19 ธันวาคม 2567 ที่กระทรวงสาธารณสุข นายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด พา นางยุภาภรณ์ เ อายุ 30 ปี ลูกสาว “น.ส.สมหมาย” ผู้เสียชีวิต และ “นางช่วย” ผู้เสียหาย อายุ 84 ปี เข้าพบ ดร.ธนกฤต จิตรอารีรัตน์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณะสุข เพื่อขอให้ตรวจสอบผลการรักษาอย่างละเอียด
นายเอกภพ กล่าวว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 12 พ.ย. ที่ผ่านมา โดย “นางหญิง “ ซึ่งผู้ต้องสงสัย และเป็นลูกสะใภ้ของ “นางช่วย“ ได้ชักชวนให้ “นางช่วย“ ไปตัดผม ก่อนจะมีการให้ “นางช่วย“ ดื่มน้ำอัดลม โดยตอนนั้น “นางช่วย“ ไม่ได้เอะใจอะไร จึงดื่มน้ำอัดลมตามปกติ หลังจากนั้นก็หมดสติไป ก่อนที่จะถูกนำส่งโรงพยาบาล
ในขณะที่ “นางช่วย“ รักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล ระหว่างนั้นวันที่ 14 พ.ย. ผู้ต้องสงสัยได้ชวน “น.ส.สมหมาย” อายุ 63 ปี (ผู้เสียชีวิต) ซึ่งเป็นลูกสาวของ “นางช่วย“ ไปเยี่ยม “นางช่วย“ ที่โรงพยาบาล โดยระหว่างที่ทั้งคู่เดินทางกลับ ผู้ต้องสงสัยได้มีการให้ “น.ส.สมหมาย” ดื่มน้ำเปล่า จนเป็นเหตุทำให้ “น.ส.สมหมาย” หมดสติ โดยไม่ทราบสาเหตุ และต้องเข้ารักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล ประมาณ 11 วันก่อนจะเสียชีวิต ทั้งที่ก่อนหน้านี้ “น.ส.สมหมาย” มีสุขภาพแข็งแรง ปกติดีทุกอย่าง
ส่วน “นางช่วย“ นั้น โชคดีที่รอดชีวิตมาได้ เพราะไม่ได้ดื่มน้ำเยอะ จากเหตุการณ์ที่ “น.ส.สมหมาย” เสียชีวิตนั้น ทางญาติมองว่า ผู้ต้องสงสัยน่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เนื่องจากก่อนหน้านี้ผู้ต้องสงสัย เคยมีการยืมเงิน “นางช่วย“ และ “น.ส.สมหมาย” เป็นจำนวนเงินหลายหมื่นบาท
นายเอกภพ เผยต่อว่า สำหรับสภาพศพของ “น.ส.สมหมาย” ทางครอบครัวพบความผิดปกติ โดยเล็บมือเล็บเท้ามีความเขียวช้ำชัดเจน ถึงแม้ไม่ได้มีการถ่ายภาพไว้ แต่ก็มีประจักษ์พยานที่เห็นหลายคน ก่อนหน้านี้ทางครอบครัวได้มีการยื่นเอกสารขอชันสูตรพลิกศพกับทางโรงพยาบาล แต่ทางโรงพยาบาลได้มีการแจ้งว่า ต้องให้ตำรวจเป็นคนยื่นเรื่องประสานงาน
นอกจากนี้ ยังมีคนเห็นพบวัตถุยาบางอย่าง อยู่ภายในบ้านของผู้ต้องสงสัย และด้วยความกังวลในเรื่องของความปลอดภัย ทางญาติจึงพา “นางช่วย“ มาขอความช่วยเหลือกับทางเพจสายไหมต้องรอด
ส่วนตัวตนคาดว่า ทางโรงพยาบาลคงมีการเก็บผลเกี่ยวกับการเสียชีวิตของ “น.ส.สมหมาย” และผลการตรวจร่างกายของ ”นางช่วย”ไว้ ตนจึงตัดสินใจประสานงานกับทางกระทรวงสาธารณสุขให้ช่วยตรวจสอบผลการรักษาอย่างละเอียด
สำหรับผู้ต้องสงสัยนั้น ขณะนี้ยังลอยนวลพักอาศัยอยู่ที่บ้านพักใน ม.3 ตำบลบางชัน อ.ขลุง จ.จันทบุรี โดยที่ยังไม่มีการดำเนินคดีใด ๆ จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ ทำให้คนในชุมชนรู้สึกหวาดกลัว เนื่องจากมีการใช้แท็งค์น้ำเดียวกันทั้งหมู่บ้าน ถ้าหากมีใครที่ไปกระทำการให้ผู้ต้องสงสัยไม่พอใจ อาจจะมีการกระทำในลักษณะนี้อีกหรือไม่
โดยพฤติกรรมของผู้ต้องสงสัยรายนี้ ตนมองว่า เหตุการณ์คล้ายกับคดีดังอย่าง "แอม ไซยาไนด์" เนื่องจากพบยาบางอย่างอยู่ภายในบ้านของผู้ต้องสงสัย และถ้าหากตรวจสอบและพบความผิดปกติจริง ภายใน 1-2 วันนี้ ตนและทีมงานก็จะลงตรวจสอบพื้นที่ในที่เกิดเหตุ
