ไอบ่อย ไอนาน ไอเรื้อรัง อันตรายต่อผู้สูงวัย
อาการ "ไอ" เป็นอาการทั่วไปที่ใครๆ ก็ย่อมต้องเจอ แต่ใน "ผู้สูงวัย" หากมีอาการไอมาก ไอบ่อย ร่วมกับอาการอื่นๆ ด้วย ไม่ควรปล่อยละเลย ลูกหลาน รวมทั้งผู้ป่วยเองควรรีบหาสาเหตุเพื่อจะได้รักษาได้อย่างตรงจุด ทั้งนี้ ด้วยสรีระของผู้สูงอายุในทางเดินหายใจนั้นจะมีการเปลี่ยนแปลงก็คือ ปริมาตรความจุของปอดนั้นจะลดลง ความยืดหยุ่นของเนื้อปอด และหลอดลมก็จะลดลงไปด้วย ดังนั้น เมื่อผู้สูงวัยปล่อยตัวเองให้มีอาการไอบ่อยๆ ก็จะก่อให้เกิดปัญหาสุขภาพตามมาได้มากมาย เช่น
ปอด – อาจมีอันตรายต่อระบบทางเดินหายใจ มีการอักเสบของหลอดลมมากขึ้น บวมมากขึ้น มีการฉีกขาดเกิดขึ้น
สมอง – มีอาการหมดสติ (Cough Syncope)
ทรวงอก – เจ็บกล้ามเนื้อ กล้ามเนื้อฉีกขาด กระดูกซี่โครงหัก (rib fracture)
ภาวะแทรกซ้อนอื่นๆ – ปัสสาวะราด ไส้เลื่อน ปวดหลัง พักผ่อนไม่เพียงพอในผู้ที่มีอาการไอมากช่วงกลางคืน
ส่งผลต่อสภาพจิตใจ – ทำให้เกิดความกังวลความั่นใจในการเข้าสังคมได้
7 โรคเสี่ยงเมื่อผู้สูงวัยมีอาการไอเรื้อรัง อ่อนเพลียง่าย
1. โรคหลอดลมอักเสบ (bronchitis)
อาการ : มีอาการไอเรื้อรัง ไม่หายภายใน 2 สัปดาห์ (และอาจไอเป็นเลือดร่วมด้วย) มีไข้ หอบเหนื่อย เป็นต้น
โรคหลอดลมอักเสบ มักพบในผู้ใหญ่ที่อายุมากกว่า 50 ปีขึ้นไป โรคนี้แบ่งเป็น 2 ประเภท คือ โรคหลอดลมอักเสบชนิดเฉียบพลัน และโรคหลอดลมอักเสบชนิดเรื้อรัง ผู้สูงวัยมักจะเสี่ยงเป็นโรคหลอดลมอักเสบชนิดเรื้อรัง เนื่องจากมีอาการไอเรื้อรัง โดยเฉพาะในรายที่สูบบุหรี่มานาน และเนื่องจากโรคนี้มีอาการใกล้เคียงกับโรคปอดอักเสบ จึงควรพาผู้ป่วยมาพบแพทย์เพื่อฉายรังสีทรวงอก (chest X-ray) อาจช่วยวินิจฉัยแยกโรคปอดอักเสบได้
2. โรคหลอดลมโป่งพอง (Bronchiectasis)
อาการ : ไอเรื้อรัง ไอมีเสมหะจำนวนมาก ไอเป็นเลือด โดยเสมหะนั้นอาจมีสีใส สีเหลืองอ่อน หรือสีเขียว (บางรายอาจไม่มีอาการไอ หรือมีเสมหะเพียงเล็กน้อย) หายใจถี่ หายใจมีเสียงหวีด อ่อนเพลีย ปวดตามข้อ
