svasdssvasds
เนชั่นทีวี

เลือกตั้ง USA

อเมริกันเชื้อสายเอเชียอาจชี้วัดผลเลือกตั้ง ปธน.สหรัฐฯ

ผู้มีสิทธิเลือกตั้งชาวอเมริกันเชื้อสายเอเชีย อาจมีบทบาทสำคัญต่อผลเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ และโพลส่วนใหญ่พบว่า คนกลุ่มนี้เทคะแนนเสียงให้รองประธานาธิบดีกมลา แฮร์ริส มากกว่าอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์

23 ตุลาคม 2567 ผู้มีสิทธิเลือกตั้งชาวจีน, อินเดีย, ญี่ปุ่น, เกาหลี, เวียดนาม, ฟิลิปปินส์ และจากหมู่เกาะแปซิฟิก มีสัดส่วนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เมื่อเทียบกับจำนวนผู้มีสิทธิเลือกตั้งทั้งหมด โดยผู้มีสิทธิเลือกตั้งชาวอเมริกันเชื้อสายเอเชียจำนวนมาก อยากไปใช้สิทธิลงคะแนนให้รองประธานาธิบดีกมลา แฮร์ริส แคนดิเดตของพรรคเดโมแครต

ซึ่งหากได้รับชัยชนะ เธอจะสร้างประวัติศาสตร์เป็นประธานาธิบดีเชื้อสายเอเชียใต้คนแรก, ประธานาธิบดีเชื้อสายอินเดียคนแรก, ประธานาธิบดีหญิงคนแรก รวมทั้งประธานาธิบดีหญิงผิวสีคนแรกของสหรัฐฯ 

ขณะที่อีกหลายคนให้ความสำคัญกับประเด็นอื่น ๆ มากกว่าเรื่องเชื้อชาติและเพศ เช่น เรื่องเศรษฐกิจ อาชญากรรม นโยบายต่างประเทศ สิทธิอนามัยเจริญพันธุ์ ประกันสุขภาพ และสิทธิของกลุ่มคนข้ามเพศ เป็นต้น
อเมริกันเชื้อสายเอเชียอาจชี้วัดผลเลือกตั้ง ปธน.สหรัฐฯ
 

ผลสำรวจที่เผยแพร่เมื่อเดือนที่แล้ว พบว่า ผู้มีสิทธิเลือกตั้งที่ลงทะเบียนขอใช้สิทธิเลือกตั้งชาวอเมริกันเชื้อสายอินเดีย เกือบ 6 ใน 10 มีความนิยมชมชอบแฮร์ริส และเกือบ 3 ใน 10 มีความคิดในเชิงบวกต่อทรัมป์ ในการเลือกตั้งประธานาธิบดีปีนี้ จะมีจำนวนผู้มีสิทธิเลือกตั้งชาวอเมริกันเชื้อสายเอเชียราว 15 ล้านคน หรือเกือบ 6% ของผู้มีสิทธิเลือกตั้งทั้งหมดของสหรัฐฯ

ผู้สังเกตการณ์ บอกด้วยว่า ผู้มีสิทธิเลือกตั้งกลุ่มอเมริกันเชื้อสายเอเชีย และหมู่เกาะแปซิฟิก มักลงคะแนนเสียงให้ผู้สมัครจากพรรคเดโมแครต และกลุ่มนี้มีส่วนช่วยให้โจ ไบเดน ชนะทรัมป์ ในการเลือกตั้งเมื่อปี 2563
อเมริกันเชื้อสายเอเชียอาจชี้วัดผลเลือกตั้ง ปธน.สหรัฐฯ
 

นอกจากนี้นักวิเคราะห์ เชื่อว่า จุดยืนของแฮร์ริสต่อจีนและเอเชีย จะทำให้ประเทศต่าง ๆ ในภูมิภาคสามารถคาดเดาเกี่ยวกับทิศทางความสัมพันธ์กับสหรัฐฯ ได้มากกว่า ขณะเดียวกันก็สำรวจอิทธิพลของจีน ที่เพิ่มมากขึ้นในประเทศของตัวเอง

ขณะที่ผู้มีสิทธิเลือกตั้งชาวอเมริกันเชื้อสายเอเชีย กังวลเรื่องทรัมป์จะขึ้นกำแพงภาษี, ไม่ให้ความสนใจหรือตำหนิพันธมิตรและมิตรประเทศ ทรัมป์เคยขู่จะเพิ่มกำแพงภาษีต่อจีน หากบุกไต้หวัน ซึ่งเขาเคยขึ้นกำแพงภาษีกับสินค้าบางอย่างจากจีนในสมัยเป็นประธานาธิบดีมาแล้ว 

สำหรับทรัมป์แล้ว เขามุ่งเน้นนโยบายอเมริกามาก่อน  ซึ่งจะให้ความสำคัญกับข้อตกลงทวิภาคี มากกว่าข้อตกลงพหุภาคี ซึ่งจะทำให้เอเชียมีบทบาทน้อยลงในกิจการระหว่างประเทศ