svasdssvasds
เนชั่นทีวี

อาหาร

“ดอกบุนนาค” เบ่งบานอีกครั้ง บ้านสุริยาศัย X SARRAN ร่วมถ่ายทอด Thai Soft Power

05 มิถุนายน 2567
เกาะติดข่าวสาร >> NationTV
logoline

บ้านสุริยาศัย และ SARRAN สองแบรนด์ไทยร่วมกันรังสรรค์ “ดอกบุนนาค” ให้พร้อมเบ่งบานอีกครั้งในรูปแบบของ Jewelry ผสมผสานการเล่าเรื่องผ่านอาหารไทยตั้งแต่ครั้งโบราณในสมัยรัชกาลที่ 5 จนถึงรัชกาลปัจจุบัน

อีกครั้งที่ซอฟต์พาวเวอร์ (Soft Power) ของไทย อย่างอาหารไทย และ Jewelry ที่มีเอกลักษณ์ความเป็นไทยแท้หนึ่งในแบรนด์ไทยที่ไปไกลถึงระดับโลก จะถูกปลุกพลังโชว์ศักยภาพความเป็นสยามให้ชาวโลกได้ประจักษ์

“ดอกบุนนาค” เบ่งบานอีกครั้ง บ้านสุริยาศัย X SARRAN ร่วมถ่ายทอด Thai Soft Power

เมื่อ “บ้านสุริยาศัย” แบรนด์ในสายธุรกิจอาหารของกลุ่ม บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) ได้จับมือกับแบรนด์เครื่องประดับชื่อดังระดับโลกอย่าง “SARRAN” ผุดแคมเปญสุดพิเศษ “The Journey” สำหรับลูกค้าที่รับประทานอาหารคอร์สพิเศษในชุด The Journey มีสิทธิ์ที่จะได้ซื้อเครื่องประดับสุดหรู ใน Collection Exclusive “เจริญบุญนาค“ ของ SARRAN ที่มีเพียงไม่กี่ชิ้นบนโลกในราคาสุดพิเศษ

คุณแซม-ไพศาล อ่าวสถาพร

“สำหรับ SARRAN เป็น Jewelry แบรนด์ระดับโลกที่มีเอกลักษณ์ความเป็นไทยแท้ มีผลงานทำให้กับศิลปินระดับโลก อาทิ ลิซ่า BLACKPINK, Alicia Keys ฯลฯ ซึ่งในมุมมองคนยุโรปมองว่าเป็นแนวใหม่ เหมาะกับคอนเซ็ปต์ของบ้านสุริยาศัยที่มีความเป็นไทยโบราณ มีความเป็น Heritage home เก่าแก่ที่มีอายุกว่า 100 ปี จึงเป็นที่มาของ SARRAN และ บ้านสุริยาศัย ร่วมกันจัดแคมเปญพิเศษโดยมีไฮไลท์ คือ “ดอกบุญนาค” เพราะที่มาของบ้านสุริยาศัยของตระกูลบุนนาค ดังนั้น ดอกบุนนาคจะเบ่งบานอีกครั้งในรูปแบบของ Jewelry ผสมผสานไปกับการเล่าเรื่องผ่านอาหารตั้งแต่รัชกาลที่ 5 จนถึงปัจจุบัน ซึ่งทุกท่านจะได้ทราบถึงวิวัฒนาการของอาหารว่าเป็นมาอย่างไร สะท้อนความหมายมิติต่างๆ ผ่านเมนูอาหารสุดพิเศษ” คุณแซม-ไพศาล อ่าวสถาพร กรรมการผู้จัดการ บริษัท บิสโตร เอเชีย จำกัด บริษัทในกลุ่ม บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) เผยถึงแนวคิดของแคมเปญ  The Journey

“ดอกบุนนาค” เบ่งบานอีกครั้ง บ้านสุริยาศัย X SARRAN ร่วมถ่ายทอด Thai Soft Power

โดยความพิเศษในครั้งนี้คือการเล่า 3 เรื่องราวการเดินทางตลอดระยะเวลากว่า 100 ปี ผ่านการบรรจงรังสรรค์เป็นสำรับอาหารและเครื่องประดับ เริ่มที่ The Story of Charon แรงบันดาลใจมาจากคำว่า “เจริญ” ที่ ร.5 ทรงสั่งผลิตภาชนะและพระราชทานให้กับข้าราชบริพาร ข้าราชการ เพื่อนำความเจริญมาสู่ตนและครอบครัว ทั้งยังใช้เป็นของกำนัลสำหรับการทูตในสมัยนั้น

