นักวิทย์ชี้ ภาวะโลกเดือด กำลังทำให้เบียร์ยุโรปแพงขึ้น แถมรสชาติยังแย่ลง

เบียร์ ถือเป็นเครื่องดื่มยอดนิยมอันดับ 3 ของโลก รองจากน้ำและชา เป็นเครื่องดื่มที่ผลิตขึ้นด้วยการหมักเมล็ดมอลต์ เช่น ข้าวบาร์เลย์และยีนต์ รวมถึงผลไม้ปรุงรส เช่น ฮ็อปส์ที่นิยมปลูกในภูมิภาคยุโรป ส่วนไทยเราคราฟต์เบียร์ขึ้นจากผลไม้พื้นบ้านได้ด้วยเช่นเดียวกัน

แต่สำหรับยุโรปที่หมักเบียร์ด้วยผลฮ็อปส์อาจจะกำลังประสบปัญหาหนัก เพราะเมื่อไม่นานมานี้ นักวิทยาศาสตร์เตือนว่า การเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศกำลังเปลี่ยนแปลงรสชาติและคุณภาพของเบียร์ในยุโรป

เนื่องจาก เบียร์ยุโรปมีส่วนประกอบสำคัญคือผลฮ็อปส์ (Hops) ซึ่งผลฮ็อปส์เหล่านี้กำลังได้รับผลกระทบจากภาวะโลกเดือด นักวิจัยคาดการณ์ว่า ผลฮ็อปส์ที่ปลูกในยุโรปจะลดปริมาณลง 4-18% ภายในปี 2050

ยุโรป เผชิญหน้ากับสภาพอากาศร้อนและแห้งกว่าปกติ ส่งผลให้การปลูกผลฮ็อปส์เป็นไปได้ยากมากขึ้น เพราะฮ็อปส์เป็นพืชที่ไวต่อการเปลี่ยนแปลงของแสง ความร้อนและน้ำ และปริมาณของกรดอัลฟ่าในฮ็อปส์ ซึ่งมีส่วนทำให้เบียร์ยุโรปมีรสชาติและกลิ่นเฉพาะตัวก็ลดประสิทธิภาพลง 20-31% ด้วย

นักวิจัย ได้ทำการเปรียบเทียบปริมาณผลผลิตฮ็อปส์โดยเฉลี่ยต่อปีในช่วง 1971-1994 และ 1995-2018 และพบว่า ปริมาณของผลฮ็อปส์ลดลงอย่างมาก โดยลดลงเฉลี่ย 3013-0.27 ตันต่อเฮกตาร์ต่อปี ในสโลวีเนีย ซึ่งผลผลิตฮ็อปส์ลดลงมากที่สุดเฉลี่ย 19.4% ต่อปี

รวมถึงการศึกษาในเยอรมนีพบว่า ค่าตอบแทนผลผลิตฮ็อปส์ก็ลดลงมาด้วยเช่นกัน

นั่นหมายความว่า เบียร์ไม่ส่งผลกระทบแค่ภายในประเทศเท่านั้น แต่จะส่งผลกระทบต่อการส่งออกเบียร์ด้วย ตู้ขายเบียร์ที่กระจายอยู่ทั่วโลก อย่างน้อยต้องมีเบียร์จากประเทศยุโรปแฝงอยู่ไม่มากก็น้อย เนื่องจากรสชาติที่เป็นเอกลัษณ์และความนิยมเบียร์ที่เริ่มจากยุโรปแพร่กระจายไปยังภูมิภาคต่างๆ ทั่วโลก

เมื่ออุณหภูมิสูงขึ้นปละปริมาณน้ำฝนที่ลดลง ส่งผลให้เกษตรกรผู้ปลูกฮ็อปส์บางรายต้องเอาตัวรอดด้วยการย้ายพื้นที่ปลูกให้ไปอยู่ในพื้นที่ที่สูงขึ้นและเหมาะสมมากขึ้น เพื่อให้อากาศที่เย็นลงและปริมาณน้ำที่เพียงพอสามารถช่วยหล่อเลี้ยงผลฮ็อปส์ต่อไปได้

อย่างไรก็ตาม การเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศได้ส่งผลต่อเบียร์ไปในทิศทางที่เลวร้ายขึ้นแล้ว แม้ผู้นำแต่ละชาติทั่วโลกสัญญาว่าจะพยายามหยุดยั้งไม่ให้โลกร้อนเกิน 1.5 องศาเซลเซียส แต่ทุกวันนี้เรายังคงเห็นการปล่อยก๊าซเรือนกระจกออกมามากมายจากทั่วทุกมุมโลก