นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า การประกาศผลการลงทะเบียนผู้มีสิทธิ์เข้าร่วมโครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่าน ดิจิทัลวอลเล็ต ผ่านช่องทางแอปพลิเคชัน ทางรัฐจะเลื่อนออกไปก่อนจากกำหนดการเดิมในวันที่ 22 ก.ย.เป็นต้นไป
ซึ่งระบุว่าจะมีการแจ้งผลการลงทะเบียนดิจิทัลวอลเล็ต หลังจากตรวจสอบข้อมูลกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ตามที่ผู้ลงทะเบียนได้ยินยอมให้เข้าถึงข้อมูล อาทิ สัญชาติไทย การเสียภาษีปี 2566 รายได้ไม่เกิน 840,000 บาท/ปี มีเงินออมในบัญชีออมทรัพย์ไม่เกิน 500,000 บาท ปัจจุบันมียอดผู้ลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการแล้วประมาณ 33 ล้านคน
นายลวรณ แสงสนิท ปลัดกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า การเดินหน้าใน โครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่านดิจิทัลวอลเล็ต เฟสแรก สำหรับ กลุ่มเปราะบาง จำนวน 14.5 ล้านคน ประกอบด้วย ผู้รับสิทธิสวัสดิการแห่งรัฐ 12.4 ล้านคน และผู้พิการ 2.1 ล้านคน โดยจะเป็นการโอนเงินเข้าสู่ระบบพร้อมเพย์ที่เชื่อมกับเลขบัตรประชาชน เริ่มตั้งแต่วันที่ 25-28 ก.ย.67 นี้ โดยแบ่งตามวันที่ ดังนี้
วันที่ 25 ก.ย.67 กรมบัญชีกลาง โอนเข้าบัญชีผู้พิการ 2.6 ล้านคน และผู้รับสิทธิสวัสดิการแห่งรัฐ ที่เลขหลังบัตรประชาชน 0
วันที่ 26 ก.ย.67 ผู้รับสิทธิสวัสดิการแห่งรัฐ ที่เลขหลังบัตรประชาชน 1, 2 ,3
วันที่ 27 ก.ย.67 ผู้รับสิทธิสวัสดิการแห่งรัฐ ที่เลขหลังบัตรประชาชน 4, 5, 6, 7
วันที่ 28 ก.ย.67 ผู้รับสิทธิสวัสดิการแห่งรัฐ ที่เลขหลังบัตรประชาชน 8, 9
“โดยการจัดกลุ่มการโอนเงินแต่ละวันให้กับผู้ได้รับสิทธิ เพื่อไม่ให้กระทบการจ่ายเงินเดือน และอื่นๆ เฉลี่ยจะจ่ายเงินให้ผู้รับสิทธิกลุ่มดังกล่าววันละ 4-5 ล้านคน”
ปัจจุบันมีผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐจำนวน 13.5 ล้านคน โดยมีผู้ที่ผูกบัญชีพร้อมเพย์กับเลขบัตรประชาชนสำเร็จแล้วประมาณ 11 ล้านคน ขณะที่ส่วนที่ยังไม่มีบัญชีพร้อมเพย์กับบัตรประชาชนกว่า 2 ล้านคน โดยขอให้กลุ่มนี้เร่งดำเนินการให้เร็วที่สุดเพื่อให้ได้สามารถรับเงินได้ตามกำหนด
ทั้งนี้ หากทำไม่ทันตามกำหนดจะต้องรอรับเงินในรอบถัดไป โดยอย่างช้าที่สุดไม่เกินสิ้นปีนี้ ไม่เช่นนั้นเงินจะถูกโอนกลับเข้าคืนรัฐ
ลงทะเบียนพร้อมเพย์ โครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่านดิจิทัลวอลเล็ต เฟสแรก
สำหรับช่องทางในการผูกพร้อมเพย์ ผ่าน 3 ช่องทาง
1.ติดต่อสาขาธนาคารที่มีบัญชีออมทรัพย์
2.ดำเนินการผ่านตู้เอทีเอ็ม
3.ผ่านแอปพลิเคชันโมบายแบงก์กิ้ง
ส่วนการโอนเงินให้ผู้พิการ กรมบัญชีกลางมีบัญชีอยู่แล้ว ซึ่งจะมีการโอนเข้าบัญชีตามกำหนดวันที่ 25 ก.ย.67 นี้
นายลวรณ กล่าวต่อว่า สำหรับการเดินหน้าโครงการในเฟส 2 ขึ้นอยู่กับการเชื่อมระบบ ซึ่งเมื่อเฟสแรกดำเนินการสำเร็จแล้ว แรงกดดันก็จะลดลง และจะมีเวลาในการทำระบบให้ดีขึ้น ลดข้อกังวลในการใช้งาน อีกทั้งสร้างความมั่นใจให้กับประชาชน
ส่วนคำถามว่าจะมีงบประมาณไว้ใช้สำหรับดำเนินการเฟส 2 หรือไม่ นายลวรณ กล่าวว่า รัฐบาลได้ตั้งงบประมาณงบฯ ปี 2568 จำนวน 1.8 แสนล้านบาทแล้ว อย่างไรก็ดี ขึ้นอยู่กับการจัดสรรจำนวนผู้ที่มาลงทะเบียนในระบบทั้งหมด 32 ล้านคน ทั้งนี้รัฐบาลยืนยันว่าไม่ได้ล้มเลิกการจ่ายเงินให้กับกลุ่มประชาชนทั่วไป