาร 41 ฉบับ จำนวน 2 กล่อง และพยานบุคคล 24 ปาก ประกอบด้วย ผู้กล่าวหา , เจ้าหน้าที่ดีเอสไอ , เจ้าหน้าที่กรมธุรกิจการค้า , เจ้าหน้าที่ธนาคาร , คนใกล้ชิดจำเลยนายสามารถ และนางวิลาวัลย์ เพื่อเบิกความการกระทำของทั้ง 2 คนในช่วงเวลาเกิดเหตุ และพนักงานสอบสวนในคดี โดยเสนอสืบพยานทั้งหมด 6นัด 18-19-20 ก.พ. 2569 และ 10-11-12 มี.ค.2569
ขณะที่ ทนายจำเลย เสนอบัญชีพยานต่อศาล ของนายสามารถ และนางวิลาวัลย์ จำเลยที่ 1และ 2 โดยมีพยานบุคคลทั้งหมด 11 ปาก คือ นายสามารถ จำเลยที่ 1 , นางวิลาวัลย์ จำเลยที่ 2 , นายวรัตน์พล จำเลยที่ 3 , บอสปีเตอร์ , นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม ในฐานะที่ถอนคำร้องทุกข์กับดีเอสไอ , นายพยม พรหมเพชร อดีต สส.พรรคพลังประชารัฐ , นายวิฑูรย์ เก่งงาน และตัวแทนวัดห้วยปลากั้ง , วัดแก้วช่อฟ้า และตัวแทนที่เกี่ยวข้องกับเงินทำบุญบริจาค รวม 4 ปาก
ส่วนจำเลยที่ 3 คือ บอสพอล และจำเลยที่ 4 บริษัทดิไอคอน เสนอบัญชีพยานบุคคลทั้งหมด 16 ปาก โดยนัดสืบพยานทั้งหมด 3 นัด วันที่ 31 มี.ค. 2569 , 2 -3 เม.ย.2569
ทั้งนี้ทนายจำเลย แถลงต่อศาลว่า จำเลยให้การปฏิเสธ และคดีนี้จะต้องรอการพิจารณาของคดีที่เป็นมูลฐาน คือ คดีฉ้อโกงก่อน ซึ่ง บอสพอล และบริษัทดิไอคอน คือ จำเลยที่ 3 และ 4 ไม่ได้กระทำความผิดตามฟ้อง ดังนั้นจึงไม่ได้มีการฟอกเงิน แต่ยอมรับว่า ได้รับเงินมาจริงแต่เป็นเงินร่วมทำบุญ และเงินบางส่วนของนางวิลาวัลย์ จำเลยที่ 2 ก็เป็นเงินที่รับมาเป็นค่าดูดวง