31 มีนาคม 2568 "ปมร้อน" ระดับประเทศ ที่สืบเนื่องจากเหตุ "แผ่นดินไหว" ในช่วง 13.20 น. วันที่ 28 มี.ค. ที่ผ่านมา ซึ่งส่งผลกระทบกับหลายพื้นที่ของประเทศไทย โดยเฉพาะในพื้นที่ กทม. ที่มีความเสียหายตึกถล่ม มีผู้เสียชีวิตเป็นจำนวนมาก
เหตุการณ์พิบัติภัยครั้งนี้ ตามมาด้วยกระแสวิพากษ์วิจารณ์ของสังคม เกี่ยวกับ ระบบการแจ้งเตือนภัยพิบัติ ทั้ง Cell Broadcast ที่ยังไม่แล้วเสร็จ จนต้องมาส่งเป็น SMS แต่ก็ยังมีความล่าช้า ประชาชนบางคนจนถึงขณะนี้ ยังไม่ได้รับข้อความ เนื่องจากด้วยข้อจำกัดทางเทคนิค ที่ส่งได้ครั้งละ 200,000 เลขหมาย
เหตุนี้ ทำให้ สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม (กสทช.) กลายเป็นหน่วยงานหลัก ที่ต้องประสานกับ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณะภัย (ปภ.) และผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือ (โอเปอเรเตอร์)
ปมร้อนยิ่งทวีองศาเดือดขึ้นไปอีก เมื่อ พล.อ.ท.ธนพันธุ์ หร่ายเจริญ กรรมการ กสทช.โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัวว่า
วันศุกร์ที่ 28 มีนาคม 2568 เวลา 13.30 น. นับเป็นประสบการณ์สำคัญอีกครั้งหนึ่งในชีวิต ที่ได้อยู่ในเหตุการณ์แผ่นดินไหว ในขณะที่นั่งทำงานอยู่ที่สำนักงาน กสทช. ชั้น 10 จึงได้ให้ทีมงานรีบลงบันไดมาข้างสนามเพื่อความปลอดภัย ซึ่งก็ดีใจมากที่ทีมงานและพนักงานสำนักงาน กสทช.ทุกคนปลอดภัย
แม้ว่าจะไม่สามารถทำอะไรได้มากกว่านี้ เพราะมีหนังสือฯ สั่งการ หากกรรมการ กสทช. จะให้สำนักงานฯ ดำเนินการใดๆ ต้องให้ประธานฯ มอบหมายก่อน
ในโอกาสนี้ ขอภาวนาให้ทุกคนปลอดภัยและพบผู้ประสบภัย ตลอดจนขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ่งต่อครอบครัวผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บจากเหตุการณ์ดังกล่าว และน้อมรับในคำตำหนิที่เกิดขึ้น เพื่อเป็นบทเรียนต่อไป
จากประเด็นที่เกิดขึ้น จึงได้มีการเปิดเผยหนังสือด่วนที่สุดจาก น.พ.สรณ บุญใบชัยพฤกษ์ ประธาน กสทช. ถึง 3 ฉบับ โดยมีเนื้อหาเดียวกันว่า ฉบับแรก วันที่ 20 ก.ค. 2566
เรื่อง การปฏิบัติตามหน้าที่และอำนาจ เรียน เลขาธิการ กสทช. ด้วยปรากฏว่า การปฏิบัติงานของสำนักงาน กสทช. ที่ผ่านมาเกิดปัญหาการบริหารภายในสำนักงาน กสทช. อันเกิดจากความไม่เข้าใจในบทบาทหน้าที่และอำนาจของตนตามกฎหมายทั้งในส่วนของผู้บริหารและพนักงานผู้ปฏิบัติ เกิดการดื้อ ขัดขืน หลีกเลี่ยง ละเลย ไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย ประกาศ ระเบียบ ข้อบังคับ และคำสั่งของผู้บังคับบัญชาโดยชอบด้วยกฎหมาย
