svasdssvasds
เนชั่นทีวี

ข่าวทั่วไทย

ปลัดครบุรียัน อดีต ผช.ผบญ.มีชื่อโผล่ในเรือนจำภูเก็ต ไม่ได้ถูกสวมบัตร แต่ถูกปลอมบัตร

อำเภอยังงง? ปลัดครบุรียัน อดีต ผช.ผบญ.มีชื่อโผล่ในเรือนจำภูเก็ต ไม่ได้ถูกสวมบัตร ปชช. แต่ถูกปลอมบัตร เร่งประสานกรมราชทัณฑ์-ตร. ตรวจสอบเกิดขึ้นได้อย่างไร ขณะที่ผู้เสียหายถามแบบนี้ใครจะรับผิดชอบ

20 กันยายน 2567 ความคืบหน้ากรณี นายคมสันต์ อายุ 41 ปี อดีตผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านลำเพียก หมู่ที่ 11 ต.ลำเพียก อ.ครบุรี จ.นครราชสีมา ได้ร้องเรียนผ่านสื่อมวลชน ภายหลังจากที่ตรวจสอบพบว่า มีผู้ต้องขังคดียาเสพติด ภายในเรือนจำ จ.ภูเก็ต มีชื่อ นามสกุล รวมถึงหมายเลขบัตรประจำตัวประชาชน 13 หลัก ตรงกับตนเอง ทำให้ตอนนี้สิทธิทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับบัตรประจำตัวประชาชนเกิดปัญหา ไม่สามารถใช้ได้ตามปกติ รวมถึงยังมีประวัติการต้องโทษ เป็นผู้ต้องหาในเรือนจำ จนตอนนี้ไม่สามารถไปสมัครงานหรือกระทำการใดๆ ที่ต้องใช้เอกสารบัตรประจำตัวประชาชนได้มานานกว่า 3 ปีแล้ว ตามที่ได้นำเสนอข่าวไปแล้วนั้น 
ปลัดครบุรียัน อดีต ผช.ผบญ.มีชื่อโผล่ในเรือนจำภูเก็ต ไม่ได้ถูกสวมบัตร แต่ถูกปลอมบัตร
 

ล่าสุดวันนี้ นายนรินทร์ อติวีโร ปลัดอำเภอหัวหน้ากลุ่มงานทะเบียนและบัตรอำเภอครบุรี ได้ทำการเชิญตัวนายคมสันต์ เข้ามาชี้แจงเกี่ยวกับผลการตรวจสอบประวัติ เกี่ยวกับข้อมูลประจำตัวทางทะเบียนราษฎร์ ในส่วนของการใช้สิทธิรักษาพยาบาล หรือบัตรทอง โดยเบื้องต้นพบว่า บัตรประจำตัวประชาชนของนายคมสันต์ ไม่ได้เป็นการสวมบัตรหรือสวมสิทธิแต่อย่างใด เพราะมีการใช้สิทธิที่เกิดจากข้อมูลทะเบียนราษฎร์ของนายคมสันต์ทั้งหมด แต่มีการโยกย้ายสถานที่การใช้สิทธิไปมาหลายครั้ง 

เริ่มตั้งแต่เมื่อปี 60 มีข้อมูลว่า นายคมสันต์ ได้โอนย้ายสิทธิบัตรทองจากโรงพยาบาลครบุรี จ.นครราชสีมา ไปยังสถานพยาบาลส่วนราชการ 1 หน่วยบริการประจำโรงพยาบาลถลาง จ.ภูเก็ต ก่อนที่จะมีการโอนย้ายสิทธิกลับมาเข้ารับบริการที่โรงพยาบาลครบุรี ในปี 62 จากนั้นเมื่อปี 64 ก็พบว่า มีการโอนย้ายสิทธิไปรับการรักษาที่โรงพยาบาลวชิระภูเก็ต จ.ภูเก็ตอีกรอบ 
ปลัดครบุรียัน อดีต ผช.ผบญ.มีชื่อโผล่ในเรือนจำภูเก็ต ไม่ได้ถูกสวมบัตร แต่ถูกปลอมบัตร
 

นายนรินทร์ กล่าวว่า จากการตรวจสอบข้อมูลของนายคมสันต์ในเบื้องต้นตอนนี้พบว่า นายคมสันต์ ไม่ได้ถูกสวมสิทธิ สิทธิทุกอย่างยังคงเป็นของนายคมสันต์ ไม่ว่าจะเป็นข้อมูลรายการบุคคล ภาพใบหน้า ที่ใช้ในการดำเนินการต่างๆ จึงยืนยันได้ว่า นายคมสันต์ไม่ได้ถูกสวมสิทธิ แต่สันนิษฐานว่า น่าจะมีคนปลอมแปลงบัตรประจำตัวประชาชน ซึ่งหลังจากนี้ทางอำเภอจะได้ประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อดำเนินการจัดการแก้ไขปัญหานี้ต่อไป 