ถัดมาเป็นเรื่องราวของ The Legacy of Baan-Nak แรงบันดาลใจจาก “ตะกูลบุญนาค” เจ้าของบ้านสุริยาศัย และตระกูลที่มีความสำคัญในประวัติศาสตร์ไทย ที่สำคัญคือครั้งนี้ “ดอกบุญนาค” ได้กลับมาเบ่งบานอีกครั้งในรูปแบบของเครื่องประดับที่งดงาม หลังผ่านมายาวนานถึง 100 ปี

และเรื่องราวของ The Century of Baan Suriyasai ซึ่งเป็นการเฉลิมฉลองบ้านสุริยาศัยที่ได้รับเป็นอาคารอนุรักษ์ดีเด่น และเป็นบ้านแห่งการเรียนรู้ประวัติศาสตร์ไทย วิถีชีวิตความอยู่ของคนไทย ผ่านตัวบ้านและอาหารที่รวบรวมหลากหลายสายสกุลต่างๆ มาไว้ในที่เดียวกัน

เชฟอิน-ณรงค์ฤทธิ์ แซ่ขอ

“อีกความพิเศษของแคมเปญนี้ คือการได้ เชฟอิน-ณรงค์ฤทธิ์ แซ่ขอ เชฟคนดังที่กำลังมาแรงและเป็นที่ถูกจับตาเป็นอย่างมากเข้ามาช่วยรังสรรค์เมนูขนมหวาน เพราะเราเล่าเรื่องจากอดีตจนถึงยุคปัจจุบัน เราจึงให้เชฟรุ่นใหม่เป็นผู้บอกเล่าเรื่องถึงคนรุ่นปัจจุบันแทน” คุณแซม กล่าว

 

คุณศรัณญ อยู่คงดี ศิลปินนักออกแบบเครื่องประดับ เจ้าของแบรนด์ SARRAN 

ทางด้าน คุณศรัณญ อยู่คงดี ศิลปินนักออกแบบเครื่องประดับ เจ้าของแบรนด์ SARRAN เผยว่า “รู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ร่วมกับบ้านสุริยาศัย ในการจัดทำแคมเปญ The Journey ครั้งนี้ เพราะในส่วนของ SARRAN เองถือเป็น Jewelry แบรนด์ระดับโลกที่มีเอกลักษณ์ความเป็นไทยแท้ สร้างผลงานให้กับศิลปินระดับโลกมาอย่างมากมาย พอได้มาผสานกับเรื่องราวความเป็นไทยแท้ของตำรับเมนูอาหารชาววังของบ้านสุริยาศัย จึงถือเป็นความลงตัวที่สมบูรณ์แบบ โดยเชื่อว่าจะสร้างสีสันและเสน่ห์แห่งความงดงามในความเป็นเครื่องประดับ SARRAN ที่จะสร้างความประทับใจให้กับทุกท่านที่ได้มาร่วมเป็นส่วนหนึ่งของแคมเปญ The Journey ในครั้งนี้

“ดอกบุนนาค” เบ่งบานอีกครั้ง บ้านสุริยาศัย X SARRAN ร่วมถ่ายทอด Thai Soft Power “ดอกบุนนาค” เบ่งบานอีกครั้ง บ้านสุริยาศัย X SARRAN ร่วมถ่ายทอด Thai Soft Power

