svasdssvasds
เนชั่นทีวี

เศรษฐกิจ

เล็งเคาะแจกเงินหมื่นกลุ่มอายุ 50 ปีขึ้นไป 19 พ.ย.นี้

รมช.คลัง แย้มแจกเงินหมื่นเฟส 2 ลุ้นกลุ่มอายุ 50 ปีขึ้นไป รับเงินสดก้อนเดียว เตรียมชงบอร์ดกระตุ้นเศรษฐกิจ 19 พ.ย.นี้

นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า กระทรวงการคลังได้เตรียมหลายมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพื่อเสนอที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจในวันที่ 19 พ.ย.นี้ เพื่อพิจารณา ซึ่งเป็นทั้งมาตรการในระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาว รวมถึงจะมีการหารือเกี่ยวกับความคืบหน้าของโครงการ แจกเงินดิจิทัล 10000 บาท เฟส 2 ด้วย ซึ่งต้องมาดูต่อว่าจะดำเนินการแจกเงินให้กับกลุ่มไหนก่อน

นายเผ่าภูมิ กล่าวต่อว่า สำหรับกรณีที่มีการระบุว่าจะมีการแจกเงินให้กับกลุ่มผู้สูงอายุที่อายุ 60 ปีขึ้นไปนั้น ยอมรับว่ามีความเป็นไปได้ แต่ก็ต้องมาหารือในรายละเอียดอีกครั้ง โดยมองว่ากลุ่มผู้สูงอายุเป็นกลุ่มที่มีความเหมาะสม เพราะเป็นกลุ่มที่มีความเดือดร้อนสูงกว่ากลุ่มอื่นๆ จากความสามารถในการหารายได้ที่ต่ำกว่ากลุ่มอื่นๆ รวมทั้งยอมรับว่ามีความเป็นไปได้ที่จะแจกเป็นเงินสด จำนวน 10,000 บาท ในก้อนเดียว
 

เล็งเคาะแจกเงินหมื่นกลุ่มอายุ 50 ปีขึ้นไป 19 พ.ย.นี้

"จริงๆ ตอนนี้เรามีตัวเลขหมดแล้วว่า คนอายุ 60 ปี ที่เข้าข่ายได้รับเงินมีเท่าไหร่ ซึ่งยอมรับว่ามีจำนวนไม่เยอะ แต่ยังเปิดเผยตัวเลขไม่ได้ เพราะยังต้องรอข้อสรุปจากที่ประชุมคณะกรรมการกระตุ้นเศรษฐกิจก่อนว่าจะออกมาเป็นอย่างไร ส่วนตัวไม่อยากพูดรายละเอียดก่อน เพราะสุดท้ายข้อสรุปอาจจะออกมาว่าแจกคนอายุ 50 ปีขึ้นไปก็ได้ ซึ่งผู้สูงอายุที่จะได้รับเงินในส่วนนี้ก่อนต้องเป็นผู้ที่ลงทะเบียนผ่านแอปพลิเคชัน ทางรัฐ เท่านั้น และคนที่ได้รับเงินไปแล้วในเฟสแรก ซึ่งเป็นกลุ่มเปราะบางก็หมดสิทธิ์ ทั้งนี้จะจ่ายได้ทันภายในปีนี้หรือไม่ หรือจะเป็นต้นปีหน้า ก็คงต้องรอดูความเหมาะสม"

นายเผ่าภูมิ เผยต่ออีกว่า ส่วนกรณีที่ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ระบุว่ารัฐบาลจะดำเนินการแจกเงิน 10000 บาท เฟส 2 ให้กับผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป ได้ในเดือน มี.ค. 68 นั้น ก็ถือเป็นความเห็นหนึ่งที่ต้องรับฟัง โดยต้องรับฟังความเห็นจากทุกฝ่าย

ส่วนผลจากการแจกเงินให้ กลุ่มเปราะบาง 14.5 ล้านราย พบว่าผลออกมาค่อนข้างน่าสนใจ เนื่องจากเป็นกลุ่มที่มีแนวโน้มการใช้จ่ายสูง โดยตัวเลขเศรษฐกิจในไตรมาส 4/2567 คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 4.3 - 4.4% ซึ่งถือเป็นตัวเลขที่ค่อนข้างสูง เป็นผลมาจากหลายปัจจัย โดยหนึ่งในนั้นก็มาจากการกระจายเม็ดเงิน 10,000 บาทของรัฐบาล