29 มีนาคม 2568 น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม , นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม , นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง , นายชยธรรม์ พรหมศร ปลัดกระทรวงคมนาคม และนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกทม. ได้เดินทางมาดูความเรียบร้อย การเปิดใช้บริการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน ที่สถานีสนามไชย ไปจนถึงสถานีสีลม โดยมี นายวิทยา พันธุ์มงคล รองผู้ว่าการ รฟม. รายงานสถานการณ์ หลังเกิดเหตุแผ่นดินไหวและวิธีแก้ปัญหาให้ทราบ ว่า
เนื่องจากระบบไฟค่อนข้างเปราะบาง ทำให้การตรวจสอบเป็นไปยังล่าช้า หลังจากตรวจสอบก็มีการทดลองวิ่งก่อนจะเปิดให้ใช้บริการจริง ตอนนี้ใช้งานได้เรียบร้อยแล้ว ในระหว่างรับฟังรายงาน นายกรัฐมนตรี ได้สอบถามถึงความคืบหน้าการเดินรถไฟฟ้า ซึ่งหลังจากที่เกิดเหตุรถไฟฟ้าทุกสาย ได้มีการตรวจสอบในเรื่องของโครงสร้างพื้นฐาน และระบบการเดินรถต่างๆ เพื่อให้ประชาชนมั่นใจและกลับมาเปิดได้
โดยก่อนนั่งรถไฟฟ้าใต้ดิน นายกรัฐมนตรี ได้เดินไปคุยกับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับนักท่องเที่ยว
จากนั้นนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีนักท่องเที่ยวที่มาใช้บริการ ซึ่งได้สอบถามนักท่องเที่ยวว่ามีความกังวลใจอย่างไรบ้าง โดยนักท่องเที่ยวได้เปิดเผยว่า เมื่อวานที่เกิดเหตุการณ์แผ่นดินไหวรู้สึกนิดหน่อย หลายประเทศอาจจะคุ้นชินแผ่นดินไหวมากกว่าเรา อีกเหตุผลหนึ่งเมื่อความเคลื่อนไหวหยุดมาหลายชั่วโมง ทุกคนก็ใช้ชีวิตตามปกติ แล้วก็ได้มีการบอกว่าชอบกรุงเทพฯ กรุงเทพฯสวยงาม และใช้รถไฟฟ้าใต้ดินได้ตามปกติ ไม่ได้รู้สึกอะไร ต่างชาติได้มีการสอบถามตนเองว่า มาทำอะไรที่นี่ จึงได้บอกไปว่ามาดูเรื่องตึกต่างๆ ซึ่งไม่มีปัญหาอะไร และเขาก็ตั้งใจจะท่องเที่ยวตามแผนที่วางไว้
เมื่อถามว่า ต่างชาติมองอย่างไรเมื่อนายกรัฐมนตรีอายุยังน้อย นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ใช่ และไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะอายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์ไทย
นายกรัฐมนตรี ยังย้ำถึงมาตรการว่า ส่วนไหนที่ยังไม่เชื่อมั่น 100% ก็จะปิดให้บริการก่อน เช่น สายสีชมพูและสายสีเหลือง จากที่ได้รับรายงานก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร แต่ขอให้มั่นใจ 100% ก่อนจึงจะเปิดให้บริการ ตนก็เห็นด้วย อยากให้มั่นใจทุกเส้นทางก่อนที่จะเปิดให้บริการ เพราะจะไม่เอาชีวิตประชาชนมาเสี่ยง ในวันพรุ่งนี้ก็จะประกาศเปิดให้บริการได้ รอให้ผู้ว่าฯกทม.ยืนยันอีกครั้ง
