ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ สนทนาทางโทรศัพท์กับประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี ของยูเครนนาน 1 ชม.เมื่อวันพุธ (19 มีนาคม) โดยเป็นการพูดคุยกันครั้งแรกนับจากสองคนโต้เถียงกันดุเดือดในทำเนียบขาวเมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ และการหารือร่วมกันมีขึ้นเพียงหนึ่งวันหลังจากประธานาธิบดีทรัมป์สนทนาทางโทรศัพท์กับประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ของรัสเซียนาน 1 ชม.ครึ่งเมื่อวันอังคาร ซึ่งผู้นำรัสเซียตกลงว่าจะหยุดโจมตีโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานในยูเครนนาน 30 วัน
ทรัมป์ บอกว่า การสนทนากับผู้นำยูเครนครั้งนี้ดีมาก ส่วนเซเลนสกี บอกว่า เขาเชื่อว่าจะสามารถบรรลุสันติภาพที่ยั่งยืนได้ในปีนี้ภายในการนำของทรัมป์
ผู้นำยูเครนบอกกับทรัมป์ว่าพร้อมจะหยุดยิงบางส่วนกับรัสเซีย โดยระงับการโจมตีโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงาน, สถานีรถไฟและท่าเรือในรัสเซีย แต่เตือนว่าพร้อมตอบโต้หากรัสเซียละเมิดข้อตกลง
ก่อนหน้านี้ยูเครนแสดงจุดยืนพร้อมปฏิบัติตามแผนหยุดยิงที่เสนอโดยสหรัฐฯ ให้หยุดโจมตีทั้งทางบก ทางอากาศ และทางทะเลนาน 30 วัน แต่ประธานาธิบดีปูติน ปฏิเสธข้อเสนอดังกล่าวระหว่าการพูดคุยกับทรัมป์ โดยตกลงยุติการโจมตีโครงสร้างพลังงานของยูเครน 30 วัน โดยไม่ตอบตกลงแผนหยุดยิงเต็มรูปแบบทั้งทางบก ทางทะเลและทางอากาศนาน 30 วัน
ทำเนียบขาว เปิดเผยด้วยว่า ประธานาธิบดีทรัมป์บอกกับผู้นำยูเครนว่า สหรัฐฯ อาจเป็นเจ้าของโรงไฟฟ้าทั้งหลายในยูเครนเพื่อส่งเสริมความมั่นคงของยูเครน และอาจมีส่วนช่วยการบริหารโรงไฟฟ้า โดยชี้ให้เห็นว่า เมื่ออเมริกันเป็นเจ้าของโรงไฟฟ้าจะเป็นหนทางดีที่สุดในการปกป้องโรงไฟฟ้า
แต่ยังไม่ทราบแน่ชัดว่า ทรัมป์หมายถึงโรงไฟฟ้าแห่งใด ขณะที่ผู้นำยูเครน กล่าวในเวลาต่อมาว่า ข้อเสนอพูดถึงโรงไฟฟ้าพลังนิวเคลียร์ ซาปอริซเซีย ที่อยู่ภายใต้การควบคุมของรัสเซียในเวลานี้ รัสเซียยึดโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ใหญ่ที่สุดในยุโรปแห่งนี้ตั้งแต่ช่วงแรก ๆ หลังเริ่มบุกยูเครนในเดือนกุมภาพันธ์ 2565
ก่อนหน้านี้ทรัมป์ก็เสนอให้สหรัฐฯ เข้าถึงทรัพยากรสำคัญในยูเครน รวมถึงแร่หายาก เพื่อตอบแทนความช่วยเหลือทางทหาร แต่ยังตกลงกันไม่ได้ โดยยูเครนต้องการหลักประกันด้านความมั่นคงเป็นการแลกเปลี่ยน ขณะที่เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ แย้งว่า การที่สหรัฐฯ เป็นเจ้าของทรัพยากรดังกล่าว ก็ถือเป็นหลักประกันความมั่นคงอย่างหนึ่ง
นอกจากนี้ในวันพุธ ยูเครนและรัสเซียปล่อยตัวเชลยสงครามของแต่ละฝ่ายรวมเป็น 372 คน ซึ่งเป็นการปล่อยตัวครั้งใหญ่ที่สุดครั้งหนึ่งนับจากรัสเซียเริ่มเปิดฉากสงคราม และแม้กำลังมีความพยายามเจรจาทางการทูต แต่กองทัพยูเครน เปิดเผยว่า รัสเซียส่งโดรน 145 ลำ โจมตียูเครน โดยสกัดไว้ได้ 72 ลำ ส่วนรัสเซียอ้างว่า ทำลายโดรนของยูเครนได้ 57 ลำ