นายกฯ แจงปมชั้น 14 ลั่นต่อให้ก้าวไกลเป็นรัฐบาล “ทักษิณ” ก็กลับ

25 มีนาคม 2568 นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ลุกขึ้นชี้แจงฝ่ายค้านในการอภิปรายไม่ไว้วางใจ หลัง นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน อภิปราย ถึงกรณีชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ โดยเห็นว่า นายรังสิมันต์ และตนเห็นต่างกัน เพราะนายรังสิมันต์ เคยเคลื่อนไหวกับกลุ่มพันธมิตรในจังหวัดภูเก็ต และตนเชื่อว่า นายรังสิมันต์ จะไม่ใช้อารมณ์ความรู้สึกในวันนั้นมาอภิปรายในวันนี้

นางสาวแพทองธาร ยังชี้แจงต่อสภาผู้แทนราษฎรในฐานะลูกสาวคนหนึ่งว่า ตั้งแต่วันที่นายทักษิณกลับมาประเทศไทย จนถึงวันที่ออกจากโรงพยาบาลชั้น 14 ตนก็ยังไม่ได้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี จึงไม่มีอำนาจในการสั่งการใด ๆ กับข้าราชการ แต่นายรังสิมันต์ กลับอภิปรายเชื่อมโยง จงใจอภิปรายเหมือนกับว่า ในขณะนั้น ตนเป็นนายกรัฐมนตรีไปแล้ว
นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี

นางสาวแพทองธาร ยังเชื่อว่า ไม่มีลูกคนใด อยากเห็นความอยุติธรรมเกิดขึ้นกับพ่อของตนเอง และในรอบ 20 ปีที่ผ่านมาในสังคมไทยคงทราบดีถึงความยากลำบากที่ตน และประชาชนประสบ
 

หากจะหาใครสักคน ที่จะแบกรับความอยุติธรรมมากที่สุดคนหนึ่ง นายทักษิณ คือหนึ่งในจำนวนนั้น เพราะทั้งถูกยึดอำนาจ ถูกกระทำทางการเมือง ถูกยึดทรัพย์ ถูกลอบสังหารหลายรอบ ต้องพลัดพรากจากครอบครัว เป็นความเจ็บปวด และวันหนึ่งถ้าคุณพ่อจะมีโอกาสได้กลับบ้าน และที่ผ่านมาตลอด 20 ปี ตนไปเยี่ยมนายทักษิณตลอดทุกเดือน ระหว่างตั้งครรภ์ ยังต้องอุ้มท้องไปเยี่ยมนายทักษิณในช่วงโควิด-19 ที่มีทั้งความเสี่ยงในการเดินทาง
 

ส่วนกรณีที่ นายรังสิมันต์ กล่าวหาที่นายทักษิณได้กลับมา เพราะมีการดีลกับปีศาจ ผ่านการจัดตั้งรัฐบาลชุดนี้นั้น นายกรัฐมนตรี ยืนยันว่า ไม่เป็นความจริง 100% เพราะเป็นการตัดสินใจของนายทักษิณ และตนในฐานะลูก ก็ไม่อยากให้นายทักษิณกลับมาติดคุก ซึ่งตนก็เคยบอกว่า ไม่ต้องกลับมาก็ได้ เพราะอยู่เมืองนอกก็เจอกันได้ แต่นายทักษิณ ตัดสินใจที่จะกลับมาใช้ชีวิตในแผ่นดินไทย

พร้อมยังได้เล่าย้อนไปถึงการจัดตั้งรัฐบาลว่า หากพรรคก้าวไกล สามารถนำจัดตั้งรัฐบาลได้ และพรรคเพื่อไทย เป็นพรรคร่วมรัฐบาล นายทักษิณ ก็ต้องกลับมาอยู่ดี ไม่ว่ารัฐบาลนั้น จะจัดตั้งโดยใคร นายทักษิณ ก็ยังคงกลับประเทศ เพราะเป็นความตั้งใจของนายทักษิณ

ส่วนเรื่องกระบวนการขอพระราชทานอภัยโทษนั้น นายกรัฐมนตรี ยืนยันว่า เป็นสิทธิของผู้ต้องคดีความ ซึ่งมีขั้นตอนกระบวนต่าง ๆ ซึ่งตนเองไม่ขอก้าวล่วง