เมื่อสักครู่ได้ถามผู้ว่าการ รฟม.ว่า เกิดเหตุอะไรขึ้นบ้างเกี่ยวกับสถานีรถไฟฟ้าหลังเกิดแผ่นดินไหว พบว่าไม่ได้มีความเปลี่ยนแปลงอะไรมาก ไม่มีอะไรที่เป็นเรื่องใหญ่มีเพียงเศษท่อสั่น และมีส่วนผุพังเล็กๆน้อยๆ จากที่ได้เดินตรวจทั้งสาย มีการแก้ไขปัญหาเรียบร้อยแล้ว จึงมั่นใจว่าเรียกความเชื่อมั่นได้แน่นอน
ส่วนมาตรการเยียวยาต่างๆจะชัดเจนเมื่อไหร่นั้น น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า กรอบมีอยู่แล้ว ให้ทาง กทม.ประกาศได้เลย แต่ต้องดูอีกที ว่าความเสียหายกับกรอบเข้ากันได้หรือไม่ พร้อมยกตัวอย่างน้ำท่วมที่มีดินโคลนถล่ม จากกรอบที่ตั้งไว้ 5,000 บาท ก็เพิ่มเป็น 9,000 บาทได้เลย จึงให้กทม.ที่เป็นส่วนหัวหน้าแจ้งในเรื่องนี้ พร้อมย้ำว่ารัฐบาลดูแลแน่นอน
ส่วนประเด็นเรื่องโครงสร้างตึกที่ถล่มลงมา ได้มีการพูดคุยที่ ปภ.หรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตนเองก็สงสัยเช่นกัน ทำไมเป็นตึกเดียวที่เกิดปัญหา แน่นอนว่าไม่ปล่อย และตามดูว่าเป็นเพราะอะไร ต้องให้ผู้ที่มีความรู้ เช่น กรมโยธา ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบ สัปดาห์หน้าจะมารายงานว่าเกิดอะไรขึ้น ตนได้ให้ Timeline และสั่งการเรียบร้อย ขอคณะกรรมการที่มีผู้รู้อยู่ในนั้นสามารถให้คำแนะนำ และไล่ดูเลยว่าเกิดขึ้นเพราะอะไร แบบผ่านใครผ่านได้อย่างไร มาถึงจุดนี้ได้อย่างไร เพราะการก่อสร้างมีตั้งหลายตึก และการทำตึกแบบนี้เป็นตึกแรกในประเทศก็ไม่ใช่ เพราะฉะนั้นจะตามดู
ส่วนเรื่องท่าอากาศยาน นายกีรติ กิจมานะวัฒน์ ท่าอากาศยานไทยผู้อำนวยการใหญ่ท่าอากาศยานไทย ได้ชี้แจงว่า ปัจจุบันการให้บริการทั้ง 6 ท่าอากาศยานให้บริการตามปกติ มีผู้โดยสารบางส่วนที่มีความกังวล แต่ทุกอย่างปกติดี นายกรัฐมนตรีจึงกล่าวเสริมว่า เมื่อวานนี้ได้บินกลับจากภูเก็ต ทุกอย่างก็ปกติดีไม่มีปัญหาแน่นอน เมื่อวานที่เกิดเหตุการณ์ได้ชะลอการขึ้นบินไว้ 30 นาทีเท่านั้น
จากนั้น นายพงษ์นรา เย็นยิ่ง อธิบดีกรมโยธาธิการและผังเมืองได้เข้าไป พูดคุยกับนายกฯ โดยได้ชี้แจงข้อมูล เกี่ยวกับการตรวจสอบกรณีตึก สตง.ถล่ม ซึ่งจะต้องมีการตั้งคณะกรรมการเข้าไป ตรวจสอบข้อเท็จจริงในวันนี้ทันที ร่วมกับทางสภาวิศวกร ว่า จริงๆแล้วเกิดอะไรขึ้น
