svasdssvasds
เนชั่นทีวี

การเมือง

“กีกี้” เป็นเหตุ! ประท้วงวุ่นศึกซักฟอก “ภราดร” ฉะเอาเรื่องไร้สาระมารกสภา

24 มีนาคม 2568
เกาะติดข่าวสาร >> NationTV
logoline

“กีกี้” เป็นเหตุ! ประท้วงศึกซักฟอกรอบค่ำ วุ่นจนรองประธานสภาฯ ต้องลุกยืนคุมสถานการณ์ ฉะ! ฝ่ายค้าน-รัฐบาลอย่าเอาเรื่องไร้สาระมารกสภา

24 มีนาคม 2568 ที่รัฐสภา นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ลุกขึ้นชี้แจงกรณี นายกัณวีร์ สืบแสง สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเป็นธรรม ที่กล่าวหารัฐบาลเล่นละคร จัดส่งชาวอุยกูร์กลับประเทศจีนว่า “นายกัณวีร์ เป็นนักโกหกตัวยง” ซึ่งตนเองมีหลักฐานมาหักล้างการกล่าวหาของนายกัณวีร์ ซึ่งเข้าใจได้ว่า นายกัณวีร์ ไร้ประสบการณ์บริหารประเทศ จึงต้องมาแสดงออกโดยไม่คำนึงผลประโยชน์ประเทศ และความมั่นคงของชาติ ที่ต้องใช้ความระมัดระวัง แต่กลับใช้จินตนาการไปเรื่อย เหมือนไม่รักประเทศกล่าวหาผู้อื่นเป็นนักแสดง

นายภูมิธรรม ชี้แจงปัญหาของชาวอุยกูร์ในไทยว่า มีความผิดเพราะเข้าเมืองผิดกฎหมาย มีโทษตามกฎหมายเพียง 2 ปี แต่รัฐบาลไทยยังไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้ จึงได้ขังชาวอุยกูร์ไว้ 11 ปี ซึ่งผิดหลักมนุษยธรรม และประเทศไทยอยู่บนทาง 2 แพ่ง รัฐบาลที่ผ่านมาจึงไม่ตัดสินใจ แต่รัฐบาลชุดนี้อาสาแก้ปัญหา นายกรัฐมนตรีได้ให้นโยบายระบุว่า แก้ได้ให้รีบแก้

ซึ่งอุยกูร์ เป็นเรื่องที่ต้องรีบดำเนินการ เพราะประเทศไทยมีกฎหมายป้องกันการซ้อมทรมานและอุ้มหาย แต่ชาวอุยกูร์กลับถูกขังถึง 11 ปี แต่ก็มีคนในกลุ่มพรรคฝ่ายค้านเป็นคนหนุ่มรุ่นใหม่ ออกมาระบุให้เก็บไว้ในคุก เพื่อไปต่อรองกับอเมริกา ซึ่งเป็นคำพูดที่ไม่เห็นความเป็นคน ไม่ใช่ปากพูดมนุษย์ แต่วิธีการปฏิบัติไปได้เรื่อย ๆ ไม่คำนึงถึงผลกระทบ

นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม
 

นายภูมิธรรม ยังย้ำ 3 ทางเลือกของชาวอุยกูร์ ทั้งการขังในห้องกักต่อไป, การส่งไปประเทศที่ 3 ซึ่งหากชาวอุยกูร์ เป็นเรื่องความสำคัญทางสิทธิมนุษยชนจริง จึงไม่มีประเทศใดขอรับตัว และให้สิทธิผู้ลี้ภัย รวมถึงองค์การระหว่างประเทศ ซึ่งหากให้สิทธิผู้ลี้ภัย รัฐบาลก็จะดำเนินการได้ดีขึ้น แต่มีแต่ผู้ที่ออกมาพูดยินดีรับ แต่ไม่มีจดหมายรับรองที่พึงกระทำ ดังนั้น การส่งไปประเทศที่ 3 จึงเป็นเรื่องเพ้อฝัน และทางเลือกสุดท้ายคือ การส่งกลับชาวประเทศจีน ซึ่งที่นายกัณวีร์ ระบุชาวอุยกูร์เป็นชาวตุรกีนั้น นายกัณวีร์โกหก เพราะตนเองมีหลักฐานทั้งหมดว่า ชาวอุยกูร์ทั้งหมดเป็นชาวจีน และมีหลักฐานที่ชาวอุยกูร์ 40 คนสมัครใจกลับประเทศจีน