โรคหลอดลมโป่งพองในผู้สูงอายุมีความชุกเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในผู้สูงวัยอายุ 65 ปีขึ้นไป โรคนี้น่ากลัวตรงที่ว่าหากเป็นแล้วหลอดลมจะเสียหายอย่างถาวร ไม่มีวิธีรักษาให้หายขาด ผู้ป่วยที่เป็นโรคนี้จึงต้องระวังไม่ให้เป็นมากขึ้น ด้วยการรู้จักดูแลตนเองอย่างถูกต้อง ตามคำแนะนำของแพทย์
3. ปอดบวม หรือปอดอักเสบ
อาการ : หากพบว่าผู้สูงวัยไอมีเสมหะ หายใจหอบเหนื่อย เจ็บแน่นหน้าอก อ่อนเพลีย ล้มง่าย มีไข้สูง ปัสสาวะราด อาจจะเป็นปอดอักเสบได้ ซึ่งจำเป็นต้องรีบมาพบแพทย์เพื่อตรวจรักษา ในส่วนของการรักษานั้น แพทย์จะทำการซักประวัติ ตรวจเลือด และเอกซเรย์ปอด เพื่อยืนยัน และตรวจหาเชื้อที่เป็นสาเหตุของอาการป่วย
โรคปอดบวม เป็นโรคติดเชื้อทางเดินหายใจส่วนล่าง ซึ่งเกิดจากเชื้อแบคทีเรีย และเชื้อไวรัสเป็นส่วนใหญ่ ยิ่งในผู้สูงอายุนั้นเป็นกลุ่มที่มีภูมิต้านทานต่ำ โอกาสที่จะเกิดโรคแทรกซ้อน เช่น ติดเชื้อในกระแสเลือด หรือระบบทางเดินหายใจล้มเหลวจะส่งผลต่อชีวิตนั้น มีมากถึง 50% เลยทีเดียว
4. มะเร็งปอด (Lung cancer)
อาการ : โดยทั่วไปแล้วมะเร็งปอดในระยะเริ่มต้น ผู้ป่วยมักไม่แสดงอาการ แต่เมื่อโรคลุกลามแล้วมักมีอาการไอเรื้อรัง ไอมีเสมหะปนเลือด หายใจลำบาก หอบเหนื่อย อ่อนเพลีย หายใจสั้น หายใจมีเสียงหวีด เจ็บหน้าอกตลอดเวลา เสียงแหบ เสียงเปลี่ยน ปอดติดเชื้อบ่อย น้ำหนักลดโดยไม่ทราบสาเหตุ เป็นต้น
ผู้สูงวัย เมื่อมีอาการไอ มักจะไม่บอกกล่าวลูกหลาน และมักซื้อยาแก้ไอมากินเอง โดยไม่รู้ว่าอาการไอที่เกิดขึ้นเกิดจากอะไรกันแน่ พอสุดท้ายไปตรวจถึงได้พบว่าเป็นมะเร็งปอดไปเสียแล้ว ที่อาจสายเกินรักษาได้ (แต่ถ้าพบในระยะแรกก็สามารถรักษาให้หายได้)
ปัจจัยเสี่ยงของการเกิดมะเร็งปอด ได้แก่ การสูบบุหรี่, ดมควันบุหรี่, การทำงานในอุตสาหกรรมที่มีสารก่อมะเร็ง, พันธุกรรม, และสภาวะแวดล้อมที่มีฝุ่นละอองพิษ เช่น ฝุ่นPM2.5 เป็นต้น
5. โรคกรดไหลย้อน (Gastroesophageal reflux disease : GERD)
อาการ : มีอาการไอบ่อย ๆ รู้สึกเหมือนมีเสมหะอยู่ในคอ เป็นอาการที่เกิดจากการที่กรดไหลย้อนอย่างรุนแรง ส่วนอาการอื่น ๆ ก็จะเหมือนกับผู้ป่วยกรดไหลย้อนทั่ว ๆ ไป เช่น แสบร้อนกลางอก เรอเปรี้ยว รู้สึกขมคอ เจ็บคอ ในบางคนอาจมีภาวะแทรกซ้อน อาเจียนเป็นเลือด กลืนอาหารลำบาก ไอเรื้อรัง ปอดอักเสบ เป็นต้น
