26 มีนาคม 2568 มีรายงานว่า สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ ได้เผยแพร่ผลการประชุมวินิจฉัยของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ โดยศาลมีมติเป็นเอกฉันท์รับคำร้องของ พล.ต.ต.ฉัตรวรรษ แสงเพชร สมาชิกวุฒิสภา และสมาชิกวุฒิสภารวม 92 คน ที่เข้าชื่อร้องว่า นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ,พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ความเป็นรัฐมนตรีสิ้นสุดลงเฉพาะตัวหรือไม่ ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4) ประกอบกับมาตรา 160 (4) (5)
โดยอ้างถึงกรณีที่ นายภูมิธรรม ในฐานะประธานกรรมการคดีพิเศษ และ พันตำรวจเอกทวี ในฐานะรองประธานกรรมการคดีพิเศษ ซึ่งกรมสอบสวนคดีพิเศษเสนอเรื่องให้สอบกระบวนการเลือก สว. ปี 2567 ต่อคณะกรรมการคดีพิเศษ เพื่อมีมติให้การกระทำความผิดทางอาญาอื่นเป็นคดีพิเศษ ตามกฏหมายการสอบสวนคดีพิเศษนั้น
พ.ต.อ.ทวี-นายภูมิธรรม
เป็นการแทรกแซงหรือครอบงำหน้าที่ และอำนาจของคณะกรรมการการเลือกตั้ง โดยใช้กรมสอบสวนคดีพิเศษ เป็นเครื่องมือแทรกแซงกระบวนการตรวจสอบ การเลือกสมาชิกวุฒิสภา อันเป็นการกลั่นแกล้ง กดดัน ข่มขู่ และครอบงำสมาชิกวุฒิสภา ซึ่งเป็นฝ่ายนิติบัญญัติ ขัดต่อหลักการแบ่งแยกอำนาจและฝ่าฝืนหลักนิติธรรม
จึงถือได้ว่า นายภูมิธรรม และพันตำรวจเอกทวี ไม่มีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ และมีพฤติกรรมเป็นการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรง เป็นเหตุให้ความเป็นรัฐมนตรีสิ้นสุดลงเฉพาะเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญหรือไม่
โดยศาลรัฐธรรมนูญได้พิจารณาข้อเท็จจริงตามคำร้อง และเอกสารประกอบคำร้องแล้วเห็นว่า กรณีเป็นไปตามรัฐธรรมนูญที่ผู้ร้องยื่นร้อง ศาลจึงมีมติเป็นเอกฉันท์รับคำร้องไว้พิจารณา และให้ผู้ถูกฟ้องทั้งสองยื่นคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาต่อศาลภายใน 15 วัน นับแต่วันที่ได้รับสำเนาคำร้อง
ทั้งนี้ ศาลมีมติเป็นเอกฉันท์ ไม่สั่งให้นายภูมิธรรม และพันตำรวจเอกทวีหยุดปฎิบัติหน้าที่ ตามคำร้องเมื่อเห็นว่า ข้อเท็จจริงตามคำร้องและเอกสารประกอบ ยังไม่ปรากฏเหตุอันควรสงสัยว่ามีกรณีตามที่ถูกร้อง