24 มีนาคม 2568 ศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจ นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส. บัญชีรายชื่อพรรคประชาชน ลุกขึ้นอภิปรายนายกรัฐมนตรี "นายกอิ๊งค์" แพทองธาร ชินวัตร โดยยกประเด็นการหนีภาษีเอาเปรียบประชาชนเอาเปรียบสังคม ไม่มีความซื่อสัตย์สุจริต มีพฤติกรรมที่น่าอดสู
ทั้งนี้ระบุว่า นางสาวแพทองธาร ชินวัตร ใช้นิติกรรมอำพรางหลีกเลี่ยงการเสียภาษี ซึ่งถามถึงการโอนหุ้นจำนวน 19 บริษัท มูลค่า 9,330.5 ล้านบาท ว่าเป็นการโอนด้วยวิธีใด เป็นการให้ หรือขายหุ้น เพราะมีทั้งการโอนให้แม่และพี่สาว ซึ่งหากเป็นการให้ แม่และพี่สาวของนายกก็ต้องมีการจ่ายภาษีรับให้ ซึ่งมีการทำนิติกรรมอำพรางในการหนีภาษีรับได้มาตั้งแต่ปี 2559
นายวิโรจน์ ยังได้มีการเปิดการยื่นบัญชีทรัพย์สินของ นายกรัฐมนตรี พบว่า มีหนี้สินอยู่ 9 รายการ จำนวนรวม 4434.5 ล้านบาท มีเอกสารแนบแค่ 9 แผ่น จึงเชื่อได้ว่าเอกสารแนบคือ ตั๋วสัญญาใช้เงิน หรือ ตั๋ว PN ไม่ใช่รูปแบบเงินกู้ ซึ่งเป็นการซื้อหุ้นจาก พี่สาว พี่ชายลุง ป้าสะใภ้และแม่ และออกตั๋ว PN แทนการจ่ายเงิน และไม่มีกำหนดเวลาจ่ายเงิน ไม่มีการเก็บดอกเบี้ย หากชาตินี้ไม่มีใครทวง แพทองธาร ก็ไม่ต้องจ่าย
หากนายกรัฐมนตรีได้หุ้นมาจากการให้ ก็ต้องเสียภาษีการรับให้กับรัฐ แต่หากซื้อก็ต้องจ่ายภาษีเลย แม้แต่บาทเดียว รวมถึงไม่ต้องจ่ายภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา เพราะไม่ใช่การจ่ายเงินสด ดังนั้นเมื่อไปดูในรายละเอียด เท่ากับว่านายกรัฐมนตรีใช้ตั๋ว สร้างหนี้ปลอม เลี่ยงภาษีการรับให้สูงถึง 218.7 ล้านบาท ซึ่งเงินก้อนนี้ถือว่าเป็นเงินมหาศาลมาก
หากนำมาเลี้ยงดูเด็กแรกเกิดเดือนละ 600 บาท จะสามารถดูแลลูกหลานได้ถึง 5,000 คน ตั้งแต่แรกเกิดจนถึง 6 ขวบ และหากนำมาจ่ายเป็นค่าอาหารให้เด็ก จะได้อาหารที่ดีถึง 30,000 คนต่อ 1 เทอม หรือ หากนำมาจ่ายเป็นเบี้ยผู้สูงอายุตลอดทั้งปี ก็จะทำให้สามารถประคับประคองชีวิตของคนวัยปู่ย่าตายาย ได้มากกว่าปีละ 350,000 คน
"จึงอยากรู้ว่าชีวิตที่เป็นปลวก เป็นเพลี้ย เอาเปรียบประชาชน ฉ้อฉลประเทศ แบบนี้เวลาเดิน เฉิดฉาย ไม่เคยสำนึกสำเหนียกอายฟ้าอายดินบ้างเลยหรือ"
นายวิโรจน์ กล่าวว่า การกระทำของ นางสาวแพทองธาร ไม่ใช่เพื่อการหลีกเลี่ยงภาษีการรับให้มูลค่า 218.7 ล้านบาท แต่นี่เป็นกระบวนท่า ที่ใช้ในการยักย้ายถ่ายเททรัพย์สินภายในจักรวาลชินวัตร เหมือนนวนิยายจีนกำลังภายใน เหมือนนวนิยายจีน ที่เป็นเคล็ดเคลื่อนย้ายจักรวาล
นี่ถือเป็นจงใจใช้ตั๋ว PN เพื่อซุกซ่อนทรัพย์สิน เพื่อหลบเลี่ยงการตรวจสอบ ซึ่งเข้าข่ายการกระทำผิดฐานหลีกเลี่ยงภาษีอากร ตามประมวลกฎหมายรัชดากร มาตรา 37 (2) ต้องระวังโทษจำต้องระวังโทษจำคุกตั้งแต่ 3 เดือนถึง 7 ปี และปรับตั้งแต่ 2,000 บาทถึง 200,000 บาท
เรื่องนี้นักข่าวเคยไปถามกับนายกรัฐมนตรี แต่นายกรัฐมนตรีไม่ได้ตอบชี้แจงอย่างตรงไปตรงมา บอกแต่เพียงว่า
“ช่วยเซฟดิฉันด้วยนะคะ”
วันนี้ แพทองธาร จะต้องตอบคำถามด้วยเอง เพราะเป็นการจัดการทรัพย์สินของตัวเอง แต่หากจะให้คุณพ่อมาช่วยตอบก็เคยแนะนำไปแล้ว ว่าสามารถอนุญาตตามข้อ บังคับได้ ตนก็อยากรู้เหมือนกันว่าเจ้าสำนักมาชี้แนะจะล้ำลึกแค่ไหน
ขณะเดียวกันยังมองว่า นายกของประเทศไทยมีพฤติกรรมนี้ รู้ถึงไหนอายถึงนั่น ทั้งนิติกรรมอำพราง หนีภาษีเป็นที่ประจักษ์ คนอย่างแพทองธาร ชินวัตร ทุจริตเป็นที่ประจักษ์ วันๆเสาะหาแต่ช่องว่างทางกฎหมายเพื่อตักตวงผล ปากที่เคยพูดว่า
“มีกินมีใช้ไปพร้อมกัน แท้ที่จริงแล้วคือการหาช่องว่างทางกฎหมาย เพื่อให้มีกินกันเฉพาะกงสี อิ่มหมีเฉพาะตระกูล แพทองธาร ชินวัตร เป็นนายกฯหนีภาษี ไม่มีศักดิ์ศรี ที่จะดำรงตำแหน่งนี้ต่อไปแล้ว ได้เวลาออกไปจากตึกไทยคู่ฟ้า กลับกงสีที่บ้านจันทร์ส่องหล้าไปได้แล้ว”
ทั้งนี้ ในช่วงหนึ่ง นางนุชนาถ จารุวงษ์เสถียร สส.ศรีสะเกษ พรรคเพื่อไทย ลุกขึ้นประท้วงว่า นายวิโรจน์ “ไม่รู้สี่ รู้แปด” พูดวกไปวนมา ทำให้นายวิโรจน์ ท้วงกลับว่า นุชนาถ รับจ้างมาประท้วง
ขณะที่ นายไชยวัฒนา ติณรัตน์ สส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย ประท้วงว่า ประธานควรตักเตือนคำว่า “ทุจริต” พร้อมถามกลับว่าไหนนายวิโรจน์บอกว่า มีลุงไม่มีเรา แต่วันนี้ก็อยู่กับลุงแล้วไม่ใช่หรือ คะนองปาก เสียดสี