25 มีนาคม 2568 ที่อาคารรัฐสภา น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล สส.บัญชีรายชื่อพรรคประชาชน อภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ว่า ขอบคุณที่ทำให้คนทั้งประเทศตาสว่างว่า รัฐบาลเพื่อไทยไม่ได้เก่งกาจด้านเศรษฐกิจ ความสำเร็จในอดีตที่ได้มาเพราะที่โชคช่วย ไม่เห็นเหมือนในโฆษณาว่า เก่งด้านเศรษฐกิจ เอาเข้าจริงบริหารได้ย่ำแย่
ทั้งนี้ ความผิดพลาดล้มเหลวในการบริหารของ น.ส.แพทองธาร คือ ทำให้คนคิดถึง พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา อดีตนายกรัฐมนตรี ตอนนี้เดือดร้อนทุกหย่อมหญ้า ตั้งแต่เกษตรกรยันผู้ประกอบกร ปัญหาเฉพาะหน้าแก้ไม่ได้ ปัญหาโครงสร้างก็ไม่เคยพูดถึงอย่างจริงจัง
โดยชนชั้นแรกที่ถูกแจกความสิ้นหวังอย่างเท่าเทียมคือ เกษตรกร เมื่อสักครู่ที่รัฐมนตรีขึ้นมา ก็เห็นได้ว่า เรามีรัฐมนตรีแบบนี้หรือ ที่คอยส่งข้อมูลให้นายกรัฐมนตรี ทำให้นายกฯ ไม่ทันข้อมูล เพราะโดนรัฐมนตรีหลอกว่า ราคาสินค้าเกษตรทุกอย่างยังดี
"มันจบแล้วรัฐบาลเพื่อไทย ที่ไม่สนไม่แคร์ผ่านเสียงหลักของตนเอง น.ส.แพทองธาร สัญญาว่าจะเข้ามาแก้ปัญหาค่าครองชีพ ให้คนไทยมีกินมีใช้ แต่หลังจากบริหารได้ 6 เดือน ประชาชนกลับบอกว่า ด้วยปัญหาค่าครองชีพสูง คนไม่กล้าจับจ่ายใช้สอย กำลังซื้อในประเทศไม่ขยายตัว เป็นเรื่องแรกที่ประชาชนกังวล"
น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล สส.บัญชีรายชื่อพรรคประชาชน
น.ส.ศิริกัญญา กล่าวต่อว่า นอกจากข้าวของที่แพงขึ้น ยังมีค่าไฟที่เพิ่มขึ้น ซึ่งนายกฯ ก็บอกกับพ่อให้ไปพูดในเวทีต่างๆ ว่า จะลดแน่ๆ เหลือ 3.70 บ้าง เหลือ 3.50 บ้าง ทั้งหมดเป็นราคาคุย แต่ไม่กล้าแตะทุนพลังงาน ส่วนที่เหลือก็ไม่รู้ไปฟังใครเขาหลอกมา ที่เกิดขึ้นแน่ๆ คือไม่ลด แต่เพิ่มแน่ๆ คือมีสิทธิ์ได้ควักกระเป๋าตังค์จ่ายค่าไฟเพิ่ม จากดีลต่างๆ ที่เกิดขึ้นในรัฐบาลนี้
นอกจากนี้ยังมีอีกสาเหตุหนึ่งคือ รายได้คนไม่เพิ่ม ไม่พอกับค่าครองชีพ การที่มาบอกเกี่ยวกับเรื่อง GDP ชาวบ้านเขาไม่ได้รู้เรื่อง เพราะเงินในกระเป๋าไม่ได้เพิ่มไปด้วย และไม่เคยพูดว่า จะเพิ่มรายได้เพิ่มเงินในกระเป๋าให้ประชาชนอย่างไร มัวแต่สนใจแต่ GDP
