19 ธันวาคม 2567 พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ( ผบ.ตร.) ยืนยันว่า ได้เซ็นสำนวนส่งมอบคดียิง สจ.โต้ง ให้กองบังคับการปราบปราม เป็นผู้รับผิดชอบในทุกมิติ รวมทั้งการเชิญผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งสองฝ่ายมาให้ปากคำ ไม่ว่าจะเป็น สจ.จอย หรือคนติดตาม สจ.โต้ง ในวันเกิดเหตุ รวมทั้งบุคคลที่เกี่ยวข้องในบ้านทั้งหมด หรือหากขยายผลพบบุคคลใดมีส่วนกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น กองบังคับการปราบปราม ก็จะดำเนินการทั้งหมด
โดย พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ กล่าวถึงผลตรวจทางนิติวิทยาศาสตร์ว่า เป็นประโยชน์ต่อรูปคดี แต่ไม่ขอเปิดเผยรายละเอียดว่า ใครมีคราบเขม่าดินปืน ต้องรอรายงานชัดเจน แต่ย้ำว่ามีประโยชน์ต่อรูปคดีมาก
ส่วนที่ นายสันธนะ ประยูรรัตน์ อดีตำรวจสันติบาล ติงการทำงานของตำรวจว่า ด่วนสรุปสาเหตุเกิดขึ้นจากปมการเมือง อีกทั้งบิดาของ พล.ต.ท.ยิ่งยศ เทพจำนงค์ รรท.ผบช.ภ.2 มีสายสัมพันธ์กับพรรคเพื่อไทย จะทำให้เกิดการชี้นำหรือธงในการตั้งประเด็นเอาผิดกับฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง มองว่าเป็นการสันนิษฐานขั้นต้นของการทำงานของตำรวจอยู่แล้ว ที่มีการตั้งสมมุติฐานว่าเหตุการณ์ดังกล่าวจะเป็นอย่างไร แต่ก็มีกระบวนการในตรวจพิสูจน์หลักฐานรวมทั้งตัว พล.ต.ท.ยิ่งยศ ก็ลงพื้นที่และสั่งการด้วยตนเองตั้งแต่วันแรกไม่ใช่เรื่องแปลก
ผบ.ตร.กล่าวว่า การมอบหมายงานหลังจากโอนสำนวนให้กองปราบฯ ว่ามี พล.ต.อ.ธนา ชูวงศ์ รอง ผบ.ตร.กำกับดูแลในฐานะรับผิดชอบหน้างานสืบสวนสอบสวน ส่วน พล.ต.ท.อัคราเดช พิมลศรี ผช.ผบ.ตร.ที่ดูแลคดีมาตั้งแต่ต้น ก็จะพิจารณาว่าจะให้ดูแลต่อเนื่องหรือไม่ ส่วนที่มีข้าราชการตำรวจเข้าไปเกี่ยวข้องกับคดี ทั้งในฐานะพยานหรือคนติดตาม หรือเข้าไประงับเหตุ ตอนนี้ได้สั่งการ ให้ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดปราจีนบุรี ตรวจสอบข้อเท็จจริงว่า
มีส่วนในการกระทำผิดหรือไม่ ต้องให้ความเป็นธรรม เพราะยังไม่ปรากฎหลักฐานชัดเจน แตกต่างจากตำรวจ สน.ทองหล่อ ที่ยิงปืนขึ้นฟ้าข่มขู่ประชาชนชัดเจน สามารถลงโทษได้ทันที มองว่าล่าช้าหรือไม่ย้ำว่าก็ต้องให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย หากผิดจริงก็ไม่มีการละเว้นแน่นอน
ผบ.ตร.กล่าวว่า จากนี้จะมีการเรียกตำรวจระดับ ผู้บัญชาการแต่ละภาค และ บช.ก. มาเน้นย้ำกำชับเรื่องการป้องกัน และเฝ้าระวังการก่อเหตุรุนแรงในช่วงที่มีการเลือกตั้งท้องถิ่น เพื่อไม่ให้เกิดเหตุซ้ำปราจีนบุรีโมเดล
ตร. ค้น 2จุด ธุรกิจรองฯ อุ๊ หาอาวุธปืน-ความเชื่อมโยง คดี สจ.โต้ง