ก่อนที่นายกรัฐมนตรีจะหันมาบอกกับสื่อมวลชนมวล ว่า เหตุแผ่นดินไหวเกิดตั้ง 7.7 ริกเตอร์ แต่ว่าตึกของเราทั้งหมดไม่มีปัญหา มีแค่ตึกเดียว รัฐบาลจะตั้งคณะกรรมการ ที่ต้องเอาผู้รู้มาคุยกันว่าเกิดอะไรขึ้นกับตึกนั้นตึกเดียว ตั้งแต่เรื่องของการก่อสร้าง การออกแบบ ซึ่งเมื่อวานตนก็คิดอยู่ว่า แล้วถ้าเกิดตึกก่อสร้างเสร็จแล้วจะเป็นอะไรหรือไม่ เพราะว่าอาจจะมีคนเป็นพัน และได้ดูคลิปเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อวานนี้ ดูหลายคลิปหลายมุมหลายรอบ จริงๆแล้วตนก็ผ่านการสร้างตึกมาในภาคของตัวเอง ก็ไม่เคยเห็นแบบนี้เหมือนกัน ก็ต้องสืบให้รู้ว่าผิดพลาดตรงไหน การเคาะงบไปตั้งแต่ตอนนั้นเกิดอะไรขึ้น และการต่ออายุ การยืดเวลา มันยืดแล้วมันยังไง
ส่วนจะต้องไปไล่เช็กตึกต่างๆ เรื่องการจัดซื้อจัดจ้างอย่างไร นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า จริงๆแล้วอยู่ในกฎหมายอยู่แล้ว ว่าตึกทุกตึกที่สร้างในกทม. มันจะต้องสามารถ ต้านเรื่องแผ่นดินไหวได้ ในระดับหนึ่ง ซึ่งเมื่อวานนี้ก็ไม่ได้กระทบเลย แต่อาจจะมีแค่เรื่องลิฟท์ และการสั่นของตึก ที่ตนได้ฟังผู้รู้ก็ระบุว่ามันสามารถรองรับแรงสั่นสะเทือนได้ระดับหนึ่ง
เมื่อถามว่าคณะกรรมการจะให้หน่วยงานไหนรับผิด นายก กล่าวว่า ตอนนี้เป็นหน่วยงานของทางกรมโยธาธิการและผังเมือง เป็นผู้รับผิดชอบ โดยจะตั้งวันนี้ ซึ่งมีการประชุมไปเมื่อช่วงเช้า โดยปลายสัปดาห์หน้าจะขอเรียกเข้ามาคุยอีกทีว่าเกิดอะไรขึ้น เมื่อมีผู้รู้มาคุยกันหลายคนก็ต้องได้คำตอบอยู่แล้ว
จากนั้น นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย พร้อมด้วยผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร และนายพงษ์นรา เย็นยิ่บ อธิบดีกรมโยธาธิการและผังเมือง พานายกรัฐมนตรี ดูตึกที่กำลังก่อสร้างบริเวณโดยรอบสวนลุมพินี
ก่อนนายกรัฐมนตรี จะหันมาบอกกับสื่อมวลชน ว่า ตนเองผ่านการสร้างตึกมาในภาคของตนเอง ไม่เคยเห็นลักษณะแบบนี้เหมือนกัน ต้องสืบให้รู้ว่าผิดพลาดตรงจุดใด การเคาะงบฯ เกิดอะไรขึ้น การต่ออายุที่ยืดเวลาเป็นอย่างไร ความจริงตึกที่สร้างในกทม. ต้องรองรับแผ่นดินไหวได้ ระดับเมื่อวานนี้ตึกส่วนใหญ่ไม่กระทบเลย อาจจะมีเรื่องลิฟต์ที่สั่นบ้าง แต่ผู้รู้บอกว่า ตึกนี้ สามารถรองรับแรงสั่นสะเทือนได้ในระดับหนึ่ง โดยเรื่องคณะกรรมการตรวจสอบ จะให้กรมโยธาธิการฯ ไปดูแล
โดย นายกรัฐมนตรีเน้นย้ำ ให้ตรวจสอบทุกอาคาร เหตุเกิดอยู่ตึกเดียว แต่ตึกอื่นไม่เป็นอะไรรุนแรง โดยได้ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบฯ แล้วให้กลับมารายงานผลภายในสัปดาห์หน้า