16 พฤศจิกายน 2567 มีรายงานเมื่อวานที่ผ่านมา (15 พ.ย.) พนักงานสอบสวน กก.2 บก.ป. ได้เข้าสอบปากคำนาวรัตน์พล วรัทย์วรกุล หรือ "บอสพอล" กับ น.ส.ปัญจรัศม์ กนกรักษ์ธนพร หรือ "บอสปัน" ในเรือนจำ เพื่อซักถามรายละเอียดทางคดีเพิ่มเติม เกี่ยวกับกรณีที่ถูก น.ส.กฤษอนงค์ สุวรรณวงศ์ หรือ เจ๊พัช ประธานอำนวยการศูนย์ประสานงานส่งเสริมเครือข่าย-ออนไลน์ เรียกเงิน เพื่อแลกกับการไม่เปิดโปงธุรกิจ "ดิไอคอน" ก่อนนำมาประมวลเรื่องราวควบคู่พยานหลักฐาน
ล่าสุด ช่วงเช้าที่ผ่านมา พ.ต.อ.มิ่งมนตรี ศิริพงษ์ ผกก.กลุ่มงานสอบสวน บก.ป. จะนำหลักฐานและคำให้การของพยานในคดีทั้งหมด เข้ายื่นคำร้องต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง เพื่อขออนุมัติการออกหมายจับน.ส.กฤษอนงค์ หรือ เจ๊พัช ในความผิดฐาน “กรรโชกทรัพย์” และ “ เป็นตัวกลางเรียกรับสินบน” จากการกรณีแอบอ้างเรียกเงินจากกลุ่มผู้ต้องหาเครือข่าย "ดิไอคอน" ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณา
โดยทีมข่าวสอบถามไปที่ พล.ต.ต.สุวัฒน์ แสงนุ่ม รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เปิดเผยว่า เมื่อวานนี้ (15 พ.ย.) พนักงานสอบสวนได้เข้าไปสอบปากคำ "บอสพอล" เพิ่มเติมเป็นครั้งที่ 3 ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพ โดยเป็นการเข้าไปสอบปากคำ เพื่อให้เกิดความชัดเจนในรายละเอียดมากขึ้น ส่วนใหญ่จะเป็นประเด็นเกี่ยวกับพฤติการณ์ทางคดี ที่เกี่ยวข้องกับผู้กระทำความผิด เพื่อให้สำนวนมีความแน่นหนา ส่วนในข้อกล่าวหาจะต้องปรับเปลี่ยนเพิ่มเติมหรือไม่นั้น ให้ทางพนักงานสอบสวนกองบังคับการปราบปราม เป็นผู้พิจารณา หลังจากสอบปากคำและวิเคราะห์พยานหลักฐาน
สำหรับในคดีนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พยานหลักฐานดังกล่าว ที่ได้รวบรวมไปก่อนหน้านี้ จะมีทั้งพยานหลักฐานคลิปเสียง และคำให้การจาก "บอสพอล-บอสปัญ" และนายวิฑูรย์ เก่งงาน ทนายความของบอสพอล และพนักงานใน "ดิไอคอน" รวมถึงพยานหลักฐานอื่นๆ ที่รวบรวมได้จนเกิดความแน่นหนารัดกุม เพราะการสอบปากคำพยาน ได้ทำการสอบปากคำพยานต่อคน มากกว่า 2-3 ครั้ง
ศาลอนุมัติหมายจับ ตร.เตรียมนำหมายค้น เข้าตรวจสอบบ้านพัก 2 แห่ง