โดยในส่วนของ Charoen : Boon-Nak Collection เจริญ : บุนนาค คอลเลกชั่นนี้ผมได้แรงบันดาลใจมาจากเรื่องราวและความเป็นมาของยุคสมัย ที่เริ่มเรื่องราวทั้งหมดของบ้านสุริยาศัย และต้นบุนนาค ต้นไม้ประจำบ้าน ซึ่งบันทึกเรื่องราวและความเปลี่ยนแปลงของสถานที่ผู้คนและสิ่งแวดล้อม ผ่านบริบทการเติบโตและผลิบานของดอกบุนนาค เป็นระยะเวลานานมากแล้วที่ดอกบุนนาคไม่ได้เบ่งบานในบ้านสุริยาศัย เนื่องในวาระฉลองครบรอบ 100 ปีของสถานที่ที่เต็มไปด้วยความทรงจำและการเปลี่ยนแปลงของกาลเวลา SARRAN ได้สร้างสรรค์คอลเลกชั่นพิเศษขึ้นโดยนำเอาหนึ่งในเรื่องราวของช่วงยุคสมัยในรัชกาลที่ 5 คือคำว่า ‘เจริญ’ ซึ่งปรากฏให้เห็นในภาชนะเครื่องเคลือบหรือที่ผู้คนทั่วไปเรียกว่า ‘ถาดเจริญ’ และตัวอักษรอันเป็นเอกลักษณ์ซึ่งได้มีการประดิษฐ์ขึ้นมาใหม่ เพื่อเป็นการอวยพรแก่ก้าวต่อไปหรือเรื่องราวบทใหม่ของบ้านสุริยาศัย และดอกบุนนาค ซึ่งเป็นเอกลักษณ์สำคัญที่อยู่คู่บ้านมาตั้งแต่อดีตให้กลับมาเบ่งบานอีกครั้ง ณ สถานที่เดิม แม้เวลาจะเปลี่ยนไปแต่ความทรงจำยังคงอยู่คู่แสงอาทิตย์ของประเทศไทยและสถาปัตยกรรมเป็นเอกลักษณ์ของบ้านสุริยาศัย”

สำหรับ 5 คอร์สเมนูที่บ้านสุริยาศัยตั้งใจรังสรรค์เป็นอาหารไทยตั้งแต่ครั้งโบราณในสมัยรัชกาลที่ 5 จนถึงรัชกาลปัจจุบัน ประกอบไปด้วย

 

Amuse-bouche :  “ดั้งเดิม” (“Dậngdeim” - “The Original”)

เชฟใหม่-พีระโรจน์ ศิริปัญจนะ เล่าว่า คอร์สนี้เริ่มต้นด้วยความเรียบง่ายอย่าง เมี่ยงผลไม้แบบโบราณ Seasonal Fruit served with Sweet Sauce ที่เชฟนำเอาวัตถุดิบท้องถิ่นตามฤดูกาลที่สามารถหยิบจับมาทำเป็นอาหารได้ ตัวไส้ทำจากมะพร้าวเคี่ยวแล้วปรุงให้มีรสหวานนำเค็ม เสิร์ฟพร้อมผลไม้ตามฤดูกาล รับประทานพร้อมมะม่วงเปรี้ยว ขิงอ่อน และยอดผักชีเพื่อช่วยเสริมรสชาติของจานนี้ให้โดดเด่นยิ่งขึ้น

Appetizers : พ.ศ. 2411-2453  “3 กษัตริย์” (Sam Ka-Sat-3 Kings)

เครื่องว่างจานนี้เป็นการผสมผสานความเป็นไทยและฝรั่งเข้าด้วยกัน เสมือนย้อนไปในช่วงสมัยรัชกาลที่ 5 หรือยุคสามวิคตอเรียน ในยุคนั้นจะมีการเจริญสัมพันธไมตรีระหว่างประเทศ มีการประพาสต้น ประพาสหัวเมืองต่างๆ รวมถึงต่างประเทศ แล้วนำเอาค่านิยมต่างๆ รวมถึงความเจริญเข้ามาพัฒนาประเทศไทย เครื่องว่างจานนี้เสิร์ฟมาในรูปแบบ concept เงิน ทอง นาค ที่เปรียบเสมือนการรวมเอาวัฒนธรรมต่างชาติ มาผสมผสานและสอดแทรกวัตถุดิบแบบไทยๆ เข้าไว้ด้วยกัน โดยเริ่มต้นด้วย Silver King :  ขนมครกหน้าปูกะทิ-ไข่ปลาแรมฟิชดำ-Coconut Rice pudding topped with Crab meat and Black Lumpfish Caviar ตัวแป้งมีสีนิล รสชาติเค็มอ่อนๆ เสิร์ฟพร้อมด้วยปูที่หอมกลิ่นสามเกลอ ตัดกับหน้ากะทิที่หวานกำลังดี

Gold King: สะเต๊ะลือตำรับวังสวนสุนันทา Authentic Thai Chicken Satay สะเต๊ะแบบโบราณที่ในอดีตนั้นมีชื่อเสียงจนลือเลื่องด้วยกลิ่นหอมและรสชาติที่เข้มข้น ทว่ากลมกล่อม หอมเครื่องเทศ