นายภูมิธรรม ยังเปิดเผยอีกว่า ทีเอกอัครราชทูตต่างประเทศที่มาพบ ต่างมีความห่วงใย และเข้าใจต่อรกณีดังกล่าว เพราะมีวุฒิภาวะ และทราบว่า แม้จะชอบ หรือไม่ชอบ แต่ก็ยึดบนข้อเท็จจริง ไม่ใช่จินตนาการ คิดฝันไปเรื่อย และกล่าวหาคนอื่นว่ามีปัญหา ทั้งที่ควรหันไปกลับมองตัวเองให้มากว่า คนมีปัญหาคือใคร พร้อมรับทราบมีผู้เป็นห่วงด้านสิทธิมนุษยชนในการส่งกลับไปยังจีน จึงได้ขอให้ทางการจีนได้ออกจดหมายทางการทูต หรือ Diplomatic Note ซึ่งเป็นจดหมายสำคัญระหว่างประเทศแล้ว จึงขออย่ากังวลอันตรายใด ๆ ซึ่งเป็นคำยืนยันของมหาอำนาจ ที่ฝ่ายค้านอาจจะไม่เข้าใจ เพราะไม่เคยเป็นรัฐบาล เคยแต่วิจารณ์ และนำจิตนาการมากล่าวหาคนอื่น
นายกัณวีร์ สืบแสง สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเป็นธรรม นายกัณวีร์ สืบแสง สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเป็นธรรม
 

นายภูมิธรรม ยังยืนยันว่า รัฐบาลได้คำนึงถึงหลักการสำคัญ ที่ทั่วโลกให้การยอมรับในการส่งชาวอุยกูร์กลับจีน ซึ่งหลายประเทศทั้งยุโรป และเอเชีย ก็ความห่วงใย และตนเองก็ยืนยันว่า ไทยไม่เคยเลือกข้าง และมีศักดิ์ศรีในตนเอง พยายามทำให้ประเทศมหาอำนาจแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ด้วยสันติวิธีและการเจรจา พร้อมเลือกให้ประเทศไทยอยู่รอด สามารถเดินต่อไปได้ ไม่ได้คำนึงเรื่องที่ตกค้าง ซึ่งเรื่องดังกล่าวรัฐบาล ได้หารือร่วมกับหลายหน่วยงานในการหารือด้วยความรอบคอบ เพื่อแก้ปัญหาให้ประเทศ จนโซเชียลมีเดีย และประชาชนส่วนใหญ่เห็นด้วย

นายภูมิธรรม ยังกล่าวหากัณวีร์ว่า โกหกหลายเรื่อง เพราะการเดินทางไปมณฑลซินเจียงอุยกูร์ของตน เพื่อพิสูจน์ข้อเท็จจริงร่วมกับชาวอุยกูร์จำนวน 12 คน ร่วมกับผู้บังคับบัญชาระดับสูงของประเทศ พร้อมกับสื่อมวลชน ซึ่งใครจะกล่าวหาว่า สื่อมวลชนถูกครอบงำโดยรัฐบาล เป็นการกล่าวหาที่เกินไป เพราะมีตัวแทน “เนชั่นทีวี” ซึ่งผู้สนใจการเมืองทราบดีว่า “เนชั่น” เป็นแบบใด รวมถึงยังมีสื่อมวลชนอื่น ๆ ที่สื่อมวลชนอาวุโส เชื่อมั่นใจจรรยาบรรวิชาชีพ สามารถทำหน้าที่ได้ดี จึงขอให้นายกัณวีร์ ได้อยู่กับความจริง เพราะสิ่งที่นายกัณวีร์ได้ทำ ได้ทำร้ายประเทศ ทำให้ประเทศไม่เกิดความเชื่อมั่น และขอให้ใช้สติ เพราะสิ่งที่นายกัณวีร์ได้ตั้งคำถามนั้น ขัดแย้งกับชาวโลก ไม่รับฟังเหตุผลคนอื่น ซึ่งเรื่องนี้ นายกัณวีร์พลาดเพราะไม่รับความเป็นจริง ไม่ใฝ่หาความเป็นจริง ใช้จิตนาการชี้นิ้วด่าคนอื่น จึงขอให้เก็บเป็นบทเรียน และทำงานการเมืองสร้างสรรค์