ขณะที่เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา ชุดสืบสวนกองปราบฯ และสืบสวนภาค2 และปราจีนบุรี เข้าไปตรวจค้นเป้าหมายสำคัญคือ กิจการของรองนายกอุ๊ 2 จุด ในจ.ปราจีนบุรี เพื่อหาพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้องเชื่อมโยงกับคดีการสังหาร สจ.โต้ง รวมถึงแนวทางการสืบสวนพบว่า รองนายอุ๊ มีอาวุธปืน มากกว่า 10 กระบอก และมีรายงานว่า ผลการตรวจพิสูจน์ของพิสูจน์หลักฐานร่องรอยวิถีกระสุน ในเบื้องต้น พบว่า มีอาวุธปืนที่ใช้ยิงเข้าไปในบ้านของโกทร รวมทั้งหมด 3 กระบอก
โดยนอกจากอาวุธปืนในที่เกิดเหตุของฝั่งผู้ต้องหา 8 กระบอก ตำรวจได้ตรวจยึดอาวุธปืนของตำรวจที่ติดตามดูแล สจ.โต้ง ทั้ง 4 คนไปตรวจสอบแล้ว เหลือของฝั่งรองนายกอุ๊ ที่ยังอยู่ระหว่างการเร่งติดตามมาทำการตรวจสอบว่า ตรงกับวัตถุพยานและร่องรอยวิถีกระสุนดังกล่าวหรือไม่ รวมถึงต้องติดตามตัวรองนายกอุ๊ มาทำการสอบปากคำเพิ่มเติมด้วย
เป้าหมายสำคัญคือ อู่ซ่อมรถแห่งหนึ่งในพื้นที่ ต.บางพระ อ.เมืองปราจีนบุรี ซึ่งแนวทางการสืบสวนพบว่า อู่ดังกล่าว มี รองนายกอุ๊ เป็นหุ้นส่วนของบริษัท โดยตำรวจตรวจค้นพื้นที่โซนสำนักงาน รวมถึงถอดเซิร์ฟเวอร์กล้องวงจรปิด ภายในสำนักงานและโดยรอบพื้นที่ของอู่แห่งนี้ เพื่อตรวจยึดไว้มาทำการตรวจสอบด้วย โดยผลการตรวจค้นไม่พบสิ่งผิดกฎหมาย เอกสารที่เกี่ยวข้องกับคดี รวมถึงไม่พบตัวของรองนายกอุ๊
นายกิตติ์ชญา ผู้จัดการของบริษัทฯ บอกว่า ในส่วนของรองนายกอุ๊ ตนเก็เห็นเข้ามาหลายเดือนแล้ว และปกติไม่ค่อยได้เข้ามา ส่วนใหญ่จะเข้ามาเอารถมาขัดสี และปกติ รองนายกอุ๊ จะเข้ามา แล้วเอารถมาจอดไว้ แล้วกลับ ไม่ได้นั่งพูดคุยกับเจ้านาย ทำรถเสร็จก็โทรแจ้ง บางทีก็ให้ลูกน้องมารับ แต่ส่วนมากจะให้ลูกน้องมารับรถมากกว่า ส่วนเจ้าของอู่ มีความสัมพันธ์ยังไงกับรองนายกอุ๊นั้น ตนเองไม่ทราบเช่นกัน เพราะไม่กล้าถามเรื่องเจ้านาย โดยทุกครั้งที่รองนายกอุ๊ เข้ามาใช้บริการก็จะเป็นเหมือนลูกค้าปกติ ปีละครั้งสองครั้ง และจะจ่ายเงินเป็นเงินสด
“
ส่วนอีกจุดที่ตำรวจเข้าตรวจค้นคือ บริษัทรับเหมาก่อสร้างแห่งหนึ่ง ในตำบลเกาะลอย อำเภอประจันตคาม โดยพบข้อมูลว่า เคยร่วมทำธุรกิจก่อสร้างด้วยกันกับรองนายกอุ๊ และเป็นกลุ่มเพื่อนสังสรรค์กัน เจ้าของบ้านชื่อนายอภิชาตที่วันนี้ไม่อยู่ เดินทางไปต่างจังหวัด จากการตรวจค้นพบเอกสาร แต่ไม่เกี่ยวกับคดี สจ.โต้ง ไม่พบอาวุธปืน แต่ได้ตรวจยึดรถยนต์ toyota yaris สีขาวไปตรวจสอบ เนื่องจากทะเบียนรถไม่ตรงกับเลขตัวถัง
นายอภิชาย ให้ข้อมูลผ่านทางโทรศัพท์ ยอมรับว่า เคยเป็นเพื่อนกับรองนายกอุ๊ และได้ทำธุรกิจรับเหมาร่วมกัน แต่โดนโกงเงินประมาณ 2 ล้านบาท ซึ่งพยายามทวงเงินหลายครั้ง แต่รองนายกอุ๊ก็ปฏิเสธ อ้างว่าโครงการที่รับเหมาขาดทุน จึงเกิดการด่าทอกันรุนแรงและตัดขาดความเป็นเพื่อนมานานเกือบ 2 ปี แล้ว