Rose Gold King: ทาร์ตกุ้งทอดมัน Thai Shrimp Cake เมนูนี้ประยุกต์จากกุ้งทอดมันตำรับวังบางขุนพรหม หัวใจในการทําอยู่ที่การตบเนื้อกุ้งจนเหนียว ปรุงรสให้กลมกล่อม ปั้นเป็นก้อนกลม ทอดจนเหลืองทอง นำไปเคลือบด้วยสอดที่ปรุงจากมันกุ้งรสชาติเข้มข้น เสิร์ฟพร้อมแป้งทาร์ตที่หอมเนยแบบฝรั่ง

Salad : พ.ศ. 2453-2468  “สนามเสือป่า”  (Salad Sanam Suea Pa-Wild Tiger Stadium)  Thai Salad served with Curry Dressing

ถัดมาเป็นเมนูอาหารที่เปลี่ยนเสมือนสมัยสมัยรัชกาลที่ 6 เมื่อความเจริญเข้ามาสู่ประเทศไทย แล้วมีการจัดตั้งโครงการต่างๆ การสื่อสาร การเดินทาง การติดต่อกับชาวต่างชาติ เป็นยุควมัยที่นำพาความเจริญเรื่องการสื่อสารมาใช้ในประเทศ จุดเด่นของยุคสมัยนี้คือการจัดตั้งกองพลเสือป่า โดยนำเอาเมนูอย่างยำทวายที่มีความหลากสีของวัตุดิบให้เป็นเสมือนกับกองพลต่างๆ

ยำทวาย ตำรับอาหารชาววังสายพระวิมาดาเธอ พระองค์เจ้าสายสวลีภิรมย์ ในรัชกาลที่ 5 เป็นเมนูที่นิยมปรุงรับประทานในวันสำคัญเท่านั้น จานนี้ประกอบไปด้วยผัก 5 ชนิด เสิร์ฟพร้อมน้ำยารสชาติกลมกล่อมกล่อมหวานอมเปรี้ยวกำลังดี หอมกลิ่นน้ำพริกเผาและเครื่องแกง

Soup : พ.ศ. 2468-2478 “ร่วมสมัย”  (Rowm Samai-Contemporary)

ต้มข่าหอยเชลล์กับหมี่ขาวทอดกรอบ Seared Scallop in Coconut-Galangal Soup served with Crispy Rice Vermicelli ในยุคสมัยรัชกาลที่ 7 นั้นเกิดความเปลี่ยนแปลงอย่างมากมาย อย่างการเปลี่ยนแปลงการปกครอง เกิดการจัดตั้งรัฐบาลแต่ยังคงอนุรักษ์ไทยนิยม หรือเรียกว่าสมัยนิยม โดยยุคนี้จะมีความโดดเด่นของการรับประทานอาหารประเภทเส้น อันเนื่องมากจากเป็นยุคที่ข้าวสารมีราคาสูง รัฐบาลจึงรณรงค์ให้ประชาชนบริโภคอาหารประเภทเส้นทดแทน จึงเป็นที่มาของเมนูจานนี้

ต้มข่าหอยเชลล์กับหมี่ขาวทอดกรอบ ความโดดเด่นของเมนูนี้อยู่ที่การประยุกต์เมนูอย่างต้มข่าที่โดยทั่วไปจะรับประทานพร้อมข้าวหอมมะลิ มาเป็นการเสิร์ฟคู่กับเส้นหมี่ขาวที่นำไปทอดจนมีสีเหลืองนวล ทำให้ได้รสสัมผัสกรุบกรอบ รสชาตินวลของของตัวซุปนั้นเข้ากับได้ดีกับเส้นหมี่ทอดกรอบเป็นอย่างมาก

Main Course : พ.ศ. 2478 - 2559 “พอเพียง” (Phopaing-Sustainable)

เป็นการรวบรวมยุคสมัยรัชกาลที่ 8 และรัชกาลที่ 9 เข้าด้วยกัน เนื่องจากทั้ง 2 ยุคสมัยนั้นเป็นยุคแห่งความเรียบง่าย พอเพียง ไม่หวือหวาแต่ทว่าไม่หยุดอยู่กับที่ จุดเด่นของสำรับนี้อยู่ที่การเลือกใช้วัตถุดิบที่หาได้ง่ายนำมาปรุงให้ออกมามีรสชาติครบรสหรือเรียกได้ว่าเป็นรสไทยแท้ จัดเสิร์ฟพร้อมกับข้าวหอมมะลิอย่างดี