นายภูมิธรรม ยังเปิดเผยอีกว่า 1-2 เดือนนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ จะเดินทางไปติดตาม รวมถึงยังจะมีเอกอัครราชทูตไทย ประจำกรุงปักกิ่ง สาธารณรัฐประชาชนจีน ไปติดตามเป็นระยะ ๆ ด้วย

“กีกี้” เป็นเหตุ! ประท้วงวุ่นศึกซักฟอก “ภราดร” ฉะเอาเรื่องไร้สาระมารกสภา

ทั้งนี้ ระหว่างการชี้แจงของนายภูมิธรรมนั้น นายนนท์ ไพศาลลิ้มเจริญกิจ สส.นนทบุรี พรรคประชาชน ได้ลุกขึ้นประท้วงการอภิปรายของนายภูมิธรรม ที่เสียดสีนายกัณวีร์ จนทำให้นายภราดร ปริศนานันทกุล รองประธานสภาผู้แทนราษฎร ที่ทำหน้าที่ประธานการประชุม ได้ขอให้นายภูมิธรรม ชี้แจงด้วยความสุขุมรอบคอบ ก่อนที่นายภูมิธรรม จะยืนยันว่า ตนเองได้ใช้ความสุขุมรอบคอบมากที่สุด เพราะไม่เคยใช้คำว่า “กีกี้” ไปกล่าวหา สส.หญิง เหมือนที่มี สส.ฝ่ายค้านอภิปราย ซึ่งเป็นคำที่หยาบคาย หยาบโลนที่สุดฅ

ทำให้ นายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ในฐานะประธานวิปฝ่ายค้าน ได้พยายามประท้วงนายภูมิธรรม ที่พอทราบได้ว่า นายภูมิธรรม ได้หมายถึง นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน และนายภูมิธรรม มีความเข้าใจผิดในความหมายคำว่า “กีกี้” ก่อนที่จะมีการประท้วงกันวุ่นวาย เพราะคำว่า “กีกี้” ระหว่างฝ่ายค้าน และฝ่ายรัฐบาล ไม่มีใครยอมใคร แม้นายภราดร จะมีคำสั่งให้นั่งลงแล้ว แต่ฝ่ายค้าน และฝ่ายรัฐบาล ก็ยังคงต้องโต้เถียงกันไปมา
นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน

ทำให้นายภราดร ที่ทำหน้าที่การประชุมต้องประท้วงด้วยการลุกขึ้นยืน ซึ่งเป็นมาตรการของการประธานการประชุม ตามข้อบังคับการประชุมจนทำให้ทั้งฝ่ายค้าน และฝ่ายรัฐบาลกลับมาอยู่ในความสงบ ก่อนที่จะอบรม สส.ฝ่ายค้าน และฝ่ายรัฐบาล ที่ใช้เวลากับการประท้วงไปฝ่ายละกว่า 30 นาทีแล้ว จนเวลาควบคุมการประชุมของประธานการประชุม 1 ชั่วโมง เหลือเพียง 3 นาที และเชื่อว่า ประชาชนอยากเห็นการซักถามของฝ่ายค้าน และประชาชนที่เป็นประโยชน์มากกว่านี้ จึงขอให้อย่านำเรื่องที่ไร้สาระมาให้รกสภา ก่อนที่นายภูมิธรรม จะชี้แจงต่อ
นายภราดร ปริศนานันทกุล รองประธานสภาผู้แทนราษฎร นายภราดร ปริศนานันทกุล รองประธานสภาผู้แทนราษฎร

 

logoline