ปปง.ยัน 8 พันล้านที่ "โค้ชแลป" ดิไอคอน โยกย้ายทางใต้ดิน สามารถตามเอาผิดได้

18 ตุลาคม 2567 นายวิทยา นีติธรรม ผู้อำนวยการกองกฎหมาย และโฆษกประจำสำนักงาน ปปง. กล่าวถึงกรณีการยึดทรัพย์ของคดี "ดิไอคอน กรุ๊ป" ว่า ขณะนี้ ปปง. ได้ยึดทรัพย์ไปแล้วกว่า 125 ล้านบาท เป็นของ 18 บอส ส่วนใหญ่เป็นสมุดบัญชี สกุลเงินดิจิตอล และเข้าสู่การตรวจสอบแล้ว (125 ล้าน เป็นคนละส่วนกับรถหรู ที่ บชก. และที่ดิน ที่ดีเอสไอยึดมา ทรัพย์ตรงนั้นยังไม่ส่งให้ ปปง. ) 

ส่วนประเด็นเงินจำนวน 1.5 ล้าน ที่ทาง ปปง. ได้รับรายงานจากสถาบันการเงินว่า พบมีการถอนหลักทรัพย์จำนวนดังกล่าว ออกจากพอตการลงทุนทรัพย์สิน ในตลาดหลักทรัพย์ ของ "บอสปีเตอร์" เมื่อวันที่ 17 ต.ค. ที่ผ่านมานั้น เป็นการตรวจพบความผิดปกติ จากเส้นทางการเงินว่า มีการถอนทรัพย์ออกมาทำเป็นบัญชีซื้อขาย เพื่อเตรียมขายต่อเปลี่ยนเป็นเงินสด

ทันทีที่ตรวจเจอ ปปง.ได้สั่งอายัดธุรกรรมดังกล่าวทันที เพื่อนำมาตรวจสอบ ทำให้ไม่ทราบว่า จะนำไปขายต่อให้ใคร ซึ่งที่ผ่านมาทาง ปปง. ได้ทำงานร่วมกับตำรวจสอบสวนกลาง และกรมสอบสวนคดีพิเศษ พร้อมให้กำชับทางผู้ต้องหาว่า ห้ามยักย้ายทรัพย์ทุกประการ รวมถึงเฝ้าระวังทุกคนที่เกี่ยวข้องสัมพันธ์กับทรัพย์ทั้งหมด 

 

เมื่อถามว่า เงินจำนวน 1.5 ล้าน จะต้องนำไปรวมกับทรัพย์ที่อายัดก่อนหน้านี้ จำนวน 125 ล้านหรือไม่ นายวิทยา กล่าวว่า คนละส่วนกัน แต่กระบวนการจะไม่ต่างกัน เพราะทรัพย์ที่ตรวจพบของบอสปีเตอร์ จะต้องเข้ามาชี้แจงภายใน 30 วัน ว่าเป็นทรัพย์จากส่วนไหน แต่หากชี้แจงไม่ได้ ก็จะตกเป็นทรัพย์ของแผ่นดิน ก่อนจะนำมาเฉลี่ยคืนผู้เสียหาย

 

ส่วนที่เพจสายไหมต้องรอดโพสต์ พบเส้นเงินผิดปกติกว่า 247,911,936 USDT มูลค่ากว่า 8,223 ล้านบาท ถูกโอนออกไปก่อนที่ "โค้ชแลป" ดิไอคอน จะถูกจับเพียง 1 ชั่วโมง นั้น นายวิทยา กล่าวว่า ประเด็นดังกล่าวทาง ปปง. ได้มีการตรวจสอบพบว่า เป็นการทำธุรกรรมนอกกระดาน นอกตาราง หรือใต้ดิน ซึ่งเมื่อถามว่า สามารถตรวจสอบได้หรือไม่ ระบุสามารถตรวจสอบได้ แต่จะมีความซับซ้อน เพราะต้องประสานกับหลายหน่วยงาน และมีความยุ่งยากมากกว่าปกติ เพราะในอดีตเคยมีกรณีแบบนี้เกิดขึ้น ปปง. ก็สามารถตรวจสอบได้ 

ส่วนที่สายไหมต้องรอดออกมาเปิดเผย สามารถนำข้อมูล หรือหลักฐาน มาให้กับทาง ปปง.หรือจะส่งให้กับทางตำรวจสอบสวนกลางก็ได้เพราะทำงานร่วมกัน 

ยืนยันสำหรับสินทรัพย์ดิจิตอล สามารถติดตามได้ เพราะถ้าบริษัทที่อยู่ภายใต้กำกับการจดทะเบียนของ กลต.ยิ่งไม่มีปัญหา เพราะบริษัทเหล่านี้ต้องมารายงานที่เรา แต่ถ้ามีการทำใต้ดินก็สามารถตรวจสอบได้ แต่ขั้นตอนจะยุ่งยากกว่า แต่ก็สามารถตรวจได้ ส่วนเมื่อถามว่า จะมีบุคคลอื่นกระทำความผิดร่วมด้วยหรือไม่ นายวิทยา บอกว่าตอนนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบขออนุญาตยังไม่ตอบประเด็นดังกล่าว