"กี่ครั้งกี่หนแล้วที่ แพทองธาร พร่ำเพ้อพูดถึงค่าแรงขั้นต่ำ แต่มันคือสัญญาลมๆ แล้งๆ ที่รู้อยู่แก่ใจว่าทำไม่ได้ ที่พูดตามที่ต่างๆ ค่าแรง 400 บาทได้แน่ๆ แต่เอาเข้าจริงประกาศออกมาแทบช็อก 400 บาท ได้จริงๆ แค่ 4 จังหวัดกับ 1 อำเภอ แล้วจะสัญญาเพื่อ? โกหกหลอกลวงกันล้วนๆ
"โกหกตอนหาเสียงยังพอให้อภัย แต่นี่มีอำนาจในมือแต่ยังทำไม่ได้ ก็ยังจะมาหลอกประชาชนไปเรื่อยๆ เป็นนายกฯ ก็ทำไม่ได้ มีนายก 2 คนก็ยังทำไม่ได้ฯ นี่เป็นการหลอกประชาชนไปเรื่อยๆ ทำลายความหวังครั้งแล้วครั้งเล่า เพื่อผลประโยชน์ทางการเมือง"
น.ส.ศิริกัญญา กล่าวต่อว่า รัฐบาลที่ผู้นำประเทศที่บอกว่า ต้องการสร้างโอกาสให้กับประชาชน ตอนนี้ก็ยังไม่ลงมือทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน ใช้วิธีการแก้ปัญหารายวันขายผ้าเอาหน้ารอด ทำให้เศรษฐกิจไทยตอนนี้ดีสุดๆ แล้วใครจะบอกว่าไม่ดี ตนว่าไม่ใช่แต่ต่อจากนี้ ไปจะแย่ลงเรื่อยๆ ซึ่งคณะกรรมการนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจก็คงต้องทำต่อ ทั้ง นโยบายดิจิทัลวอลเล็ต ซึ่งการจ่ายเงิน 2 เฟส ที่ผ่านมา ก็เห็นแล้วว่ามันล้มเหลว การบริโภคไม่กระเตื้อง GDP ไม่กระตุก แต่ก็ยังทำต่อ และเริ่มมีตัวเลขแล้วว่า จะกระตุ้นเศรษฐกิจได้เท่าไหร่ และลดกลุ่มคนที่ได้รับสิทธิ์ เหลือเพียงแค่ 2.7ล้านคน กลุ่มคนอายุ 16- 20 ปี เรียกว่าเป็นนโยบายประชานิยมยังไม่ได้เลย กระตุ้นเศรษฐกิจไม่ขึ้น กระตุ้นความนิยมก็ไม่ขึ้นเช่นเดียวกัน
ขณะที่การกระตุ้นเศรษฐกิจด้านอื่นๆ ทั้งด้านการท่องเที่ยว ด้านการลงทุน แต่ถึงจะเปลี่ยนนายกฯ นโยบายเศรษฐกิจก็ยังเหมือนเดิม แม้จะรู้แล้วว่าไม่ได้ผล แต่ยังคงใช้วิธีการเดิม วันนี้มองไม่เห็นภาพเลยว่า รัฐบาลมีแผนอย่างไร
"การบริหารประเทศแบบเด็กเล่นขายของไม่มีผิด รู้ทั้งรู้ว่าราคาข้าวอยู่ในขาลง ก็ยังเชียร์ให้เกษตรกรทำนาปรัง เพิ่มตลาดก็ไม่ได้หาลงไว้ให้ล่วงหน้า นี่รัฐบาลหรือแก๊งต้มตุ๋นประชาชน"