ส่วนในเรื่องของสิทธิการรักษาพยาบาลนั้น ตอนนี้ทาง สปสช.จะดำเนินการโอนย้ายสิทธิกลับมาให้ใช้บริการในพื้นที่ได้เลย โดยจะกลับมามีสิทธิรักษาตัวที่โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลลำเพียก ส่วนในกรณีที่ผู้ต้องขังในจังหวัดภูเก็ต ที่มีชื่อ สกุล และหมายเลขบัตรประจำตัวประชาชน 13 หลัก ตรงกับนายคมสันต์นั้น ทางอำเภอจะทำหนังสือแจ้งไปยังทางเรือนจำ และทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ให้นำข้อมูลมาพิสูจน์กันอีกครั้งหนึ่ง เพื่อที่จะได้แก้ไขข้อมูลให้ถูกต้อง 

จากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่า ตอนนี้มีผู้ต้องขังที่ใช้ชื่อ สกุล และหมายเลขบัตรประจำตัวประชาชน 13 หลัก ตรงกับนายคมสันต์ อยู่ในเรือนจำจริง สำหรับสาเหตุที่ตรวจสอบพบว่า มีการโอนย้ายสิทธิการรักษาพยาบาลของนายคมสันต์ จากจังหวัดนครราชสีมา ไปยังจังหวัดภูเก็ต ทั้งที่นายคมสันต์ ยืนยันว่าไม่เคยเดินทางไปที่จังหวัดภูเก็ตเลยแม้แต่ครั้งเดียวนั้น

ทางปลัดอำเภอหัวหน้ากลุ่มงานทะเบียนและบัตรอำเภอครบุรี คาดว่า อาจจะเกิดจากมีผู้ปลอมแปลงบัตรประชาชน และปลอมตัวเป็นนนายคมสันต์ นำบัตรประชาชนปลอม ไปแสดงตนเพื่อเข้ารักษาพยาบาล หรือกระทำการต่างๆ ซึ่งตอนนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบติดตามหาตัว แต่ในตอนนี้ยืนยันว่า นายคมสันต์ เป็นประชากรที่มีภูมิลำเนาอยู่ที่อำเภอครบุรี จ.นครราชสีมา อย่างแน่นอน และไม่เคยมีประวัติต้องโทษในคดีๆ อย่างแน่นอน 

ด้าน นายคมสันต์ กล่าวว่า ภายหลังจากได้รับฟังคำชี้แจงจากทางปลัดอำเภอ หัวหน้ากลุ่มงานทะเบียนและบัตรอำเภอครบุรี แล้ว รู้สึกสบายใจขึ้นมาบ้างเล็กน้อย แต่ยังมีความกังวลใจอย่างมาก ในเรื่องของประวัติข้อมูลส่วนตัว ที่ตอนนี้กลายเป็นผู้ต้องขังในคดียาเสพติด และยังไม่มีความชัดเจนว่า จะมีการแก้ไขให้กลับมาขาวสะอาดได้อย่างไร และใช้ระยะเวลาขนาดไหน

และยังมีข้อสงสัยมาตอนที่มีการจับตัวคนร้ายมาดำเนินคดี ไม่ได้มีการตรวจสอบยืนยันข้อมูลบุคคลให้ถูกต้องก่อนหรือไม่ หรือหากมีการปลอมแปลงบัตรประชาชน ก็ยังมีฐานข้อมูลลายนิ้วมือ ที่ไม่น่าจะตรงกันให้ตรวจสอบอีก เพราะหากตรวจสอบในส่วนนี้ก็จะต้องพบความผิดปกติอย่างแน่นอน 

นายคมสันต์ บอกอีกว่า ตลอดห้วงระยะเวลาที่ผ่านมา ตัวเองรู้สึกสงสัยและกังวลใจอย่างมาก ที่ทำไมสิทธิของตัวเองไปอยู่ที่อื่นได้ ทั้งที่ตัวเองก็อยู่ที่บ้านไม่เคยไปไหน ไม่เคยนำข้อมูลไปให้ใคร บัตรประจำตัวประชาชนก็ไม่เคยหาย แต่ข้อมูลของตัวเองกลับถูกคนอื่นนำไปใช้แอบอ้าง ทำให้ตนไม่สามารถใช้สิทธิใดๆ ได้ตามกฎหมาย จึงอยากที่จะได้รับความยุติธรรมและสิ่งที่ตัวเองสูญเสียไปในส่วนนี้ ซึ่งก็ยังไม่รู้ว่าจะมีใครออกมารับผิดชอบกับเหตุการณ์นี้ได้บ้าง
นายคมสันต์ อดีตผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านลำเพียก ผู้เสียหาย