คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ยืนยันการพบแมงมุมสันโดษเมดิเตอร์เรเนี่ยน ครั้งแรกในประเทศไทย ซึ่งเป็นแมงมุมมีพิษ ซึ่งนับเป็นชนิดที่ 3 ของประเทศไทย วอนประชาชนอย่าตื่นตระหนก เพราะแมงมุมชนิดนี้ไม่มีนิสัยดุร้าย
นี่คือแมงมุมสันโดษเมดิเตอร์เรเนียน ซึ่งมีสีเหลืองน้ำตาล บางตัวมีสีน้ำตาลเข้มคล้ายไวโอลินที่กลางตัว ขนาดตัวประมาณ 7-7.5 มิลลิเมตร ลำตัวมีลักษณะ แบนเรียวลู่คล้ายลูกศร มีตา 3 คู่ มีขา 4 คู่ โดยทางศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านกีฏวิทยาฯ ภาควิชาชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย นายนรินทร์ ชมภูพวง บอกว่า แมงมุมชนิดนี้จัดอยู่ในกลุ่มแมงมุมที่มีพิษร้ายแรงที่สำคัญของโลก พิษของแมงมุมชนิดนี้ จะส่งผลทำให้เกิดการตายเฉพาะส่วนของเนื้อเยื้อบริเวณที่ถูกกัด แต่จากงานวิจัยในต่างประเทศพบว่าคนที่โดนแมงมุมชนิดนี้กัด มีเพียง 10 เปอร์เซ็นเท่านั้น ที่จะเกิดแผลรุนแรง ซึ่งขึ้นอยู่กับภูมิคุ้มกันของแต่ละคน และการปล่อยพิษจากแมงมุม
ทีมผู้วิจัยศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านกีฏวิทยาฯ ภาควิชาชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้ค้นพบแมงมุมสันโดษเมดิเตอร์เรเนียน ระหว่างการลงพื้นที่สำรวจในถ้ำ พื้นที่โครงการ อนุรักษ์พันธุกรรมอันเนื่องมาจากพระราชดำริ อำเภอไทรโยค จังหวัดกาญจนบุรี โดยการค้นพบครั้งนี้ถือได้ว่าเป็นการค้นพบรายงานแมงมุมเมดิเตอร์เรเนียนครั้งแรกในประเทศไทย
แมงมุมชนิดนี้ มีถิ่นกำเนิดจากประเทศในเขตทะเลเมดิเตอร์เรเนียน และแพร่กระจายในหลายประเทศ เช่น สหรัฐอเมริกา เม็กซิโก ประเทศในแถบยุโรป รัสเซียและออสเตรเลีย สำหรับในเอเชียมีรายงานพบในประเทศจีน ไต้หวั่น เกาหลีและญี่ปุ่น
ทางทีมผู้วิจัยสันนิษฐานว่าแมงมุมชนิดนี้อาจจะเข้ามาอยู่ในประเทศไทยในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ในระหว่างที่มีการขนส่งวัสดุและยุทโธปกรณ์จากญี่ปุ่นมายังไทย โดยใช้ถ้ำนี้เป็นสถานที่เก็บอุปกรณ์ในการก่อสร้างเส้นทางรถไฟสายมรณะ ซึ่งแมงมุมชนิดนี้มีรายงานพบในประเทศญี่ปุ่นก่อนเกิดสงครามโลกครั้งที่ 2
แมงมุมสันโดษ เมดิเตอร์เรเนี่ยน นับเป็นแมงมุมมีพิษชนิดที่ 3 ที่ค้นพบในประเทศไทย ต่อจาก แมงมุมแม่หม้ายสีน้ำตาล และแมงมุมแม่หม้ายหลังเพลิง