แม้อาการจุกเสียด แสบร้อนกลางอก และเรอเปรี้ยว จะเป็นอาการที่พบบ่อยที่สุดของโรคกรดไหลย้อน แต่อาการไอเรื้อรังก็เป็นอาการหนึ่งที่พบบ่อยเช่นกัน โดยอาการไอเรื้อรังจากภาวะกรดไหลย้อน เกิดขึ้นจากกรดไหลย้อนลงไปในหลอดลม ทำให้เกิดภาวะหลอดลมอักเสบเรื้อรังได้ บางกรณีอาจเสี่ยงกับอาการหอบหืด ในผู้สูงวัย 60-70 ปีขึ้นไป จะพบโรคนี้ได้บ่อย เนื่องจากหูรูดกระเพาะอาหารในผู้สูงวัยจะหย่อนมากกว่าปกติ
6. วัณโรค (Tuberculosis : TB)
อาการ : ไออย่างต่อเนื่องประมาณ 8 สัปดาห์ (แต่ไอมาก หรือน้อย ก็ไม่ได้หมายความว่าจะต้องเป็นวัณโรคเสมอไป) โดยอาการเริ่มต้นจะเริ่มไอแห้ง ๆ ก่อน ต่อมาจะเริ่มมีเสมหะจนอาจไอเป็นเลือด เจ็บหน้าอกเวลาไอ มีไข้ รู้สึกอ่อนเพลียง่าย และน้ำหนักลดลง
วัณโรค เป็นโรคติดต่อทางการหายใจ เชื้อจะแพร่จากผู้ป่วยวัณโรคปอดไปสู่บุคคลอื่นทางละอองเสมหะขนาดเล็ก ซึ่งอาจจะเกิดจากการไอ จาม หรือพูด เป็นโรคที่เด็ก หรือผู้สูงอายุจะมีความเสี่ยงสูง เนื่องจากเป็นผู้ที่มีภูมิคุ้มกันน้อยกว่าวัยอื่น อย่างไรก็ตามโรคนี้สามารถรักษาให้หายขาดได้
7. ผู้ป่วยที่ทานยาบางชนิดที่ใช้รักษาโรคความดันสูง และโรคหัวใจ
อาการ : อาการไอมักเป็นแบบไอไม่มีเสมหะ เป็นมากในตอนกลางคืน และเวลานอนราบ
ผู้สูงวัยที่เป็นโรคความดันสูง และโรคหัวใจต้องระวังเรื่องการใช้ยา เพราะยาพวก ACE Inhibitor อาจทำให้มีอาการไอเรื้อรังได้ พบได้ราว 2-14% ของผู้ใช้ อาการเกิดในราว 3-4 สัปดาห์หลังใช้ยา อาการจะหายไปเมื่อหยุดยา ยาพวก Beta-Adrenergic Blocking Agent อาจทำให้เกิดการไอในผู้ป่วยที่มีหลอดลมอักเสบเรื้อรังและโรคหอบหืดโดยช่วยทำให้หลอดลมตีบลง
อาการที่ผู้ป่วยต้องรีบไปพบแพทย์
อย่านิ่งนอนใจ! ลูก หลาน หรือคนในบ้านที่มีผู้สูงวัยต้องดูแล ต้องไม่ปล่อยให้ท่านมีอาการไอมาก ๆ เพราะอาจทำให้กระดูกอ่อนซี่โครงหักได้ ดังนั้น หากผู้สูงวัยมีอาการไอมากติดต่อกันเป็นเวลา 2 สัปดาห์ ควรรีบพาเข้าพบแพทย์โดยเร็วที่สุด
วิธีป้องกันไอเรื้อรังในผู้สูงวัย