รายงานข่าวแจ้งว่า ภายหลังเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา พ.ต.อ.มิ่งมนตรี ศิริพงษ์ ผกก.กลุ่มงานสอบสวน บก.ป. จะนำหลักฐานและคำให้การของพยานในคดีทั้งหมด เข้ายื่นคำร้องต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง เพื่อขออนุมัติการออกหมายจับ น.ส.กฤษอนงค์ ในความผิดฐาน “กรรโชกทรัพย์” และ “ เป็นตัวกลางเรียกรับสินบน” จากการกรณีแอบอ้างเรียกเงินจากกลุ่มผู้ต้องหาเครือข่ายดิไอคอน
ต่อมาศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ได้พิจารณาจากพยานหลักฐานแล้วเห็นว่า น.ส.กฤษอนงค์ มีพฤติกรรมกระทำผิดตามที่ถูกกล่าวหาจริง จึงเห็นควรให้ออกหมายจับในความผิดดังกล่าว จำนวน 2 ข้อหา
นอกจากนี้พนักงานสอบสวน กก.2 บก.ป. อีกส่วนหนึ่งยังเดินทางไปยังศาลอาญารัชดา เพื่อขออนุมัติออกหมายค้นบ้านพักของ น.ส.กฤษอนงค์ ในพื้น กทม. และ จ.ปทุมธานี อีกด้วย เพื่อเตรียมนำกำลังเข้าตรวจค้นจับกุม
เผยมูลเหตุออกหมายจับ "กฤษอนงค์"
รายงานข่าวแจ้งว่า ทั้งนี้สำหรับมูลเหตุสำคัญ ที่นำมาสู่การออกหมายจับและเข้าจับกุม น.ส.กฤษอนงค์ นั้น เนื่องจากพบหลักฐานเป็นเส้นทางการเงิน ที่ "บอสพอล" โอนเข้าบัญชีของมูลนิธิต่อต้านโกง-แชร์ลูกโซ่ "กฤษอนงค์ต้านโกง" จำนวน 4.5 แสนบาท รวมไปถึงเงินสดที่ "บอสพอล" นำไปมอบให้อีกจำนวน 3 แสนบาท
สอดคล้องกับคำให้การของพยานบุคคลต่างๆ ที่ให้การไปในทิศทางเดียวกันว่า หลังมีการเปิดโปงธุรกิจเครือข่ายดิไอคอน จนเป็นข่าวดังขึ้นมา น.ส.กฤษอนงค์ ได้เข้าไปพูดคุยกับ "บอสพอล" และคนใกล้ชิด เพื่อขอเรียกเงินจำนวน 7.5 แสนบาท แลกกับการไม่พาผู้เสียหายไปแจ้งความร้องทุกข์เพิ่ม หรือไม่เปิดโปงเรื่องราวให้บริษัทเสียหายไปมากกว่านี้ พร้อมทั้งพยายามพูดปลอบประโลม ให้คำแนะนำทางคดีต่างๆ จนบอสพอล ต้องจำยอมจ่ายเงินรวมจำนวน 7.5 แสนบาท ให้ตามที่ น.ส.กฤษอนงค์ เรียกร้อง
นอกจากนี้ฝั่งบอสคดีดิไอคอน รวมถึงพยานบุคคลต่างๆ ยังให้การสอดคล้องกันว่า ตัว น.ส.กฤษอนงค์ ยังมีการพูดแอบอ้างเรียกเงินบางส่วนเพิ่มอ้างว่า จะนำไปมอบให้กับเจ้าหน้าที่ หรือผู้หลักผู้ใหญ่ สอดคล้องกับหลักฐานจนเป็นเหตุให้มีการออกหมายจับ
แนวทางสืบสวนเจ้าหน้าที่ยังทราบอีกว่า แม้ น.ส.กฤษอนงค์ จะมีส่วนสำคัญในการเป็นตัวกลางเจรจากับบอสพอล จนทำให้ บอสพอล ยอมจ่ายเงินชดใช้คืนให้กลุ่มผู้เสียหายจำนวน 10 ล้านบาท แต่ภายหลังกลับพบว่า น.ส.กฤษอนงค์ นั้น กลับไปเรียกเก็บเงินคืนจากผู้เสียหายคิดเป็นเงินร้อยละ 20 ของเงินที่ผู้เสียหายได้กลับคืนอีกด้วย