:: รมว.กต.ยืนยันความสัมพันธ์ไทย-สหรัฐฯ ยั่งยืน ::
นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เปิดเผยกับ ผู้สื่อข่าวใน “เครือเนชั่น” ถึงผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาที่นายโดนัล ทรัมป์ อดีตประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ชนะการเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดี คนที่ 47 ว่า ประเทศไทยไทยกับสหรัฐอเมริกา มีความสัมพันธ์อย่างยั่งยืนที่ดีมากมาโดยตลอด และสหรัฐฯ ก็ถือเป็นประเทศหนึ่ง ที่มีความสัมพันธ์กับไทยมาอย่างยาวนาน ซึ่งตนเองย้ำมาโดยตลอดว่า ไม่ว่าสหรัฐฯ จะมีใครเป็นประธานาธิบดี หรือไทยจะมีใครเป็นมานายกรัฐมนตรี ความสัมพันธ์ระหว่างไทยและสหรัฐฯ มีความสำคัญแน่นอน และจะยังคงมีความสัมพันธ์ไปในอนาคต
:: “มาริษ” ชู “ประเทศไทยเฟิร์ส” ไม่หวั่นผู้นำใหม่ทำเนียบขาว ::
ส่วนกรณีที่ทรัมป์ กลับมาพร้อมนโยบาย America First นั้น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ก็ยืนยันว่า ไม่มีปัญหา เพราะประเทศไทยก็ “ประเทศไทยเฟิร์ส” โดยยึดโยงหลักการที่ประเทศอื่น ๆ ใช้ร่วมกันเหมือนกัน ซึ่งคือกรอบความร่วมมือระหว่างประเทศ และกรอบกฎหมายระหว่างประเทศ ฉะนั้น จึงขึ้นอยู่กับว่า จะมีการพูดคุยกันอย่างไร เพื่อหาจุดยืนร่วมกันว่า ระหว่างที่สหรัฐฯ ปกป้องผลประโยชน์ของสหรัฐฯ ประเทศไทยก็ต้องปกป้องผลประโยชน์ประเทศไทย หรือส่งเสริมผลประโยชน์ของไทย และทั้ง 2 ประเทศ จะสามารถส่งเสริมผลประโยชน์ร่วมกันได้อย่างไร
“สิ่งใดก็ตามที่ไม่ได้เป็นไปตามที่ประชาคมโลกตกลงกันไว้ หรือไม่เป็นไปตามมติองค์การสหประชาชาติ ก็ต้องมานั่งคุยกันว่า มันไม่ใช่ และจุดยืนไทย ที่เป็นประเทศเล็ก ก็ต้องยึดมั่นหลักการ International Laws และกฎบัตรสหประชาชาติ” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าว
:: รมว.กต.ย้ำรักษาผลประโยชน์ประเทศ-ไร้ศัตรู ::
ส่วนกรณีที่หลาย ๆ ประเทศ ถูกประชาคมโลกมองเลือกข้าง แต่ประเทศไทยถูกมองเป็นกลางมาโดยตลอด ในยุคของตนเองจะนำพาไทยไปในทิศทางใดนั้น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ระบุว่า ตนเองไม่อยากให้ใช้คำว่า เป็นกลาง แต่จริง ๆ แล้ว ตนใช้คำว่า ประเทศไทยเป็นประเทศที่ไม่มีศัตรู ประเทศไทยเป็นประเทศที่มีมิตรมาโดยตลอด และทั้งกรอบทวิภาคี และพหุภาคี ไม่มีปัญหาใด ๆ เลย เพราะประเทศไทย มีความสัมพันธ์ที่ดีกับทุกประเทศ และปัจจุบันโลกเริ่มแตกแยก ไทยในฐานะที่เป็นประเทศที่เป็นกลาง ไม่มีศัตรู และเป็นมิตรกับทุกประเทศ จึงเป็นลักษณะพิเศษที่ไทยมีมาตั้งแต่อดีต และตนก็ต้องการใช้จุดดีนี้ ในการดำเนินนโยบายการต่างประเทศ แต่จะต้องมีจุดยืนที่ชัดเจน นั่นคือ ผลประโยชน์ของประเทศชาติ
:: รมว.กต.ยืนยันรัฐบาลรักษาสมดุล-ผลประโยชน์ประเทศได้ ::
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ยังกล่าวถึงการทำงานในห้วงที่สถานการณ์การเมืองโลกมีความกดดัน ทั้งความขัดแย้งภูมิรัฐศาสตร์ในภูมิภาคต่าง ๆ รวมถึงการเลือกตั้งประธานาธิบดีของสหรัฐอเมริกาว่า ตนเองเป็นนักการทูตมืออาชีพมาโดยตลอด ไม่เคยเป็นนักการเมือง ก็มีความกดดัน แต่เมื่อตนเองมีเป้าหมายในการเป็นนักการทูต เพื่อเห็นผลประโยชน์ของประเทศชาติ และประชาชนเป็นหลัก จึงไม่กดดันมาก และจะต้องผ่านความกดดันไปให้ได้ เพื่อปกป้องผลประโยชน์ของประเทศชาติ และความอยู่ดีกินดีของประชาชน และยังยืนยันว่า ภายใต้การนำของนายกรัฐมนตรี การต่างประเทศของไทย จะสามารถรักษาสมดุลจุดยืน และผลประโยชน์ได้อย่างดีในทุก ๆ ประเด็น ซึ่งจะมีการปรับปรุง ปรับตัว และท่าที ตามแต่ละประเด็นสถานการณ์โลกที่แตกกัน