กระทำการข้ามขั้นตอนการปฏิบัติและสายการบังคับบัญชา หากปล่อยให้ปรากฏการณ์ดังกล่าวดำรงอยู่โดยไม่มีการแก้ไขจะทำให้เกิดความเสียหายอย่างร้ายแรงต่อภาพลักษณ์และการปฏิบัติงานของ สำนักงาน กสทช. ที่มีหน้าที่ดำเนินการเพื่อประโยชน์ชน์สูงสุดต่อประเทศชาติและประชาชน ดังที่ปรากฎเป็นข่าวในสื่อสาธารณะ
เพื่อให้พนักงานสำนักงาน กสทช. ทุกคนเข้าใจในบทบาทหน้าที่และอำนาจตามตำแหน่งและสายการบังคับบัญชาอย่างถูกต้องตรงกัน และปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างเรียบร้อยราบรื่นตามสายการบังคับปัญขาอย่างถูกต้องตามกฎหมาย อย่างมีประสิทธิภาพ ลดความขัดแย้ง เพิ่มความเข้าใจและร่วมแรงร่วมใจกันปฏิบัติงาน
และเพื่อนำพาสำนักงาน กสทช. ไปสู่ความเป็นองค์กรชั้นนำในระดับอาเซียนในการกำกับดูแลแลและพัฒนากิจการสื่อสารเพื่อการพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืนตามวิสัยทัศน์ที่กำหนดไว้ จึงอาศัยอำนาจตามมาตรา 56 แห่ง พ.ร.บ.องค์กรจัดสรรคลื่นความถี่และกำกับการประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม พ.ศ. 2553 และที่แก้ไขเพิ่มเติม
น.พ.สรณ บุญใบชัยพฤกษ์ ประธาน กสทช.
จึงให้แจ้งพนักงาน สำนักงาน กสทข. ทุกคนเพื่อทราบและถือปฏิบัติดังต่อไปนี้
1.สำนักงาน กสทช. อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของประธาน กสทช. (มาตรา 56)
2.เลขาธิการ กสทช. ขึ้นตรงต่อประธาน กสทช. และเป็นผู้บังคับบัญชาพนักงานและสำนักงาน กสทช.(มาตรา 60)
"กสทช." หมายความว่า คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ จำนวน 7 คน (มาตรา 6)
"กรรมการ" หมายความว่า กรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (มาตรา 4)กสทช. อาจมอบหมายให้พนักงานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติหน้าที่ได้ตามความจำเป็นและเหมาะสมสอดคล้องกับอำนาจหน้าที่ของ กสทช. ตามมาตรา 33/1หรือ มอบหมายให้สำนักงานปฏิบัติการอื่นตามมาตรา 57(7)
3.1 ไม่มีบทบัญญัติในกฎหมายใด ให้อำนาจกรรมการ มอบหมายให้สำนักงาน กสทช. หรือพนักงาน ปฏิบัติหน้าที่หรือปฏิบัติการอื่นใดได้โดยตรง
3.2 ไม่มีบทบัญญัติในกฎหมายใด กำหนดให้ กสทช. และ/หรือ กรรมการมีหน้าที่และอำนาจในการบริหาร กำกับดูแล ควบคุม สั่งการหรือประเมินผล สำนักงาน กสทช. ส่วนงานภายในหรือพนักงาน
3.3 เมื่อสำนักงาน กสทช. ส่วนงานภายใน หรือพนักงานคนใด ได้รับการร้องขอมอบหมายข้อสังเกต ข้อเสนอแนะ หรือได้รับข้อร้องเรียนเกี่ยวกับการดำเนินการอย่างใดจากกรรมการหรือบุคคลอื่น
นอกเหนือจากผู้บังคับบัญชาตามสายการบังคับบัญชาต้องรีบเสนอ เลขาธิการ กสทช. ให้สั่งประธานเพื่อทราบหรือสั่งการแล้วแต่กรณี และห้ามมิให้กระทำหรือดำเนินการใดๆ ก่อนได้รับข้อสั่งการจากประธานหรือเลขาธิการ