ขณะที่ ”นางช่วย” ผู้เสียหาย เผยว่า วันเกิดเหตุ นางหญิง (ผู้ต้องสงสัย) ซึ่งเป็นลูกสะใภ้ของตน ได้ชักชวนให้ตนไปร้านตัดผม จากนั้นก็ได้มีการให้ตนดื่มน้ำอัดลม และด้วยความที่ตนกระหายน้ำ และไม่ได้เอะใจอะไร จึงดื่มเข้าไปได้ประมาณครึ่งแก้ว กระทั่งตนหมดสติล้มลง ก่อนหน้านี้ตนมีร่างกายที่แข็งแรง ไม่เคยเจ็บป่วย แต่พอโดนยาตัวนี้ไป ตอนนั้นร่างกายของตนแย่ไปหมด ไม่ปกติ หมดแรงง่าย
สำหรับผู้ต้องสงสัย ตนยอมรับว่า ก่อนหน้านี้ผู้ต้องสงสัยเคยมายืมเงินตน เป็นจำนวนเงิน 5 หมื่นบาท และทองอีก 1 บาท ซึ่งตนก็เคยทักทวงเรื่องหนี้มาสักระยะหนึ่ง แต่ทางลูกสะใภ้ก็บอกว่า ไม่มีเงินให้ และได้ให้เงินตนมาเพียง 500 บาท
ด้าน น.ส.ยุภาภรณ์ ลูกสาวผู้เสียชีวิต เผยว่า เมื่อวันที่ 14 พ.ย.ที่ผ่านมา นางหญิง (ผู้ต้องสงสัย) ได้ชักชวนให้แม่ตนไปเยี่ยม ”ยายช่วย” ที่โรงพยาบาล ระหว่างที่ทั้งคู่กำลังเดินทางกลับบ้าน ผู้ต้องสงสัยได้ซื้อน้ำให้แม่ตนดื่ม ตนไม่ทราบว่าดื่มไปมากน้อยแค่ไหน จากนั้นแม่ก็หมดสติ ก่อนจะนำส่งโรงพยาบาล รักษาตัวอยู่ 11 - 12 วัน กระทั่งเสียชีวิต ในวันที่ 25 พ.ย. ที่ผ่านมา ยืนยันว่า แม่ของตนมีสุขภาพร่างกายแข็งแรง ไม่มีโรคประจำตัวแต่อย่างใด และเท่าที่ทราบก่อนหน้านี้ ผู้ต้องสงสัยก็เคยมีการยืมเงินแม่และยายของตน เป็นจำนวนเงินรวมกันหลายหมื่นบาท
นอกจากนี้ยังสังเกตเห็นว่า หลังจากที่แม่เสียชีวิต สร้อยทองจำนวน 3 บาท และเงิน 10,000 บาทของแม่ก็หายไป ซึ่งทรัพย์สินในส่วนนี้แม่พกไปในวันเกิดเหตุ ก่อนที่จะหมดสติและนำตัวส่งโรงพยาบาล
สำหรับสาเหตุการเสียชีวิตนั้น ทางแพทย์ยังไม่ได้มีการแจ้งชัดเจนว่า เสียชีวิตจากสาเหตุใด หลังจากนี้จะต้องให้ทางเจ้าที่ตำรวจ เป็นคนไปดำเนินการขอเอกสารในเรื่องชันสูตรพลิกศพของแม่ตน หลังเกิดเหตุตนได้มีการไปแจ้งความไว้ที่ สภ.เกาะเปริด จ.จันทบุรี ขณะนี้อยู่ระหว่างตรวจสอบ
ด้าน ดร.ธนกฤต กล่าวว่า กรณีนี้ นายเอกภพ ได้ประสานมาว่า มีลักษณะคล้ายกับ 'แอม ไซยาไนด์' เกี่ยวกับเรื่องการถูกวางยา ซึ่งตนขอให้ตรวจสอบให้ชัดเจนกว่านี้ และขณะนี้พบสิ่งที่ไม่เป็นปกติว่า มีสารบางอย่างเข้าสู่ร่างกาย แต่ตนขอรอเอกสารยืนยันอย่างเป็นทางการ โดยเรื่องนี้มี 2 ส่วนคือ มีคนเสียชีวิตและสารที่พบ จะเป็นสิ่งที่ทำให้เกิดเกิดการเสียชีวิตได้หรือไม่
ทั้งนี้ทราบว่า คุณยายถูกให้ดื่มน้ำอัดลม ที่ผสมสารตัวเดียวกับลูกสาว แต่น่าจะมีปริมาณน้อยจึงทำให้คุณยาย ไม่เกิดผลต่อร่างกายจึงทำให้เกิดการเสียชีวิต และย้ำว่าต้องรอผลการตรวจสอบสารดังกล่าว ซึ่งจะได้ทราบว่าเป็นสารชนิดไหนกันแน่ และในสัปดาห์หน้า น่าจะมีความคืบหน้าในเรื่องนี้ ซึ่งหากการลักลอบนำสารมาใช้จนทำให้เกิดการเสียชีวิต จะทำให้มีโทษฐานฆ่าคนตาย และการใช้สารที่ทำให้คนตายต้องดูว่า มีการไตร่ตรองก่อนหรือไม่ ซึ่งมีโทษสูงสุดถึงประหารชีวิต และอย่างกรณีนี้หากมีการกระทำจริงจะเข้าข่ายพยายามฆ่า
นอกจากนี้ หากเป็นคดีอาญาตำรวจรับเรื่อง ญาติสามารถยื่นเรื่องต่อกระทรวงยุติธรรม เพื่อขอรับเงินเยียวยาทั้งกรณีการเสียชีวิต และคุณยายที่ถูกให้ดื่มสาร นอกจากนี้ต้องตำรวจต้องขยายผลเอาผิดว่า เป็นสารต้องห้ามหรือไม่ หากพบว่าผิดกฎหมายต้องมีการดำเนินการ ทั้งผู้ที่จำหน่าย และผู้ที่ซื้อ อย่างไรก็ตามหลังจากนี้จะประสานสาธารณสุขจังหวัดจันทบุรี และตำรวจเพื่อตรวจสอบแหล่งน้ำในชุมชนด้วย