นายกรัฐมนตรี ยังชี้แจงถึงข้อกล่าวหานายทักษิณ ป่วยทิพย์ โดยระบุว่า เมื่อแพทย์วินิจฉัยว่า นายทักษิณมีอาการป่วย ต้องรักษาตัวที่โรงพยาบาลตำรวจ ก็คือคำตอบที่ชัดเจนแล้ว เพราะหากตนเป็นผู้ยืนยันว่า นายทักษิณป่วย ก็ต้องไม่มีใครเชื่อ หรือแต่เมื่อแพทย์เป็นผู้วินิจฉัยแล้ว ฝ่ายค้านก็ยังไม่เชื่อ ซึ่งตนก็ไม่ทราบเช่นกันว่า จะต้องอธิบายอย่างไร แต่ขณะนี้ มีการยื่นเรื่องตรวจสอบต่อแพทยสภา ซึ่งเชื่อว่า ผลสรุปจะออกมาในไม่ช้า และหวังว่า ฝ่ายค้านจะยอมรับ

ส่วนกระบวนการตรวจสอบกรณีของนายทักษิณในหน่วยงานต่าง ๆ นั้น นายกรัฐมนตรี ยืนยันว่า ตนเองในฐานะลูก ก็มีห่วงใย แต่ในฐานะนายกรัฐมนตรี ตนไม่เคยใช้อำนาจหน้าที่ไปแทรกแซงก้าวก่ายหน่วยงานใด ๆ และขอฝ่ายค้านอย่าดูถูกข้าราชการ และกระบวนการราชการไทย เพราะยุคปัจจุบันทุกอย่างสามารถตรวจสอบได้
 

ย้ำภูมิใจเป็นลูกสาวทักษิณ – เมินฝ่ายค้านตะเพิดพ้นตึกไทย
 

นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวถึงกรณีที่ตลอดการอภิปราย สส.ฝ่ายค้าน เรียกร้องให้ลาออกจากความเป็นนายกรัฐมนตรีว่า ถือเป็นสิทธิที่ สส.สามารถทำได้ แต่ก็ไม่มีใครที่จะสามารถมาบอกให้ตน การลาออกจากความเป็นลูก และความเป็นแม่ได้ พร้อมยืนยันว่า ในฐานะนายกรัฐมนตรี ตนเป็นนายกรัฐมนตรีที่พร้อมทำงานให้กับทุกคน ทุกกลุ่ม ทุกจังหวัด ทุกที่ และพร้อมจะทำหน้าที่อย่างสุดความสามารถ และในฐานะลูกสาว ที่ตนเป็นลูกสาวของนายทักษิณ ตนเองสามารถพูดได้อย่างภาคภูมิใจ ดังนั้น ตนเองจะขอพิสูจน์ความสามารถ และความตั้งใจการทำงาน ทำหน้าที่อย่างเต็มที่ในฐานะนายกรัฐมนตรีของคนไทยทุกจังหวัด ทุกพื้นที่ หากฝ่ายค้านจะวิพากษ์วิจารณ์ ก็ขอให้วิจารณ์เรื่องการทำงาน ซึ่งจะเป็นประโยชน์กว่า

ทั้งนี้ นายรังสิมันต์ ได้ใช้สิทธิถูกนายกรัฐมนตรีกล่าวหาเป็นกลุ่มพันธมิตรจังหวัดภูเก็ต โดยยืนยันว่า ชั่วชีวิตของตนไม่เคยเข้าร่วมกลุ่มพันธมิตร ไม่ว่าทั้งกรุงเทพฯ หรือภูเก็ต และไม่เห็นด้วยกับอุดมการณ์ของพันธมิตร หรือคนเสื้อแดง เพราะตนก็ไม่ได้เห็นด้วยกับนายทักษิณหลายเรื่อง ดังนั้น ตนเองจึงเป็นตัวเอง และหากพรรคก้าวไกลได้เป็นรัฐบาล ก็ยืนยันว่า นายทักษิณ จะไม่ได้รับสิทธิพิเศษใด ๆ อย่างแน่นอน

ขณะที่ นายกรัฐมนตรี ได้ขอบคุณที่นายรังสิมันต์ชี้แจง พร้อมระบุว่า ตนพร้อมรับข้อมูลใหม่ ๆ เสนอ และนายรังสิมันต์ จะได้เข้าใจว่า การถูกเข้าใจผิดมันเป็นเช่นไร