4. ก่อนมีคำสั่งหรือดำเนินการใดๆ ต้องศึกษาข้อกฎหมาย ประกาศ ระเบียบ ข้อบังคับ มติ ครม. มติ กสทช.ที่เกี่ยวข้องให้ละเอียดครอบคลุมในทุกมิติ อย่าให้เกิดบกพร่องหรือผิดพลาดขึ้นได้
5.ห้ามมิให้สั่งการหรือดำเนินการใดๆ อันเป็นการข้ามขั้นตอนและสายการบังคับบัญชา เว้นแต่จะได้รับมอบหมายเป็นลายลักษณ์อักษรหรือเป็นเหตุจำเป็นเร่งด่วนซึ่งหาหากล่าข้าจะเกิดความเสียทาย และเมื่อดำเนินการแล้วต้องรีบแจ้งให้ผู้บังคับบัญชาทราบโดยทันที
6.หากผู้ใดผ้าฝืนไม่ปฏิบัติให้ถือว่ากระทำผิดวินัย
ภายหลังจากจดหมายดังกล่าวออกมา ก็มีฉบับที่ 2 ในวันที่ 28 ก.ค. 2566 นพ.สรณ ก็ได้ทำหนังสือด่วนที่สุด บันทึกข้อความถึงหน่วยงาน สำนักงาน กสทช. (สำนักทรัพยากรบุคคล) ย้ำเรื่องการปฏิบัติตามหน้าที่และอำนาจ ส่งถึง รองเลขาธิการ กสทช. ผู้เชี่ยวชาญพิเศษ ผู้ช่วยเลขาธิการ กสทช. ผู้อำนวยการสำนักสำนักงาน กสทช. ภาค ผู้อำนวยการสถาบัน ผู้อำนวยการศูนย์ ผู้เชี่ยวชาญ งานเลขานุการ
ข้อความระบุว่า ด้วยประธาน กสทช. ได้มีชื่อสั่งการตามบักทึกข้อความ ด่วนที่สุด เรื่อง การปฏิบัติตามหน้าที่และอำนาจ (เลกสารแนบ 1) เพื่อให้การดำเนินการเป็นไปตามข้อสั่งการของประธาน กสทช. และเป็นไปตามกฎหน ระเบียบที่เกี่ยวข้อง (เอกสารแนบ 2) จึงให้พนักงาน และลูกจ้างของสำนักงาน กสทช. ดำเนินการตามข้อสั่งการดังกล่าวอย่างเคร่งครัค หากผู้ใดฝ่าฝืนในไม่ปฏิบัติให้ถือว่ากระทำผิดวินัย จึงเรียนมาเพื่อทราบ และถือปฏิบัติอย่างเคร่งครัดต่อไป
หลังจากนั้น และสุดท้ายฉบับที่ 3ในวันที่ 7 ธ.ค. 2566 ก็ยังมีหนังสือด่วนที่สุดบันทึกข้อความหน่วยงาน งานเลขานุการประธาน กสทช.
เรื่อง การปฏิบัติตามหน้าที่และอำนาจของสำนักงาน กสทช. เรียน กรรมการ กสทช. ด้วยพระราชบัญญัติองค์กรจัดสรรคลื่นความถี่และกำกับการประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม พ.ศ.2553 มาตรา 56 บัญญัติให้สำนักงาน กสทช. อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของประธาน กสทช. และมาตรา 60 บัญญัติให้เลขาธิการ กสทช. ขึ้นตรงต่อประธาน กสทช. และเป็นผู้บังคับบัญชาพนักงานและลูกจ้างของสำนักงาน กสทช.
ดังนั้น ประธาน กสทช. จึงได้มีหนังสือ ด่วนที่สุดตามที่ได้เคยแจ้งในฉบับแรก ลงวันที่ 20 ก.ค. 2566 เรื่อง การปฏิบัติตามหน้าที่และอำนาจ แจ้งเลขาธิการกสทช. เพื่อให้แจ้งพนักงานสำนักงาน กสทช. ทราบและถือปฏิบัติ รายละเอียดปรากฏตามเอกสารแนบเพื่อให้การปฏิบัติงานของสำนักงาน กสทช. เป็นไปด้วยความถูกต้องและเรียบร้อย
หากกรรมการกสทช. ท่านใดประสงค์จะให้สำนักงาน กสทช. ดำเนินการใด ๆ ขอให้ทำเป็นหนังสือถึงประธาน กสทช. เพื่อจะได้พิจารณามอบหมายตามสายบังคับบัญชาต่อไปจึงเรียนมาเพื่อทราบ ลงชื่อนพ. สรณ บุญใบชัยพฤกษ์ ประธาน กสทช.