svasdssvasds
เนชั่นทีวี

อาชญากรรม

ศาลสั่งคุกพร้อมปรับ 2 แสน 23 ผู้ต้องหา เป็นนอมินีทุนต่างชาติสีเทาที่ภูเก็ต

คนเดือดร้อนคือคนไทยเจ้าของแผ่นดิน! ศาลสั่งจำคุกพร้อมปรับ 2 แสน 23 นอมินีต่างชาติ เปิดบริษัทบังหน้าการทำผิด กม. ให้ต่างด้าวถือครองอสังหาริมทรัพย์ในภูเก็ต

10 ตุลาคม 2567 ความคืบหน้ากรณีที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ โดยกองคดีความมั่นคง ได้ทำการเข้าตรวจค้นสำนักงานกฎหมายและบัญชีแห่งหนึ่งในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต ซึ่งมีพฤติการณ์กระทำการเป็นเครือข่ายจดทะเบียนบริษัท "นอมินี" ให้ชาวต่างชาติอันเข้าข่ายเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติ การประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ. 2542 

เป็นคดีพิเศษที่ 295/2565 โดยมีนิติบุคคลต้องสงสัย จำนวนกว่า 60 บริษัท คณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษได้สอบสวบสวนรวบรวมพยานหลักฐาน โดยดำเนินคดีกับนิติบุคคลต่างด้าวเป็นรายบริษัท หรือกลุ่มบริษัท และพบว่าสำนักงานกฎหมายและสำนักงานบัญชี เป็นตัวการสำคัญในการกระทำความผิดลักษณะนี้ 

เป็นตัวกลางเกี่ยวพันหลายบริษัทและเป็นผู้รับจ้างจดทะเบียนนิติบคคล รับทำบัญชี รวมถึงให้คำปรึกษาด้านภาษีและใบอนุญาตทำงางาน (work permit) โดยใช้ชื่อคนไทยเป็นนอมินี เข้ามีชื่อเป็นกรรมการหรือผู้ถือหุ้นแทนคนต่างด้าวในหลายบริษัท ทำให้นิติบุคคลต่างด้าวดังกล่าว สามารถประกอบธุรกิจที่ไม่ได้รับอนุญาตและ หรือถือครองอสังหาริมทรัพย์ อันเกิดผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจและความมั่นคงของชาติ 
ศาลสั่งคุกพร้อมปรับ 2 แสน 23 ผู้ต้องหา เป็นนอมินีทุนต่างชาติสีเทาที่ภูเก็ต
 

โดยเฉพาะอย่างยิงธุรกิจการค้าขายอสังหาริมทรัพย์ ที่ใช้วิธีการเปลี่ยนแปลงทางทะเบียนผู้ถือหุ้น แทนการซื้อขายอสังหาริมทรัพย์แบบจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ที่สำนักงานที่ดิน ซึ่งเป็นการหลีกเลี่ยงกฎหมายให้ชาวต่างชาติ สามารถถือกรรมสิทธิ์ที่ดินได้ แล้วยังทำให้รัฐสูญเสียรายได้จากการเก็บภาษีและค่าธรรมเนียมกว่าร้อยละ 10 ของราคาประเมิน หรือคิดเป็นมูลค่ารวมหลายพันล้านบาทต่อปี 

คณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ กองคดีความมั่นคง จึงมีความเห็นควรสั่งฟ้องผู้ต้องหา ทั้งบุคคลธรรมดาชาวไทย ชาวต่างด้าว นิติบุคคลไทย และนิติบุคคลต่างด้าว รวมทั้งสิ้น 23 ราย และส่งข้อมูลนิติบุคคลต่างด้าวที่ครอบครองอสังหาริมทรัพย์ จำนวน 6 ราย ไปยังกรมที่ดิน เพื่อพิจารณาดำเนินการตามอำนาจหน้าที่
ศาลสั่งคุกพร้อมปรับ 2 แสน 23 ผู้ต้องหา เป็นนอมินีทุนต่างชาติสีเทาที่ภูเก็ต  

ต่อมาพนักงานอัยการมีความเห็นสังฟ้อง ตามสำนวนการสอบสวนของคณะพนักงานสอบสอบสวนคดีพิเศษ เป็นคดีหมายเลขดำที่ อ.2643/2567 คดีดังกล่าว ศาลอาญาได้พิพากษาตามคดีหมายเลขแดงที่ อ.2812/2567 เมื่อวันที่ 11 กันยายน 2567 ลงโทษจำคุกจำเลยทั้ง 23 ราย ในความผิดฐานร่วมกันให้ความช่วยเหลือหรือสนับสนุนการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว อันเป็นธุรกิจที่กำหนดไว้ในบัญชีท้ายพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ. 2542โดยคนต่างด้าวไม่ได้รับอนุญาต และฐานเป็นคนต่างด้าวยินยอมให้ผู้มีสัญชาติไทยให้ความช่วยเหลือหรือสนับสนุนการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว ตามพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ. 2542 พิพากษาจำคุก 10 ปี 

แต่จำเลยให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์ต่อรูปคดี จึงลดโทษลงกึ่งหนึ่งคงเหลือโทษจำคก 5 ปี ประกอบกับกับจำเลย ไม่เคยมีประวัติการกระทำความผิดมาก่อน จึงให้รอการลงโทษจำคกไว้มีกำหนด 2 ปี ปรับรายละ 200,000 บาท ให้คุมความประพฤติจำเลย 1 ปี และให้จดทะเบียนเลิกบริษัท หากไม่ปฏิบัติตามคำสั่งให้ชำระค่าปรับล่าข้าข้าวันละ 10,000 บาท ตลอดระยะเวลาที่ฝ่าฝืนคำสั่ง
ศาลสั่งคุกพร้อมปรับ 2 แสน 23 ผู้ต้องหา เป็นนอมินีทุนต่างชาติสีเทาที่ภูเก็ต