กุ้งแม่น้ำย่างน้ำปลาหวาน Grilled River Prawn served with Sweet Fish Sauce

กุ้งแม่น้ำย่างน้ำปลาหวาน Grilled River Prawn served with Sweet Fish Sauce เมนูนี้เชฟใหม่ได้นำกุ้งเม่น้ำตัวโตมาย่างให้สุกกำลังดี เสิร์ฟพร้อมน้ำปลาหวานรสชาติเข้มข้นที่ปรุงจากน้ำตาลโตนดและน้ำปลาชั้นดี เคี่ยวเป็นเวลานานจนมีสีใสและเหนียวกำลังดี

   แกงชักส้มปลาทูย่าง Authentic Sour Soup served Grilled Mackerel

แกงชักส้มปลาทูย่าง Authentic Sour Soup served Grilled Mackerel แกงไทยโบราณที่หารับประทานได้ยากในปัจจุบัน แม้มีลักษณะคล้ายแกงส้มแต่ความแตกต่างนั้นจะอยู่ที่การรสปรุงรสโดยใช้มะกรูดเพื่อทำให้เกินรสชาติเปรี้ยวและมีกลิ่นหอม เสิร์ฟพร้อมกับปลาทูย่างสุกกำลังดี รสชาติจัดจ้านของจานนี้นั้นช่วยกระตุ้นความอยากอาหารได้เป็นอย่างดี

น้ำพริกหนำเลี๊ยบหมูสับ Stir-fried Chinese Olives with Minced Pork Dip

น้ำพริกหนำเลี๊ยบหมูสับ Stir-fried Chinese Olives with Minced Pork Dip น้ำพริกเป็นอาหารไทยประเภทเครื่องจิ้มชนิดหนึ่งที่นิยมเสิร์ฟในสำรับอาหารมาตั้งแต่ในสมัยโบราณ  ความโดดเด่นของเมนูนี้นั้น อยู่ที่การนำเอาหมูสับหนำเลี๊ยบมาผัดกับเครื่องน้ำพริก แล้วปรุงให้มีรสเปรี้ยวเค็มหวาน แต่กลมกล่อม รับประทานพร้อมกับเครื่องแนมอย่างปลาช่อนแดดเดียวทอดและผักสด

Dessert : พ.ศ. 2559-ปัจจุบัน “เจริญ” (Charoen-Prosperity)

เมนูของหวานนี้เปรียบได้กับยุคปัจจุบัน หรือในสมัยรัชกาลที่ 10 ซึ่งเป็นยุคแห่งความเจริญ ความศิวิไลซ์ ความสวยงาม และเทคโนโลยีต่างๆ แต่ยังคงไว้ซึ่งวัฒนธรรมและความเป็นไทยที่สืบเนื่องมาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ประกอบด้วย เจลลี่น้ำผึ้งและส้มซ่า Citrus Aurantium and Honey Jelly ผสมผสานระหว่างวัตถุดิบอย่างส้มซ่ากับเจลลี่ ปรุงรสชาติด้วยน้ำผึ้งเล็กน้อย จึงได้เป็นเมนูของหวานที่มีความแปลกใหม่ไม่เหมือนใคร ตามด้วย ไอศกรีมมะพร้าวน้ำหอมกับครัมเบิ้ล Coconut Ice-cream served with Crumble รสชาติหวานวันของไอกครีมมะพร้าวนั้นเข้ากับได้ดีกับครัมเบิ้ลแบบฝรั่งเป็นอย่างมาก และ ขนมดอกพุดตาล Thai sweetmeat made of egg yolk and sugar ตัวขนมนั้นทำแป้งสาลี น้ำตาล ไข่แดง และกะทิ รสสัมผัสนุ่มนวล ช่วยให้ขนมจานนี้โดดเด่นได้ดียิ่งขึ้น

“ดอกบุนนาค” เบ่งบานอีกครั้ง บ้านสุริยาศัย X SARRAN ร่วมถ่ายทอด Thai Soft Power

ตามมาสัมผัสประสบการณ์สุดพิเศษของ The Journey อีกหนึ่งแคมเปญที่นำเสนอเรื่องราวและความหมายสุดประท้บใจที่ซ่อนเร้นไว้ด้วยรสชาติของความอร่อยในรูปแบบของเซ็ตเมนูอาหารจาก “บ้านสุริยาศัย” พร้อมรับสิทธิ์ช้อปเครื่องประดับ Limited edition สุดหรูของ SARRAN ได้ตั้งแต่เดือนมิถุนายน จนวันที่ 31 สิงหาคม  2567

logoline