ทั้งนี้ รัฐบาลเมื่อหมดบุญเก่า ก็นำนโยบายเก่ามานำเสนอใหม่ เพื่อให้คนหลงเชื่ออีกครั้ง แต่รอบนี้คนไม่หลงกลแล้ว นอกจากจะขุดเอาของเก่ามาขาย ก็ยังมีความฝันว่าจะไปถึงดวงดาว แต่ก็ไปได้แค่ยอดมะพร้าวเพราะมือไม่ถึง จะมี 1 คนที่ขายฝันคือพ่อนายกฯ ที่จะมาพูดอะไรล้ำๆ วาดฝันว่า เศรษฐกิจไทยจะพุ่งขึ้นพาไกลไปจนถึงดวงดาว ตอนนี้ก็เป็นการขายฝันกันต่อ เกือบลืมไปแล้วว่า ดิจิทัลวอลเล็ตครั้งแรก จะแจกเป็นเงินดิจิทัล ที่มีบล็อกเชนอยู่เบื้องหลัง วันก่อนพ่อนายกฯ พูดก็นึกขึ้นได้ว่าดิจิทัลวอลเล็ต เปลี่ยนรูปแบบวิธีการไปจนจำเค้าเดิมไม่ได้
โดย นายทักษิณ ชินวัตร เล่าว่า ที่ผิดแผนเพราะแบงค์ชาติบอกว่าทำไม่ได้ ที่เคยคิดไว้ว่า ไม่ต้องเตรียมเงินไว้ล่วงหน้า ค่อยไปหาเงินมาใช้หนี้ทีหลังทำไม่ได้ เพราะติด พ.ร.บ.เงินตรา ก็เลยพับแผนแจกเป็นเงินสด แต่ก็ยังไม่ล้มเลิกความพยายามว่า ดิจิทัลวอลเล็ต จะต้องเป็นคริปโตเท่านั้น ไม่ใช่กระเป๋าเงินทั่วไป จึงมีไอเดียเพิ่มเติมเรื่อง สเตเบิลคอยน์ และสั่งรัฐมนตรีกระทรวงการคลัง ให้รับไอเดียนี้ไปศึกษา
น.ส.ศิริกัญญา ยังกล่าวต่อว่า ที่แบงค์ชาติรีรอไม่ยอมลดดอกเบี้ย เป็นเพราะความโลเลของนโยบายรัฐบาล เพราะความไม่แน่นอนของโครงการดิจิทัลวอลเล็ต ที่ทำให้ต้องยืดการลดดอกเบี้ยออกไปก่อน เพราะอาจจะเกิดความเสี่ยงด้านเงินเฟ้อ และถ้าหากไม่มีโอกาสดิจิทัลวอลเล็ต แบงค์ชาติสามารถลดดอกเบี้ยได้อีก 50 สตางค์
ทั้งนี้ ตนไม่คาดหวังการชี้แจงอะไรอีกแล้ว ประชาชนเบื่อจะฟังคำแก้ตัวบิดเบือน และด้อยค่าประชาชน บางทีเผลอด้อยค่าฝ่ายค้าน ไม่ต้องยกตัวเลขนู่นนี่ว่า เศรษฐกิจดี ตลาดหุ้นมีพื้นฐาน ไม่อยากฟังคำแก้ตัวเราให้เวลาให้โอกาสมามากพอแล้ว
"แม้ในเวลานี้คลื่นลมยังไม่ปั่นป่วนมาก ท่านยังทำให้วิบัติได้ขนาดนี้ พายุหมุนทางเศรษฐกิจของแท้กำลังจะมาแล้ว คลื่นลมจะสูงแรงและปั่นป่วนมาก ถ้าเราอยากให้เศรษฐกิจรอดได้ อยากให้ประเทศรอดได้ อยากให้ประชาชนรอดได้ เราไม่สามารถที่จะมีผู้นำประเทศแบบนี้ได้จริงๆ ไม่สามารถอดทนกันต่อไปได้อีกแล้ว ไม่สามารถอยู่ในสภาวะสิ้นหวังแบบนี้ได้อีกต่อไปแล้ว ไม่ยอมเอาอนาคตลูกหลานไปเสี่ยงได้อีกแล้ว และไม่สามารถไว้วางใจ นางสาวแพทองทาน ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรีได้อีกต่อไป" น.ส.ศิริกัญญา กล่าว