svasdssvasds
เนชั่นทีวี

การเมือง

“DSI - อัยการ” เริ่มถกคดีฟอกเงินฮั้ว สว. จ่อเรียกสอบพยานพันปาก

21 มีนาคม 2568
เกาะติดข่าวสาร >> NationTV
logoline

เริ่มแล้ว ! “DSI - อัยการ” ประชุมคดีฟอกเงิน ปมฮั้ว สว.67 เตรียมร่อนหมายเรียกพยานกว่า 1,000 ราย ที่รู้เห็นเหตุการณ์ขบวนการฮั้วตั้งแต่ต้น มาสอบปากคำ

21 มีนาคม 2568 ความคืบหน้ากรณีที่ คณะกรรมการคดีพิเศษ (กคพ.) มีมติเห็นชอบให้รับคดีความผิดอาญาฐานฟอกเงิน ในคดี ฮั้ว สว.67 ไว้เป็นคดีพิเศษที่ 24/2568 ต่อมาอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ ได้เซ็นคำสั่งแต่งตั้งคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ 41 รายชื่อ เพื่อสืบสวนและสอบสวนตาม พ.ร.บ.การสอบสวนคดีพิเศษ พ.ศ. 2547 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ร่วมกับสำนักงานอัยการสูงสุด

โดยเมื่อมีอัยการได้รับมอบหมาย ให้มาร่วมเป็นคณะพนักงานสอบสวนแล้ว จึงเป็นเหตุให้อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ในฐานะหัวหน้าคณะพนักงานสอบสวน นัดหมายประชุมเปิดคดีครั้งที่ 1 ระหว่างเจ้าหน้าที่ดีเอสไอและพนักงานอัยการ เพื่อกำหนดแนวทางการสอบสวน

ล่าสุด ช่วงบ่ายวันนี้ ที่ดีเอสไอ ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศการประชุมเปิดคดีครั้งที่ 1 ของคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษที่ 24/2568 กรณี การสมคบกันในความผิดฐานฟอกเงินของบุคคลหรือคณะบุคคลที่กระทำความผิด ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 209 และกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง โดยมี พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ เป็นหัวหน้าคณะพนักงานสอบสวน
“DSI - อัยการ” เริ่มถกคดีฟอกเงินฮั้ว สว. จ่อเรียกสอบพยานพันปาก

 

ทั้งนี้รายงานจากกรมสอบสวนคดีพิเศษ เปิดเผยก่อนการประชุม ว่า สำหรับการประชุมเปิดคดีในวันนี้ จะมีวาระการประชุมที่สำคัญ คือ ฝ่ายเลขานุการคณะพนักงานสอบสวน จะได้มีการนำเสนอข้อเท็จจริงของคดี เพื่อชี้แจงต่อที่ประชุมว่า คดีดังกล่าวมีข้อมูลข้อเท็จจริงอย่างไรบ้าง เป็นความผิดฐานใด เพื่อที่จะได้หารือถึงแนวทางการสอบสวนว่า ดีเอสไอจะทำงานอย่างไร แล้วในส่วนของพนักงานอัยการ จะทำงานอย่างไรบ้าง

รวมถึงจะต้องมีการกำหนดกลุ่มเป้าหมาย ในการสอบสวนปากคำกลุ่มพยานว่า คณะพนักงานสอบสวนจะทำการสอบสวนปากคำ เพื่อให้ได้มาซึ่งประเด็นอะไรบ้าง และในการสอบสวนจะมีกรอบระยะเวลาในการทำสำนวนนานเท่าใดก่อนสรุปสำนวน

ซึ่งการที่มีอัยการมาร่วมสอบสวนคือ การทำสำนวนคดีไปพร้อมกัน ไม่ว่าดีเอสไอจะดำเนินการอะไร อัยการก็จะต้องมาร่วมสอบสวนด้วย ทั้งร่วมประชุมและการมีมติความเห็นทางคดี นอกจากนี้ วันนี้เราจะได้มีการพูดถึงกลุ่มพยานที่ต้องไปสอบสวนปากคำเข้าสู่สำนวน
พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ


 

โดยตัวเลขเบื้องต้นพบว่า มีจำนวนพยานกว่า 1,000 ราย ที่พนักงานสอบสวนจะต้องไปสอบปากคำ มีทั้งกลุ่มคนที่เข้ามาสมัคร สว. ในฐานะโหวตเตอร์หรือผู้พลีชีพก็ตาม แต่ก็ต้องมีการแบ่งว่า ดีเอสไอจะไปสอบสวนกี่ปาก แล้วอัยการจะไปสอบสวนกี่ปาก ทั้งต้องกำหนดประเด็นการสอบสวนด้วย

ทั้งนี้ กลุ่มพยานทั้งหมดจะเป็นใครบ้าง พนักงานสอบสวนคงไม่อาจเปิดเผยได้ เนื่องจากเป็นเรื่องสอบสวนทางลับ และเราต้องให้ความปลอดภัยในการคุ้มครองพยาน ที่เขาให้ข้อมูลอันเป็นประโยชน์ต่อการทำสำนวนของเจ้าหน้าที่ เนื่องจากพยานค่อนข้างหวาดกลัวในการใช้ชีวิต กลัวเรื่องความปลอดภัย จึงทำให้ต้องมีการสงวนไว้ซึ่งรายชื่อของกลุ่มพยาน

แต่ลักษณะของพยาน คือ กลุ่มคนที่รู้เห็นเหตุการณ์ขบวนการฮั้วตั้งแต่ต้นแน่นอน เนื่องจากในชั้นการสืบสวนของดีเอสไอเอง (เลขสืบสวนที่ 151/2567) ก็มีพยานหลักฐานที่เชื่อได้ว่า บุคคลเหล่านี้รู้เห็นเหตุการณ์ จึงต้องกันมาไว้เป็นพยาน ซึ่งการให้ข้อมูลอันเป็นประโยชน์ต่อเจ้าหน้าที่ ก็ถือเป็นประโยชน์ต่อตัวพยานเองด้วย เพราะในมาตรา 65 ตามกฎหมายของ กกต. ได้กำหนดไว้ว่า “หากผู้กระทำความผิดที่มาให้การกับ กกต. แล้วชี้ว่าใครเป็นคนทำอะไร อันนี้กันไว้เป็นพยานได้” ดังนั้น สิ่งนี้มันคือการเดิมพันกันสูง เพราะเขาเป็นพยานที่ชี้ตัวได้ เหมือนกลับใจมาแฉ

ขณะที่เวลา 13.45 น. พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ได้เดินทางมาเป็นประธานในที่ประชุม และได้กล่าวเริ่มต้นการประชุมคดีพิเศษดังกล่าว ว่าเป็นการประชุมครั้งแรก เป็นการเปิดประชุมคดีพิเศษที่ 24/2568 เพื่อจะได้มอบหมายการดำเนินการระหว่างดีเอสไอและอัยการต่อไป
“DSI - อัยการ” เริ่มถกคดีฟอกเงินฮั้ว สว. จ่อเรียกสอบพยานพันปาก

logoline