svasdssvasds
เนชั่นทีวี

ต่างประเทศ

"ทรัมป์" ลงนามคำสั่งเริ่มขั้นตอนยุบกระทรวงศึกษาธิการ

21 มีนาคม 2568
เกาะติดข่าวสาร >> NationTV
logoline

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ลงนามในคำสั่งให้เริ่มขั้นตอนยุบกระทรวงศึกษาธิการ และคืนอำนาจบริหารการศึกษาให้รัฐต่าง ๆ แต่อาจเผชิญการต่อสู้ทางกฎหมาย

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ ลงนามในคำสั่งฝ่ายบริหารให้เริ่มขั้นตอนการยุบกระทรวงศึกษาธิการ ภายในห้องอีสต์รูมของทำเนียบขาวที่ได้รับการเปลี่ยนให้กลายเป็นห้องเรียนชั่วคราว และมีตัวแทนนักเรียนร่วมเป็นสักขีพยานและลงนามในเอกสารที่เตรียมไว้สำหรับแต่ละคนด้วยเมื่อวันพฤหัสบดี (20 มีนาคม) 

เขากล่าวว่า ตลอด 45 ปี นับจากก่อตั้งกระทรวงศึกษาธิการ สหรัฐฯ จ่ายงบประมาณด้านการศึกษามากกว่าประเทศใด ๆ ในโลก และมีค่าใช้จ่ายสำหรับนักเรียนต่อหัวมากกว่าประเทศอื่น ๆ แต่กลับอยู่ในระดับรั้งท้ายในแง่ความสำเร็จ และงบประมาณพุ่งสูง 600% ภายในเวลาอันสั้น แต่จากนี้เขาจะคืนอำนาจการบริหารการศึกษาให้รัฐต่าง ๆ กำกับดูแลอย่างที่ควรจะเป็น เขาบอกด้วยว่า รัฐบาลจะเริ่มขั้นตอนตามกฎหมายเพื่อยุบกระทรวงศึกษาธิการ และ “เราจะปิดมัน ปิดโดยเร็วเท่าที่เป็นไปได้”

กระทรวงศึกษาธิการก่อตั้งเมือปี 2522 และพวกหัวอนุรักษ์นิยมพยายามมานานหลายสิบปีเพื่อให้นโยบายด้านการศึกษากลับไปอยู่ในความดูแลของรัฐต่าง แต่การยุบกระทรวงจะต้องได้รับความเห็นชอบจากรัฐสภา ซึ่งพรรครีพับลิกันครองเสียงข้างมากในวุฒิสภาเพียง 53 เสียงจาก 100 เสียง แต่จะต้องได้รับเสียงสนับสนุน 60 เสียง

รัฐบาลทรัมป์ตระหนักดีว่าไม่มีเสียงสนับสนุนมากพอยุบกระทรวง เนื้อหาในคำสั่งของ ทรัมป์จึงระบุเพียงให้ลินดา แมคแมน รัฐมนตรีศึกษาธิการ ดำเนินมาตรการที่จำเป็นทุกอย่างเพื่ออำนวยความสะดวกสู่การปิดกระทรวง และให้อำนาจการจัดการด้านการศึกษาแก่หน่วยงานระดับรัฐและท้องถิ่น รวมไปถึงสั่งการให้ดำเนินงานด้านการบริการ, โครงการและสวัสดิการแก่ชาวอเมริกันอย่างมีประสิทธิภาพและไม่หยุดชะงัก

โฆษกทำเนียบขาว ชี้แจงว่า คำสั่งนี้จะทำให้มีการลดขนาดของกระทรวงอย่างมาก แต่หน่วยงานที่สำคัญบางอย่าง เช่น กองทุนกู้ยืมเพื่อการศึกษา และเงินให้เปล่าแก่นักเรียนกลุ่มเปราะบางจะยังคงอยู่

ขณะที่สมาชิกพรรคเดโมแครตและนักเคลื่อนไหวด้านการศึกษาประณามคำสั่งของทรัมป์ว่าเป็นอีกตัวอย่างของการใช้อำนาจเกินขอบเขตของประธานาธิบดี และคำสั่งนี้จะส่งผลกระทบต่อนักเรียนจำนวนมากทั่วประเทศ

นอกจากนี้คำสั่งของทรัมป์อาจเผชิญการต่อสู้ทางกฎหมายเหมือนคำสั่งลดขนาดรัฐบาลกลางหลายฉบับก่อนหน้านี้ โดยเรื่องนี้อาจไปถึงศาลฎีกาสหรัฐฯ เนื่องจากนักเคลื่อนไหวด้านการศึกษาเตรียมยื่นฟ้องทางกฎหมาย

logoline